หญิงสาวแต่งการด้วยชุดเดรสสั้นเน้นอวดรูปร่าง แบรนด์เนมหรูราคาแพงลิ่ว ที่เพิ่งซื้อใหม่หมดรวมไปถึงรองเท้าส้นสูงที่หญิงสาวกำลังสวมใส่อยู่ กับทรงผมใหม่ที่ดูสวยรับกับรูปหน้า ยิ่งทำให้หญิงสาวดูสวยหวานและมีเสน่ห์มากขึ้น ทว่าเขากลับรู้สึกขุ่นเคือง ไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายกลับใส่ชุดอวดเนื้อหนังมังสามากจนเกินไป
กอปรกับท่าทีที่คล้ายไม่ยี่หระและสนใจเขาเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เขาขุ่นเคือง และงุนงง ไม่เข้าใจกับท่าทีเหล่านี้
“พี่พาแม่พี่กับปายเขามาเลือกซื้อของ” คำอธิบายที่เธอไม่ร้องขอ กลับทำให้เธอนึกขบขันอยู่ในใจไม่น้อย
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับสั้นๆอย่างไม่ใคร่จะสนใจเท่าไหร่นัก เพราะสายตานั้นกำลังสอดส่ายเลือกมองหาของที่ตัวเองกำลังสนใจ
“คุณลูกค้าสนใจผลิตภัณฑ์ตัวไหนเป็นพิเศษไหมคะ” คำถามของพนักงานทำให้เธอนิ่งคิดไปเล็กน้อย
“อืม...ฉันอยากได้เซตเครื่องสำอางเซตนั่นน่ะค่ะ รวมทั้งน้ำหอมกลิ่นนี้ด้วย เก็บเงินที่ผู้ชายคนนี้นะคะ” ตอบพร้อมกับชี้นิ้วไปยังคนร่างสูงที่ยังคงยืนนิ่ง สมองยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ขณะที่หญิงสาวหมุนตัวหันมามองหน้าเขาเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มมุมปาก
“ขอตัวก่อนนะคะ พอดียังมีของที่อยากได้อยู่อีกเยอะเลย ไปเถอะนิ้ง พายมันมาถึงแล้วใช่ไหม” ประโยคท้ายเอ่ยถามขึ้นเพราะเมื่อครู่เธอแอบได้ยินที่คะนิ้งรับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทอีกคนที่คงกำลังวนหาที่จอดรถอยู่เมื่อครู่
“อืม...มันมาถึงแล้ว”
“เดี๋ยวสิ” สองเท้าที่กำลังจะก้าวเดินชะงักไปเล็กน้อย หยุดฟังคำพูดต่อมาของเขา
“ทานข้าวก่อนไหม” อิงค์วิฬาร์แค่นหัวเราะออกมาเบาๆ กับคำถามนั้น ก่อนจะตอบเขาว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกลับไปดูแลน้องคุณเถอะ ฉันทานข้าวกับเพื่อนได้” ปฏิเสธทันทีด้วยท่าทีที่เหมือนจะไม่ยี่หระ หรือสนใจ
หลายวันมานี้เธอตระหนักคิดได้หลายอย่าง ยิ่งสิ่งที่เขาทำกับเธอ ราวกับไม่ใช่คนรัก เป็นหญิงไร้ค่าที่เขาไม่สนใจ หล่อนยิ่งต้องพยายามที่จะตัดใจจากเขาให้ได้ แม้ว่ามันจะยากมากแค่ไหนก็ตาม
“นี่เธอโกรธพี่เหรอวิฬาร์”
“หึ...โกรธ?...ฉันต้องโกรธคุณเรื่องอะไร” ย้อนถามกลับ ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย
น่าขันที่เขากลับมาถามเธอด้วยคำนี้...
ระหว่างคิ้วหนามุ่นหากันด้วยความไม่ชอบใจ ยิ่งเห็นท่าทีที่ดูยโสและโอหัง ไม่คิดสนใจเขาเหมือนเช่น ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดใจมากยิ่งขึ้น
“พี่ไม่ชอบให้เธอประชดพี่แบบนี้นะ” เค้นเสียงดุใส่ ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอกลับไม่สะทกสะท้านหรือนึกกลัวว่าเขาจะโกรธหรือพอใจเลยสักนิด หากเป็นเมื่อก่อนแค่เพียงเขามีสีหน้าบึ้งตึงโกรธเคืองไม่พอใจ ว่าแค่เพียงไม่กี่คำเธอก็ยินยอม อ่อนข้อให้กับเขาอย่างง่ายดายไปแล้ว
“งั้นเหรอคะ...ก็แล้วแต่คุณสิ”
“วิฬาร์!” ปารย์ณวิชจับต้นแขนของหญิงสาวคนรักให้หันกลับมาหาทันที ด้วยความขุ่นเคือง
“คุยกับพี่ให้รู้เรื่องก่อน”
“เอ๊ะ...ฉันเจ็บนะ!”
“กลับบ้านกับพี่!” เค้นเสียงดุ ขณะดึงร่างเล็กให้ขยับเดินตามไปกับเขา ทว่าหล่อนกลับขืนตัวไว้เล็กน้อย ตอบกลับด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง
“ไม่ค่ะ วิฬาร์จะช้อปปิ้งกับเพื่อน พี่จะไปซื้อของดูของกับน้องพี่ก็ไปสิ จะมาวุ่นวายกับวิฬาร์ทำไม”
“เห้ย...ค่อยๆพูดกันดีกว่านะ มาทะเลาะอะไรกันตรงนี้อายคนอื่นเขา…ดูสิ เขามองกันใหญ่แล้ว” คะนิ้งเห็นท่าไม่ดี สะกิดเตือนพลางเหลือบมองไปรอบๆ เห็นสายตาของหลายใครคนกำลังลอบมองดูการกระทำของคนทั้งคู่อยู่ด้วยความสนใจ
เป็นจังหวะเดียวกับเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น พร้อมกับชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์
‘น้องปาย’ อิงค์วิฬาร์เหลือบชำเลืองมองเพียงเล็กน้อย บอกเสียงสะบัดใส่อย่างไม่ยี่หระ
“น้องคุณตามแล้ว รีบไปสิคะ” พร้อมกับสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา ด้วยความกรุ่นโกรธ
ร่างสูงถอนหายใจดังด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับดึงแขนเธอให้หันกลับมามองหน้าเขา
“เลิกประชดพี่แบบนี้สักทีได้ไหม”
“เอ๊ะ...คุณต้องการยังไงกันแน่ ถ้าฉันไม่ให้คุณไป คุณก็จะว่าฉันงี่เง่า แต่พอฉันให้คุณไปก็หาว่าฉันประชด สมองคุณยังปกติอยู่หรือเปล่า!”
“อิงค์วิฬาร์!” ร่างสูงเค้นเสียงดังเรียกชื่อเธอด้วยความโมโห จนคะนิ้งที่เห็นท่าไม่ดีรีบแทรกตัว เอ่ยห้ามทัพ
“พอ พอ พอ อะไรกันเนี่ย พวกคุณสองคนมาทะเลาะอะไรตรงนี้ วิฬาร์ก็เหมือนกัน แกไปกินยาผิดมาหรือไง”
“ปล่อยได้ละ ฉันจะไปหาเพื่อนฉัน ส่วนคุณก็ไปอยู่กับน้องคุณนั่นล่ะ ถ้าคิดจะไม่สนใจกัน ก็ไม่ต้องสนใจ อย่ามาวุ่นวายแบบนี้อีก ฉันเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน” พูดพร้อมกับใช้แรงที่มีสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินหิ้วถุงแบรนด์เนมที่มีอยู่เต็มสองมือผ่านหน้าเขาไปทันที โดยมีคะนิ้งที่ก้ามเท้าเดินตามด้วยสีหน้างุนงงแปลกใจอยู่ไม่น้อย กับท่าทีที่เปลี่ยนไปแทบจะเป็นจากหน้ามือเป็นหลังมือของเพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่เด็ก
“เป็นอะไรน่ะวิฬาร์” คะนิ้งหันมาถามเพื่อนด้วยความสงสัย ขณะเดินทิ้งห่างจากคนรักของเพื่อนมาไกลพอควร
“แกอยากให้ฉันทำแบบนี้กับเขาไม่ใช่เหรอ”
“เห้ย อย่ามาโทษกันสิ...เป็นอะไรเนี่ยวิฬาร์ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้นะ” อิงค์วิฬาร์ที่กำลังสติแตกเพราะความเสียใจ น้ำตาไหลพรั่งพรูจนต้องรีบปาดทิ้ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติตัวเองเมื่อได้ยินคำนั้นของเพื่อน รีบกล่าวด้วยความรู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีใส่ไปเพราะอารมณ์ที่กำลังพลุพล่าน
“เราขอโทษนะนิ้ง...เราแย่มากใช่ไหม”
“เปล่าหรอก แต่ฉันไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้มาก่อน ก็เลยอดแปลกใจไม่ได้ วันนี้แกไปกินดีหมีมาหรือไงถึงได้ดุแบบนี้”
“คะนิ้ง...ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
“อืม...ว่ามาสิ”
“แกรีบหาคอนโดหรือบ้านให้ฉันหน่อยได้ไหม ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“หื้ม เอาจริงดิ” คิ้วสวยเลิกสูงด้วยความแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ใช่ ฉันจะย้ายออก”
“แกจะเลิกกับอาจารย์ปราบเหรอ”
“พูดแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก ฉันแค่ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าแบบนี้อีก ในเมื่อไม่รักก็ไม่ต้องรัก อยากจะไปอยู่กับน้องสาวเขาคนนั้นก็ไปเถอะ”
“นี่แกไม่ได้ใช้อารมณ์อยู่ใช่ไหม”
“ฉันคิดมาสักพักแล้วคะนิ้ง รีบหาให้ฉันเลยนะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“อืมได้ เดี๋ยวจัดการให้” พยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจอารมณ์เพื่อนดีว่ารู้สึกอย่างไร เพราะที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้สนับสนุนให้ได้คบกับอาจารย์คนนี้อยู่แล้ว เพราะระยะหลังที่สัมผัสได้นั้นเพื่อนเธอไม่เคยเป็นตัวของตัวเองเลยสักครั้ง มักจะมีความคิดของคนที่ได้ชื่อว่าคนรักครอบงำอยู่เสมอ