“วิฬาร์!” เสียงเรียกนั้นทำให้เธออดที่จะรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะยังเดินตามเธอมาทั้งๆที่เขาควรจะกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น สองมือที่กำลังหยิบจับกระเป๋าสวยแบรนด์ดังชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่ถอนหายออกมาเสียงดังพอควร
“งั้นเราแยกไปดูของทางโน้นนะ แกก็ใจเย็นล่ะ คุยกับเขาดีๆ อย่าตีกันตรงนี้ อายเขา” คะนิ้งที่ไม่อยากให้เพื่อนต้องมีปัญหากับคนรักเอ่ยเตือนสติ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนได้คุยหรือปรับความเข้าใจกับคนรัก แม้ว่าลึกๆแล้วจะไม่ได้อยากสนับสนุนให้เพื่อนได้คบหาด้วยเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเพื่อนของเธอยังคงสถานะคบหาอยู่กับเขา ก็ได้แต่อยู่ข้างๆคอยปลอบใจก็เท่านั้น
“อืม” หันไปตอบรับขณะที่ ร่างสูงโปร่งเดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ หล่อนจึงทำทีเหมือนไม่สนใจอะไร
กระทั่ง
“ไปทานข้าวกันไหม” สุ้มเสียงที่เอ่ยถามไร้ซึ่งอารมณ์หงุดหงิด ไม่พอใจอย่างเช่นก่อนหน้า พลอยทำให้เธอชะงักมือไปเล็กน้อย ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ถามเสียงขุ่น
“ตามมาทำไมคะ ไม่ไปอยู่กับน้องกับแม่คุณล่ะ”
“วิฬาร์” เรียกชื่อเธอสุ้มเสียงอ่อนใจ แต่เพราะเขาไม่อยากให้เธอขุ่นเคืองใจมากไปกว่านี้ จึงพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ถามเสียงอ่อนลง
“ซื้อของทำไมเยอะแยะขนาดนี้ พี่ไม่ได้หวงนะ แต่แค่สงสัย” เพราะเขารู้ว่าเธออาจจะขุ่นเคืองน้อยใจเขาด้วยเรื่องอะไร จึงไม่อยากทะเลาะกับเธอมากไปกว่านี้
“วิฬาร์จะไปสมัครงานค่ะ” หล่อนตอบเสียงเรียบ ทว่าเขากลับทวนคำนั้นของเธอ ราวกับประหลาดใจนักหนา
“สมัครงาน?”
“ค่ะ...วิฬาร์จะทำงาน”
“อืม...งั้นก็ดี ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ” พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่ได้คิดอะไร ทว่ากลับกระทบใจเธออย่างบอกไม่ถูก หล่อนสะบัดหน้ามองเมินสายตาไปทางอื่น ริมฝีปากบางเม้มแน่น น้ำตาเคลือบคลอด้วยความน้อยใจ
ที่ผ่านมาเขาคงคิดเช่นนั้นมาตลอดสินะ ทั้งๆที่เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายบอกให้เธออยู่บ้านไม่ต้องทำงานอะไรในช่วงที่เธอเพิ่งเรียนจบใหม่ๆและกำลังตระเวนหางานอย่างหนัก แต่พอวันนี้...
ที่ผ่านมาเขาอาจจะมองว่าเธอเป็นภาระที่เขาต้องคอยเลี้ยงดูก็ได้...
ปารย์ณวิชก้าวขายาวๆตามมาติดๆ เดินมาขนาบข้างหญิงสาวที่วันนี้เหมือนจะเป็นจุดสนใจของคนทั่วไป ใครต่อใครต่างหันมองเหลียวหลัง ชื่นชมในความงามของเธอ จนเขาเริ่มรู้สึกรู้สึกตงิดใจ หงุดหงิดกับสายตาเหล่านั้นอย่างบอกไม่ถูก
นัยน์ตาคมตวัดสายตามองสบตาชายเหล่านั้นด้วยความขุ่นเคือง ไม่พอใจ หึงหวงอย่างไม่บอกถูก
“ทำอะไรคะ” อิงค์วิฬาร์หันมาถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย คิ้วสวยเลิกสูงขึ้น เมื่ออยู่ๆ มือหนาของเขาจับจูงมือเธอ แสดงท่าทีคล้ายกับหึงหวง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยคิดที่จะสนใจเธอเลยด้วยซ้ำ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่เคยแม้แต่โดนตัว ไม่เคยจับมือ หรือโอบไหล่ แสดงความเป็นเจ้าของกับเธอในที่สาธารณะเลยสักครั้ง
“จะไปทานข้าวไหม” ชายหนุ่มเลี่ยงที่ตอบคำถามนั้น แต่กลับเอ่ยชวนเธอไปหาอะไรทาน ท่าทีไขสือของเขานั้นนำความแปลกใจมาให้เธอมากยิ่งขึ้น แต่หล่อนก็ไม่ได้คิดทักท้วงอะไร ยอมเดินตามแรงจูงของเขาไปยังร้านอาหารที่เขาต้องการ สนใจทาน
ทว่า หญิงสาวกลับขืนตัว ชะงักฝีเท้า ไม่ยอมก้าวเดินจนเขาต้องหันมามอง คิ้วหนาเลิกสูงด้วยความแปลกใจ
“ทำไมล่ะ ไม่หิวเหรอ”
“หิวค่ะ แต่วิฬาร์ไม่อยากทานร้านนี้”
“หมายความว่ายังไง ในเมื่อทุกทีเธอก็ชอบ ทำไมคราวนี้ถึงไม่อยากทานล่ะ ” คิ้วหนามุ่นหากันเล็กน้อย ย้อนถามด้วยความสงสัย
“ทุกทีที่ว่าน่าจะหมายถึงพี่ปราบคนเดียว แต่วิฬาร์ไม่ได้อยากทาน” คำตอบของเธอทำเอาเขาถึงกับนิ่งไป มองหน้าหญิงสาวอย่างต้องการคำตอบหรือคำอธิบายในสิ่งที่เธอพูดมากกว่านี้
ทว่า หล่อนกับนิ่งเฉย หันสายตาไปมองยังร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่เขาเคยพาเธอมาทานหลายครั้ง และทุกครั้งเธอจำเป็นต้องสั่งเมนูเดิมๆที่ไม่ได้อยากทาน เพราะตัวเลือกของเธอมีไม่มากนัก ที่สำคัญเพราะเธอแพ้ของดิบ ทำให้ตัวเลือกเมนูอาหารมีน้อย แต่เพราะที่ผ่านมา เธอไม่อยากขัดใจและให้เขามองว่าเธอเป็นผู้หญิงเรื่องมาก น่ารำคาญ กอปรกับอยากเอาใจเขา ทำให้ไม่เคยปฏิเสธ เลยทำให้เขาอาจหลงคิดไปเองว่าเธอชอบ ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้นเลย เขาแทบไม่เคยจำได้เลยด้วยซ้ำ ว่าเธอชอบอะไร หรือแพ้อะไรบ้าง ทุกอย่างเป็นเธอทั้งนั้นที่เป็นฝ่ายจดจำว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
“แล้วเธออยากทานอะไร” ถามเสียงห้วนขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เธอนิ่งคิด ก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นร้านอาหารอีสานชื่อดังแนวฟิวชั่นที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้
“วิฬาร์จะทานไก่ย่างส้มตำค่ะ” เธอชี้นิ้วไปยังร้านอาหารชื่อดังที่มีคนมายืนรอต่อคิวอยู่บริเวณหน้าร้านจำนวนมาก ขณะที่เขามองตามด้วยความแปลกใจ
“ปกติเธอทานร้านแบบนี้ด้วยเหรอ”
“หึหึ...วิฬาร์ทานร้านแบบนี้ค่ะ พี่ปราบไม่รู้เหรอคะ” เธอย้อนถามเขาหน้านิ่ง ก่อนจะตัดสินใจสลัดมือที่ถูกเขาจับกุมอยู่ เดินไปยังร้านดังกล่าวทันที โดยไม่สนใจว่าเขาจะเดินตามมาด้วยหรือไม่
ร่างสูงมองตามด้วยความแปลกใจ อดรู้สึกสงสัยกับท่าทีมึนตึง คล้ายกับเย็นชาของเธออยู่ไม่น้อย ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามเธอเข้าไปในร้านดังกล่าว
ร่างบางเดินนำเขาเข้ามานั่งโต๊ะ ที่อยู่ด้านในสุดของร้านซึ่งมีโต๊ะว่างอยู่เพียงโต๊ะเดียว
สายตาคมลอบมองดูเธอสั่งอาหารกับพนักงานอย่างชำนาญด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“วิฬาร์ เผ็ดมากมันจะสอดท้องนะ" เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อยเพราะปกติแล้ว เขาเป็นคนไม่ชอบทานอาหารที่มีรสจัดมากเท่าไหร่
“พี่ปราบก็ทานอะไรที่ไม่เผ็ดสิคะ”
คบกันมานานร่วมสามปี แต่เขากลับไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอเองก็ชอบทานอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านเช่นนี้
เวลาเพียงไม่นาน อาหารที่สั่งถูกยกมาวางจนเต็มโต๊ะ สองมือของหญิงสาวกำลังตักอาหารที่ตัวเองชอบใส่ปากทานอย่างเอร็ดอร่อย สีหน้าและแววตาดูผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น จนเขาที่ไม่เคยได้สังเกตสีหน้าของหญิงสาวคนรัก ถึงกับนิ่งไปเล็กน้อย
ขณะที่ทั้งสองกำลังเพลิดเพลินกับรสชาติอาหารที่ค่อนข้างถูกปาก เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูแผดร้องเสียงดังขึ้น พลอยทำให้หางคิ้วสวยกระตุกขึ้นเล็กน้อย มือที่กำลังหยิบตักอาหารทานชะงักไปทันที พร้อมกับเหลือบสายตามองไปยังหน้าจอนั้น เห็นชื่อของ ปทิตตา ปรากฏอยู่ ริมฝีปากบางเม้มแน่น สายตาจ้องมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของคนรักที่ดูนิ่งไปทันที
ปารย์ณวิชถอนหายใจออกมาเบาๆ เหลือบมองสีหน้าของคนรัก ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย ตอบรับด้วยเสียงที่เบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย
“ครับน้องปาย”
...
“เอ่อ...”
อิงค์วิฬาร์มองหน้าคนรักที่เหมือนกับว่าเขากำลังมีอะไรบางอย่าง สีหน้าคล้ายลังเลลำบากใจ เมื่อได้ยินข้อความบางอย่างจากปลายสาย ขณะที่เขาเหลือบสายตามองสบตาเธอ ริมฝีปากบางเม้มแน่น ด้วยสีหน้าครุ่นคิดลังเล
หญิงสาววางช้อนที่กำลังตักอาหารทาน มองหน้าคนรักก่อนจะเอ่ยแทรกบทสนทนาเหล่านั้นขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งที่ใจเธอนั้นเต้นแรงอยู่ไม่น้อย
“ไปเถอะค่ะ...ฉันนั่งทานคนเดียวได้”
“วิฬาร์...คือ…แม่พี่กับน้องปายเขามาซื้อของด้วยกัน” คำตอบกอปรกับท่าทีอึกอัก ลังเลคล้ายลำบากใจ ทำให้เธอตัดสินใจเอ่ยคำต่อจากนั้น
“ค่ะ...งั้นก็ไปสิคะ”
อาจารย์หนุ่มนิ่งงันไปลังเลด้วย ด้วยความรู้สึกลังเลสับสน เพราะใจเขานั้น ก็ไม่อยากทิ้งให้เธอนั่งทานข้าวอยู่ลำพัง แต่มารดาของเขาก็คงไม่ยินยอม
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เสหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ
ท่าทีเหล่านั้นพลอยทำให้หญิงสาวรู้สึกใจชื้น หัวใจเธอเต้นแรงอยู่ไม่น้อย ยอมรับว่าในใจก็ยังแอบหวังว่าเขาจะไม่ทิ้งเธอไว้ให้นั่งทานข้าวอยู่ตรงนี้คนเดียว
ทว่า...สิ่งที่อยู่ออกจากปากของเขา ทำให้เธอถึงกับนิ่งไปทันที
“งั้นเดี๋ยวพี่มา เธอนั่งทานรอพี่ก่อนนะ หรือจะโทรให้นิ้งมานั่งทานด้วยก็ได้ แล้วพี่จะรีบกลับมา”
อิงค์วิฬาร์มองหน้าเขานิ่งไป ไม่มีคำพูดหลุดออกปากเธอ นอกจากมองดูเขารีบร้อนลุกเดินห่างออกไปหายจากสายตา
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตักอาหารทานใส่ปาก แม้จะพยายามข่มความรู้สึกบางอย่างไว้ในใจมากแค่ไหน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกทิ้งให้นั่งทานข้าวคนเดียวแบบนี้ ถึงแม้จะไม่มีผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็ยังจะเลือกเพื่อนหรือใครๆก่อนเธอเสมอ
และทุกครั้งเธอก็ต้องเป็นฝ่ายถูกเขาทิ้งขว้าง
หล่อนสูดลมหายใจเข้า แล้วตัดสินใจโทรศัพท์หาเพื่อนทั้งสองที่คงกำลังเดินเล่นเตร็ดเตร่อยู่บริเวณแถวนั้นให้มานั่งทานอาหารด้วยกัน คราแรกที่เธอเอ่ยชวน ทั้งสองรีบปฏิเสธทันควัน เพราะอยากให้เพื่อนได้มีเวลาร่วมกันกับคู่รัก แต่ในเมื่อเขาทิ้งให้เธอนั่งทานข้าวคนเดียว พวกเธอทั้งจึงไม่ลังเลที่จะรีบมาหาในทันที
หล่อนใช้เวลาทานอาหารกับเพื่อนไม่นาน ก่อนจะตัดสินใจเช็คบิลโดยไม่ได้คิดรั้งรอเช่นครั้งก่อนๆ เธอยังมีอะไรหลายอย่างที่คิดจะทำ ไหนจะนวดตัว ขัดผิว หรือแม้แต่ช้อปปิ้ง และยังอยากได้เสื้อผ้า รวมไปถึงเครื่องประดับสวยๆไว้ใส่เล่น เตรียมพร้อมที่จะออกไปทำงานหากเธอได้รับการคัดเลือกจากสถานีโทรทัศน์ที่เธอยื่นใบสมัครไว้
นานๆจะได้ออกมาใช้เงินของเขาสักที เธอคิดแบบนี้
เป็นเวลาเดียวกับที่ปารย์ณวิช ตัดสินใจแยกตัวจากมารดาและน้องสาวของเพื่อนโดยอ้างว่ามีติดธุระที่ต้องไปจัดการ ก่อนจะวิ่งกลับมาที่ร้านที่เขาคิดว่าเธอจะรอเหมือนเคย
ทว่าครั้งนี้...เธอกลับไม่ได้รอเขาเหมือนเช่นเคย เก้าอี้ตัวนั้นกลับมีใครคนอื่นมานั่งใช้บริการอยู่แทนที่แล้ว
ชายหนุ่มกดโทรศัพท์หาเธอด้วยท่าทีร้อนใจอยู่ไม่น้อย เพราะท่าทีและสีหน้าของเธอ แววตาที่ใช้มองเขา...
ปารย์ณวิชรอสายอยู่นาน และครั้งนี้เธอกลับเลือกที่จะไม่รับสายเขา...
ยิ่งทำให้เขาร้อนรุ่มในใจและเริ่มตระหนักได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเธอในครั้งนี้…