ตอนที่ 9-2

1236 คำ
“วิฬาร์” นานหลายวินาทีกว่าที่เขาจะหาเสียงตัวเองเจอ เอ่ยเรียกชื่อเธออย่างแผ่วเบา ขณะที่หญิงมองหน้าเขานิ่ง หัวใจหล่อนเต้นแรงเร็ว เหงื่อซึมตามกรอบหน้าสวย ด้วยเพราะประหม่า และความเจ็บปวดที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ หล่อนสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นสูงเล็กน้อย แววตาคู่สวยแวววาวเปล่งประกายหยาดน้ำตา ก่อนจะเอ่ยในคำที่ตนเองคิดมาอย่างดี ถี่ถ้วนแล้ว ซ้ำอีกครั้ง “วิฬาร์ตัดสินใจดีแล้วค่ะ เราเลิกกันเถอะ” …. “พี่อยากรู้ว่าทำไม” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถาม เขาไม่อยากเชื่อหูตนเองเลยด้วยซ้ำ ขณะที่เธอกลับได้ยินแล้วถึงกับแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ “หึ พี่ยังจะถามอีกเหรอคะ” ยิ้มหยันให้กับคำถามแสนโง่เขลาของเขา ที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากของอาจารย์หนุ่มรูปหล่อที่ใครๆต่างก็นึกชื่นชม และหมายปอง ก่อนจะเอ่ยต่อว่า.. “ขนาดวันนี้วันวาเลนไทน์ พี่คิดจะมีดอกไม้ให้วิฬาร์ไหมคะ…หึ ไม่มีสินะ… หรือแค่คิดว่ามาทานข้าวเฉยๆก็เพียงพอแล้ว สามปีกว่าที่คบกัน วิฬาร์ได้ดอกไม้จากพี่แค่ดอกเดียว แล้วก็เป็นดอกที่พี่แค่ซื้อเพราะสงสารเด็กที่เขาเอามาเร่ขายเท่านั้น วันสำคัญไหนๆพี่ก็เคยไม่สนใจ ขนาดวันเกิดพี่ก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับวิฬาร์ แม้กระทั่งวิฬาร์ไม่สบาย พี่ยังเลือกคนอื่น พี่เลือกคนอื่นก่อนวิฬาร์เสมอ” ถ้อยคำที่ระบายออกมาด้วยความอัดอั้นกับน้ำตาที่ไหลรินเป็นทาง พลอยทำให้เขาสะอึกอึ้งอยู่ไม่น้อย แววตาฉายความรู้สึกผิดกับทุกคำพูด ร่ายยาวของเธอ เจ็บหนึบที่หัวใจตนเองอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน…คำว่าเลิกคำนี้ ไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลยสักครั้ง ปารย์ณวิชสะอึกนิ่งไปนานหลายนาที สติคล้ายจะดับมืดไปชั่วขณะ หัวใจเขาแทบจะหยุดเต้น กับคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของเธอ กว่าที่เขาจะหาเสียงตัวเองเจอ เอ่ยประโยคในสิ่งที่เขาคิดถี่ถ้วนแล้ว “วิฬาร์…พี่รู้ว่าหนูโกรธ และน้อยใจพี่หลายอย่าง แต่อย่าใช้อารมณ์ในตอนนี้ได้ไหม" “วิฬาร์ใช้อารมณ์เหรอคะ ที่พูดมาทั้งหมด พี่บอกว่าวิฬาร์ใช้อารมณ์เหรอคะ" “พี่ขอโทษ พี่ใช้คำผิดไป" เขานิ่งไปทันที พยายามสงบให้ใจตนเองเย็นลง แม้ข้างในหัวใจเขาจะร้อนรุ่ม กระวนกระวายใจแค่ไหน ก่อนจะเอ่ยคำที่เขาคิดและรู้สึกได้ในเวลานี้ “วิฬาร์อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้ไหม ต่อไปพี่จะพยายามปรับตัว ให้โอกาสพี่ได้ลองนะวิฬาร์” เธอมองหน้าเขา ริมฝีปากบางบิดเบ้ หยดน้ำตาเอ่อคลบกลบสายตาจนภาพตรงหน้าพร่าเลือน ก่อนจะปาดเช็ดทิ้ง ยิ้มขันกับคำพูดเหล่านั้นของเขา “โอกาสเหรอคะ…เพื่ออะไร" เธอย้อนถาม ขณะที่เขาตัดสินใจเดินเข้ามาหา พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้เบาะเดียวกัน ดึงร่างบางมากอดไว้แนบอก “ครับ พี่รู้ว่าวิฬาร์น้อยใจพี่ ประชดพี่ อย่าใช้อารมณ์เลยนะ" เธอมองหน้าเขานิ่งนาน และไม่คิดที่จะพูดหรือตอบรับอะไรเขา และเขาเองก็คาดคิดเข้าข้างตนเองไปว่า …เธอก็คงแค่ประชดเขาไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นอย่างจังอย่างที่พูด คงแค่น้อยใจและอยากเรียกร้องให้เขาสนใจเท่านั้น ร่างสูงโอบกอดหญิงสาวไว้แน่น ส่วนลึกอดที่จะรู้สึกใจหาย และหวาดกลัวในคำที่หญิงสาวบอกกล่าว แม้เขา จะพยายามบอกตัวเองซ้ำๆแบบนั้น ว่าเธอ…คงแค่ประชดเขาเท่านั้นไม่ได้คิดเป็นจริงจังอะไร…แต่อีกใจก็อดหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ขณะที่เธอเอง…นั้น กลับนิ่งงันไป หยดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม…ไม่ใช่เพราะเธอจะยอมให้โอกาสเขา…แต่ถ้าให้เลิกจริงๆวันนี้เธอก็ยังไม่พร้อมมากนัก…ไหนจะเรื่องที่อยู่ เรื่องงานที่ยังไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสหรือไม่…ทุกอย่างต้องวางแผน โดยไม่ใช่อารมณ์…แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน…ใจเธอยังไม่แข็งแรง และถ้าเขาปรับปรุงตัว ใส่ใจดูแลเธอมากขึ้น…ทุกอย่างก็อาจจะดีขึ้น…ใช่ไหม ปารย์ณวิชพาหญิงสาว ขับรถกลับมาบ้านในเวลาที่ค่อนข้างดึกมากแล้ว หญิงสาวแยกตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินกลับลงมาในห้องครัวเพราะรู้สึกกระหายน้ำ สองเท้าหยุดชะงักไปเล็กน้อย เมื่อสายตาเหลือบชำเลืองมองไปเห็นเขากำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคนภายในห้องรับแขก หล่อนหยุดมองนิ่งด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ริมฝีปากเม้มแน่นพลางคิดย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงหัวค่ำ ที่เธอตัดสินใจบอกเลิกเขาไป… มันไม่ใช่เพราะเธอต้องการประชดด้วยอารมณ์น้อยใจอย่างที่เขาเข้าใจเลยสักนิด แต่มันเป็นความรู้สึกที่อัดแน่น สะสม จากความเสียใจ น้อยใจมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่เธอเพียรพยายามอยากที่จะตัดใจจากเขา แม้จะรู้ว่าตัวเองยังไม่แข็งแรงมากพอ แต่ในเมื่อเขาเอ่ยแบบนั้น เธอเองก็อยากยื้อเวลาไปอีกสักเล็กน้อย อย่างน้อยให้เธอได้งานทำ และได้ทำใจต่ออีกสักนิด วันนั้นเธอคงไม่ลังเลเช่นวันนี้ หญิงสาวมองเขานิ่งนาน ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนอย่างเงียบๆ เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ปารย์ณวิชเหลือบสายตา เห็นร่างเล็กกำลังเดินหายกลับขึ้นไปยังชั้นบน จึงรีบวางสายแล้วลุกเดินตามขึ้นมาบนห้องทันที ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบนเตียงที่เธอกำลังนอนหันหลังให้เขาอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาคอมมองแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวนิ่งนาน ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ขณะความน้อยใจที่ก่อตัวขึ้น เกาะกุมหัวใจเธอมาเป็นระยะเวลานาน จนหัวใจเธอเริ่มด้านชา และเลิกที่จะรอคอยอ้อมกอดนั้นของเขาอย่างที่ผ่านมาแล้ว มันเจ็บปวดจนไม่อยากจะรับรู้ หรือเชื่ออะไรใดๆเขาอีก เสียงเคลื่อนไหวก่อนที่เธอจะรับรู้ถึงการยวบตัวลงของที่นอนอีกด้านของเตียง ความคิดของเธอต้องหยุดลงเมื่อวงแขนแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามค่อยๆโอบกอดเธอจากด้านหลัง ก่อนจะจับตัวเธอหงายแล้วพลิกร่างขึ้นทาบทับบนตัวเธอ ตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ จ้องมองใบหน้าหล่อคมคายที่กำลังโน้มเข้าหา หัวใจหล่อนเต้นกระหน่ำ ด้วยความประหม่า นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสเธอ ความห่างเหิน และระยะห่างที่เขาเองเป็นคนก่อมันขึ้น หญิงสาวมองหน้าเขาผ่านแสงไฟสลัวด้วยหัวใจเต้นแรง สองมือเย็นเฉียบ ขณะที่เขากำลังจะโน้มใบหน้าเข้าหา ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดกัน เนื้อตัวสั่นสะท้าน ทว่า กลับต้องชะงักเมื่อถูกสองมือของเธอผลักและดันไว้ ระหว่างคิ้วมุ่นหากันเล็กน้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม