ตอนที่ 6-1

1198 คำ
ตอนที่ 6 คืนนี้พี่จะนอนที่บ้านนะ ไม่ต้องรอ ริมฝีปากเม้มแน่นหากัน ปลายนิ้วที่อยากจะพิมพ์ตอบกลับไปว่าตอนนี้เธอนอนอยู่ที่โรงพยาบาลชะงักไปทันที พลางคิดน้อยใจว่าเขาไม่คิดแม้แต่จะถามไถ่เธอเลยสักคำ ทั้งๆที่เขาก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังนอนป่วยซมด้วยพิษไข้ “คุยกับใครอยู่เหรอวิฬาร์” คะนิ้งและพะพายที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา หลังจากพากันลงไปหาซื้อขนมและของทานเล่น เอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูผิดแปลกไป “ตื่นมาก็หน้ามุ่ยเลยนะ พักผ่อนเยอะๆดีกว่า” คนป่วยชะงักปลายนิ้วที่กำลังจะกดโทรหาเขาอีกครั้ง เหลือบสายตาที่ชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองสบตาเพื่อนทั้งสอง “เห้ย ร้องไห้ทำไมน่ะวิฬาร์ เป็นอะไร” “เราจะโทรหาพี่ปราบ...แต่เขาไม่รับสาย”บอกเสียงสั่นสะอื้น “เดี๋ยวฉันโทรเอง แกบอกเบอร์พี่เขามา” คะนิ้งหยิบโทรศัพท์ ของตนเองขึ้นมา กดเบอร์ตามที่เพื่อนสนิทบอก รอสายไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับสาย สุ้มเสียงสุภาพเพราะเป็นเบอร์แปลกที่ไม่เคยได้รับ ‘สวัสดีครับ ผมปารย์ณวิชพูดสาย’ “สวัสดีค่ะ อาจารย์ปราบ ดิฉันคะนิ้งเพื่อนสนิทอิงค์วิฬาร์นะคะ” ‘ครับ?’ ปลายสายดูเหมือนจะแปลกใจไม่น้อย เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ขณะที่คะนิ้งเลือกที่จะกดสปีกเกอร์โฟนให้ได้ยินกันทุกคน ร่างบางที่อยู่ในชุดคนป่วยถึงกับกลั้นเสียงสะอื้นไว้ในอก ยกมือขึ้นปิดปาก หยดน้ำตาพรั่งพรู เขาไม่กดรับสายเธอ...แต่กลับกดรับสายคนอื่น ‘พี่ปราบ มาทางนี่สิคะ’ เสียงหวานเอ่ยเรียกชายหนุ่มดังแทรกเข้ามา พลอยทำให้คนทั้งห้องถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงของหญิงอื่นดังแทรกเข้ามา คะนิ้งที่เป็นคู่สนทนาถึงกับขบกรามแน่น รู้สึกโกรธเคืองแทนเพื่อน กระแทกกระทั้น พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด ไม่พอใจ “ตอนนี้วิฬาร์นอนอยู่โรงบาล อาจารย์จะสละเวลาที่มีมาหามันได้ไหมคะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพื่อนคนเดียวฉันดูได้” พูดจบเธอรีบกดตัดสายทิ้งทันทีไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันพูดอะไรจนพะพายที่ยืนอยู่ใกล้ๆถึงกับหันมาโวยวายใส่ “เห้ย แกจะรีบกดวางทำไมเนี่ย! ยังไม่ทันที่อาจารย์จะได้ตอบเลยนะ!” “เออไง อยากรู้เหมือนกันว่าทำแบบนี้แล้ว แฟนที่วิฬาร์มันรักนักหนา จะพยายามแค่ไหน ชิ!” พูดด้วยความหมั่นไส้ มีหน้าไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ทั้งที่แฟนนอนป่วยขนาดนี้ถ้ายังไม่มาก็ถือว่าคบไม่ได้แล้วล่ะ “แต่เพื่อนเรามันจะตายก่อนนะ ดูดิ ร้องไห้ขนาดนั้น” “พาย...มันจะได้ตาสว่างสักทีไง” หันมากระซิบตอบ ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ชิดเตียงคนป่วย สองแขนโอบรอบตัวเพื่อน ที่แทบจะปล่อยโฮออกมาเสียงดังทันที “จะร้องทำไมวิฬาร์ ยังไม่มีใครตายเลยนะ” “คะนิ้ง พูดจาดีๆหน่อย เพื่อนเสียใจอยู่นะ” “ก็เออไง พูดให้มันคิด รักตัวเองหน่อยวิฬาร์ อยู่กับเขา ถ้าตัวเรามันเล็กขนาดนั้น ก็อย่าทนอยู่เลย ผู้ชายอื่นก็มีอีกเยอะแยะ อย่าจ่มอยู่กับคนๆเดียว” “เอาจริงๆนะวิฬาร์เราก็เห็นด้วยกับคะนิ้งนะ แกอยู่กับเขามีแต่ตัวเล็กลง เล็กลงเรื่อยๆ แกคอยแต่ตามเขา ยอมเขาตลอดแบบนี้เขาถึงได้มองว่าแกเป็นของตายไง ไม่เคยดูแลความรู้สึกแกเลย คบกันแบบนี้มันไม่ดีหรอก ความรักมันต้องเท่ากัน อย่ารักเขามากกว่ารักตัวเอง” “นี่พี่อ้อยพี่ฉอดใช่ไหมเนี่ย” “หึเออ กูน่ะพี่อ้อย แต่แกน่ะพี่สอด...สอดสาระแนทุกเรื่อง” “อ้าวพะพาย พูดงี้หรอ...เดี๋ยวเถอะๆ” ถึงกับชี้หน้า เค้นเสียงขู่แบบไม่จริงจังนัก พลอยทำให้คนที่กำลังร่ำไห้สะอึกสะอื้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา “พวกแกเนี่ย...แบบนี้ทุกที” “เออๆ หยุดร้องได้แล้ว ฉันสั่งส้มตำเจ้าดังที่แกชอบมาด้วย เดี๋ยวมานั่งกินกัน” พูดพร้อมกับผละตัวออกให้อีกฝ่ายได้เช็ดน้ำหูน้ำตาที่ไหลรินเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า ก่อนจะเดินไปจัดการเทอาหารใส่ชามที่มี โดยมีพะพายคอยยืนปลอบอยู่ใกล้ๆ แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง เข็มนาฬิกาบอกเวลาเย็น หญิงสาวทอดมองสายตาออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย ขณะที่พะพายกำลังนั่งอ่านนิยายในไอแพด ส่วนคะนิ้งนั้นกำลังสาละวนอยู่กับงานที่คั่งค้างอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คอีกมุมของห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองถึงสามครั้งก่อนที่จะเปิดออก โดยที่คนในห้องไม่มีใครได้ใส่ใจมากนักเพราะคิดว่าเป็นนางพยาบาลเข้ามาตามปกติ ทว่า เสียงฝีเท้าของร่างสูงใหญ่เรียกสายตาจากทุกคนให้หันมามองเป็นตาเดียว หญิงสาวในชุดผู้ป่วยมองชายหนุ่มตรงหน้า ดวงตากลมเบิกกว้างเล็กน้อยด้วยความดีใจ ริมฝีปากบางยกยิ้มฉีกกว้างทันทีที่ได้เห็นเขา “พี่ปราบ” “อืม...นอนโรงบาลทำไมไม่บอกพี่” คำแรกที่เอ่ยทักกลับกลายเป็นคำต่อว่ามากกว่าการไต่ถามด้วยความห่วงใย “แล้วรับโทรศัพท์มันไหมล่ะ” เสียงใครคนหนึ่งกล่าวดังขึ้นลอยๆ อย่างอดไม่ได้ พร้อมกับกรอกตาบนใส่ จนพะพายถึงกับหันมาจิกตาดุใส่ ห้ามปรามเพื่อนสนิทไม่ให้พูดมาก ขณะที่เขาเองก็รู้สึกผิดไม่น้อย อ้อมแอ้มเอ่ยเสียงเบา “พี่ขอโทษ...พี่ติดธุระนิดหน่อยน่ะ...นี่ของฝาก” บอกพร้อมกับยื่นของที่อยู่ในมือให้กับเธอ ที่มองมันด้วยความแปลกใจ “อะไรเหรอคะ” ดวงตาเศร้าหมองก่อนหน้าเปล่งประกายขึ้น หัวใจดวงน้อยที่เหี่ยวเฉา เจ็บปวดมาตลอดทั้งวันเบ่งบานราวได้น้ำทิพย์ชโลมหัวใจ เมื่อชายหนุ่มหยิบยกถุงที่อยู่ในมือทั้งสองข้างขึ้นแสดงให้คนรักได้เห็น พลางยันตัวลุกขึ้นนั่ง “โรตีสายไหม?” เอ่ยเรียกสิ่งที่อยู่ในถุงใสด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เมื่อได้เห็นมันเต็มตา “ครับ พี่ซื้อมาเผื่อเพื่อนของวิฬาร์ด้วยนะ” พูดพร้อมกับหันไปหาหญิงสาวทั้งสองคนด้วยท่าทีสุภาพ ขัดตาคะนิ้งอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้พูดเอ่ยขัดอะไร จนพะพายที่ลุกมายืนใกล้กับคะนิ้งต้องรีบเอ่ยขอบคุณขึ้นมาแทน “ขอบคุณค่ะอาจารย์” สิ้นประโยคคำนั้นประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงเท้าย้ำเร็วเข้ามาในห้องของร่างระหง ที่มีรอยยิ้มเต็มไปใบหน้า “พี่วิฬาร์เป็นยังไงบ้างคะ!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม