ตอนที่ 6-2

1705 คำ
“พี่วิฬาร์เป็นยังไงบ้างคะ!” ผู้มาใหม่เดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มฉีกกว้างแลดูสดใส ในมือถือกระเช้าผลไม้หิ้วติดมือมาด้วย เดินเข้ามายืนใกล้ชิดขอบเตียง ท่ามกลางสายตาของ อิงค์วิฬาร์ คะนิ้งและพะพาย ที่จ้องมองไปที่ปทิตตาเป็นตาเดียว “ขอโทษนะคะพี่ปราบ ที่ปายขึ้นมาช้า พอดีมัวแต่เลือกกระเช้านี้อยู่...หายไวๆนะคะพี่วิฬาร์” “หาอะไรน่ะนิ้ง” พะพายหันมาถามเพื่อนด้วยความสงสัย เมื่ออยู่ๆ คะนิ้งก็หันไปค้นอะไรบางอย่างจากกระเป๋า ขณะที่อีกฝ่ายจงใจพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง “แมสน่ะ เอามาปิดจมูก เชื้อโรคในห้องนี้มันเยอะไปหน่อย” “อุ้ยตายจริง! ปายลืมใส่แมสไปเลย” ปทิตตาทำพาซื่อ หน้าตาตื่นตกใจเล็กน้อย รีบยกกระเช้าผลไม้ไปวางลงบนโต๊ะ โดยไม่รอให้คนป่วยยื่นมือมารับ พร้อมกับรีบควักหน้ากากอนามัยที่ติดตัวอยู่ในกระเป๋าขึ้นมาใส่เพื่อป้องกันเชื้อโรค ในขณะที่คนป่วยเพียงแค่มองหน้าชายคนรัก แววตาเปล่งประกายความสุขเมื่อครู่วูบไหวลง สายตามองเลยไปยังข้าวของมากมายที่เขาหอบหิ้วมาด้วยความว่างเปล่ากลั้นใจถามคำถามที่เธอเองก็แอบหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย “วันนี้ไปไหนกันมาเหรอคะ” “คิกคิก วันนี้พี่ปราบพาไปเที่ยวไหว้พระแถวอยุธยาน่ะค่ะ สนุกมากเลยนะคะพี่วิฬาร์ไว้วันหลังเราค่อยไปด้วยกันนะคะ” “ไปอยุธยามาเหรอคะ?” ถามย้ำ พลางเหลือบสายตาขึ้นมองสบตาเขา ในขณะที่ปทิตตานั้นกลับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วเปิดรูปที่ถ่ายไว้ทั้งหมด หันไปแสดงให้กับหญิงสาวตรงหน้า ขณะที่คะนิ้งเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายพากันไปเที่ยวที่ไหนมา ก็ยิ่งรู้สึกโกรธแทน เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนเธออยากไปไหว้พระที่อยุธยา และได้เอ่ยปากที่จะชวนอาจารย์ปารย์ณวิชให้ไปด้วยกันแล้ว แต่เขากลับพาคนอื่นไปก่อนเสียนี่ “นี่ไงคะ พี่ปราบถ่ายรูปสวยมากเลยค่ะ ถ่ายสวยถูกใจปายมากเลย แถมพี่ปราบแต่งเป็นท่านขุนก็ยิ่งหล่อเท่มากเลยนะคะ” หญิงสาวแสดงภาพถ่ายที่ชายหนุ่มสวมชุดไทยยืนอยู่โบราณสถานชื่อดัง ก่อนจะเลื่อนรูปไปเรื่อยๆให้หญิงสาวได้ดู อิงค์วิฬาร์เม้มริมฝีปากแน่นขณะจ้องมองภาพเหล่านั้น จนกระทั่งสะดุดกับภาพล่าสุด ที่ถ่ายคู่กัน หยาดน้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตา สองมือกำผ้าห่มที่อยู่ข้างตัวแน่น “อุ้ย...อันนี้พี่ปกถ่ายให้ค่ะ พอดีปายขอพี่ปราบถ่ายคู่ด้วยพี่วิฬาร์คงไม่ว่าใช่ไหมคะ” “ค่ะ ไม่ว่า...อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับเลื่อนสายตามองสบตาคนรักนิ่ง หยดน้ำตาร่วงเผาะก่อนจะรีบหันหน้าหนี ปาดน้ำตาทิ้งอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ชายหนุ่มนั้นกลับยืนนิ่ง ใบหน้าเรียบขรึม ทว่านัยน์ตาคู่นั้นที่จ้องมองหญิงสาวคนรักอยู่ตลอดเวลาฉายอารมณ์วูบไหว สีหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัดลำบากใจ จงใจเลือกใช้คำให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า “ปกกับปายเขาอยากไปน่ะ...” ปทิตตาได้ยินคำพูดนั้นรีบสอดแทรกเข้ามาทันที “อุ้ยพี่วิฬาร์ใจดีจังค่ะ งั้นครั้งหน้าปายขอยืมตัวพี่ปราบให้ไปเป็นเพื่อนเที่ยวด้วยอีกนะคะ” “หึ...ค่ะ...กล้าขอก็เอาไปเถอะค่ะ แต่แค่เพื่อนเที่ยวเท่านั้นนะคะ ถ้าอย่างอื่นคงไม่ได้!” “อุ้ย...พี่วิฬาร์ แค่เพื่อนเที่ยวสิคะ” หัวเราะคิกคักราวกับเป็นเรื่องน่าขบขัน จนคนป่วยเริ่มจะเก็บอารมณ์และความรู้สึกตัวเองแทบไม่ไหว ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง พร้อมกับหลับตา ไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว “ขอนอนพักก่อนนะคะ รู้สึกเวียนหัว” ปารย์ณวิชมองคนรักแล้วได้แต่ยืนนิ่ง สีหน้าเครียดขรึม แม้จะอดรู้สึกผิดไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากยืนนิ่งมองคนรักที่เหมือนจะพลิกตัวหันหลังหนีไปร้องไห้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง เอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าเคร่งขรึม “น้องปาย...วันนี้พี่ขอบคุณมากนะครับ...แต่พี่ว่า วิฬาร์เขาคงอยากนอนพักแล้ว” “อุ้ยจริงด้วยค่ะ...งั้นพี่ปราบไปส่งปายได้ไหมคะ” “เอ่อ...” “นี่แม่คุณ...ใจคอเธอจะไม่ให้เขาอยู่ดูแลแฟนเขาหน่อยเลยหรือไงยะ” “คะนิ้ง...เบาลูกเบาๆ มึงหัดใจเย็นๆบ้าง” พะพายถึงกับรีบสะกิดพร้อมกับดึงแขนไว้ ในขณะที่ปทิตตานั้นกลับหันมาฉีกยิ้มกว้างไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดเหล่านั้นเลยสักนิด “งั้นก็ได้ค่ะ วันนี้พี่ปราบดูแลปายมาทั้งวันแล้ว ไว้ปายไลน์หานะคะ” หล่อนหันมาหัวเราะคึกคักใส่ “งั้นเดี๋ยวปายออกไปหาพี่ปกก่อนนะคะ น่าจะอยู่ที่ห้องทำงาน” “ครับ” “ไปก่อนนะคะพี่ๆทุกคน” หันมายกมือไหว้ปารย์ณวิชแล้วจึงหันไปโบกให้กับหญิงสาวอีกสองคนด้วยใบหน้าระรื่นเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที “คืนนี้...” “วิฬาร์ให้คะนิ้งกับพะพายอยู่เฝ้าไข้...ไม่รบกวนพี่ปราบหรอกค่ะ ไม่ต้องห่วง” สุ้มเสียงที่เคยอ่อนหวานกลับแข็งกระด้าง ถ้อยคำประชดประชัดขัดหูคนฟังอยู่ไม่น้อย “อืมดี....งั้นก็ตามใจแล้วกัน” ตอบกลับเสียงขุ่น คล้ายกับไม่ไยดี นัยน์ตาสีนิลจ้องมองสบตาหญิงสาวตรงหน้าด้วยความขุ่นเคือง อวดดี! “งั้นพี่กลับละ พรุ่งนี้ถึงจะมาใหม่” เสียงเข้มห้วนจัดด้วยอารมณ์บางอย่างที่คุกรุ่นอยู่ในใจ แม้จะรู้สึกผิดแต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งเฉย มองว่าเธออวดดี ประชดประชันใส่ “ค่ะ” เม้มริมฝีปากแน่น พยายามข่มตาหลับ ไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย นึกถึงแต่คนอื่นเช่นเขา ปารย์ณวิชถอนหายใจดังด้วยความหงุดหงิด เหนื่อยหน่ายที่ระยะหลังมานี้เธอมักชอบประชดประชันเขา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที สิ้นเสียงประตูปิดลง หญิงสาวร่ำไห้ออกมาเสียงดัง เนื้อตัวสั่นเทาตามแรงสะอื้น จนคะนิ้งและพะพายจำต้องวางงานในมือ ลุกเดินมากอดปลอบให้คลายความทุกข์ใจ “แล้วแกจะให้เขากลับไปทำไม ถ้าจะมานั่งร้องไห้แบบนี้ ห๊ะ!” “นิ้ง!!” “คะนิ้ง” อิงค์วิฬาร์เรียกชื่อเพื่อนด้วยเสียงสั่นเครือ สะอึกสะอื้นตัวโยน ก่อนจะปาดน้ำตาเช็ดน้ำตา “ที่บอกคราวก่อน...บริษัทแก...ยังรับผู้ประกาศข่าวอยู่ไหม” สิ้นประโยคนั้นพลอยทำให้เพื่อนทั้งหันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ “หื้ม...!!! เอาจริงดิ!” คะนิ้งทำท่าผงะ ถอยตัวออกมามองหน้าคนป่วย คล้ายกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่-นัก ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอเคยพยายามคะยั้นคะยออย่างหนักเพื่อให้อิงค์วิฬาร์ออกมาทำงาน แทนการอยู่บ้านคอยรับใช้ดูแลคนรักที่เคยสั่งห้ามไม่ให้เธอทำงาน เพราะความหึงหวงไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายหรือเกาะแกะ เป็นเหตุผลที่ไร้สาระสำหรับคะนิ้งมาโดยตลอด ผู้หญิงเราสมัยนี้ต้องหาเงินใช้เองสิ ชีวิตถึงจะมีค่า แต่ในเมื่อเธอตกลงที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นเธอก็ไม่อยากก้าวก่าย หลายๆครั้งที่เธอเอ่ยชวน หรือพูดมากๆเข้าก็จะกลายเป็นทะเลาะ ระยะหลังคะนิ้งจึงได้ปล่อยเลยตามเลย ไม่เคยคิดชวนให้ออกมาทำงานอีกเลย เมื่อได้ยินว่าเพื่อนคิดอยากออกมาทำงานจึงอดที่จะแปลกใจไม่ได้ “อืม...ฉันจะไปสมัคร” บอกด้วยน้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น จนคะนิ้งกับพะพายถึงกับมองหน้ากัน ยกยิ้มด้วยความพอใจ “ดีมากวิฬาร์ เธอมันเริ่ด! เดี๋ยวฉันจะรีบจัดการให้เลย” “ดีแล้วล่ะ...ออกมาทำงานดีกว่า อย่าไปเชื่อเขานักเลย เขาบอกอะไรแกก็เชื่อเขาไปหมด” “อืม...ต่อไปฉันจะรักตัวเองแหละ” พูดพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วหันมาฉีกยิ้มกว้างให้กับเพื่อนทั้งสองที่โผเข้าสวมกอดกันกลมสามคน “หึ ให้มันได้เถอะ พอถึงเวลาพรุ่งนี้เช้าอีตาอาจารย์นั่นมาง้อ พูดดีด้วยหน่อยแกก็หายแล้ว อย่ามาทำพูดเลยวิฬาร์ แกให้ฉันกินอาหารหมาตั้งหลายรอบแล้วนะ กินจนจุกแล้วด้วย” ดักคออย่างรู้ทันเพื่อนสนิท เพราะที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีเรื่องน้อยใจ เสียใจก็คิดอยากตัดใจจากเขาทุกรอบ แต่ก็ไม่เคยทำได้สักครั้ง “ฮ่าๆ บ้าจริงๆเลยแกเนี่ย” ได้ยินแบบนั้นคนป่วยถึงกับหัวเราะร่วนออกมา “แต่ก็ดีแล้วล่ะ...แค่แกคิดออกมาทำงานก็ดีแล้ว จะได้ไม่อยู่ว่างๆ จะคิดมากเปล่าๆออกมาหางานทำ จะได้เพลินๆไปเครียดเรื่องอื่นแทนก็ดีเหมือนกันนะ” “ใช่ เดี๋ยวพอแกหายแล้ว ฉันจะให้แกเข้าไปสัมภาษณ์เลยแล้วกัน” “เดี๋ยวๆฉันยังไม่ได้สมัครเลยนะ” “แหม่...เดี๋ยวให้แกกรอกสมัครออนไลน์เดี๋ยวนี้เลยจ้ะ ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวฉันจัดการเอง ฉันว่าแกน่ะได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะเส้นนะ เพราะบริษัทฉันไม่นิยมกินเส้น แต่ที่ฉันมั่นใจเพราะว่าแกน่ะมีความสามารถ เคยผ่านงานมาก็ตั้งหลายอย่าง แต่แกนั่นล่ะที่เป็นฝ่ายด้อยค่าตัวเองเอง” “จริง! ฉันก็เห็นด้วยกับนิ้งมันนะ คบเขาก็อย่าทำให้ตัวเองรู้สึกตัวเองเล็กลงแบบนี้สิ แกทั้งสวย ทั้งมีคุณค่านะวิฬาร์” “ใช่...เดี๋ยวฉันจะทำให้แกกลับมา ให้สมกับคนที่เคยเป็นดาวมหาวิทยาลัย เชื่อมือฉันเลยวิฬาร์” “เดี๋ยวหายป่วยแล้ว เราไปทำหน้าทำผมกันนะ” “ได้สิพะพาย ทำอะไรใหม่ๆบ้างก็ดี” “อืม!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม