ตอนที่ 7
เช้าวันรุ่งขึ้นอาการไข้ที่มีเริ่มทุเลา รวมไปถึงอาการอื่นๆแต่ก็ยังต้องเฝ้าดูอาการนอนโรงพยาบาลอีกสองถึงสามวัน เพราะยังมีไข้ต่ำอยู่ ร่างกายยังอ่อนเพลีย
เวลาสายสักหน่อย เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนที่ชายร่างสูงโปร่งของอาจารย์หนุ่มมหาวิทยาลัยชื่อดังจะผลักเข้ามา สัมผัสถึงความเย็นฉ่ำของอุณหภูมิภายในห้องพักคนไข้ กับความเงียบและ ไฟที่ปิดมืดคงเพราะยังนอนหลับพักผ่อนอยู่
ฝีเท้าที่ก้าวเดินแทบจะย่องเบาเพราะไม่อยากรบกวนคนป่วย ทว่า เมื่อก้าวเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงกับเห็นแววตาของหญิงสาวที่กำลังจ้องมองมาที่เขาก่อนแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอ”
....
หญิงสาวนิ่งเงียบไม่คิดตอบเขา
“พี่ทำข้าวต้มมาด้วย หิวหรือยัง”
“เมื่อเช้าทานข้าวของโรงบาลไปแล้วค่ะ” ชายหนุ่มเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันรี้หันขวางอยู่ชั่วครู่ มองหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะเห็นถาดอาหารเช้าที่ยังวางอยู่บนเคาน์เตอร์ตรงทางเข้าประตู เปิดแง้มฝาที่ครอบทุกใบ เห็นอาหารยังอยู่ไม่ครบแทบจะไม่พร่องเลยสักนิด
“นี่ทานหรือดม...งั้นก็ทานที่พี่ทำให้แล้วกัน เผื่อจะถูกปาก” ชายหนุ่มยกอาหารที่ตัวเองทำมาวางตรงหน้าหญิงสาว ค่อยๆจัดเทใส่ชาม
ในขณะที่เธอเพียงมองหน้าเขานิ่งอยู่หลายนาที
“พี่ทำเองเหรอคะ”
“ใช่ ที่มาช้าเพราะมัวแต่ทำข้าวต้มให้เราทานนี่ล่ะ ทานสักหน่อยนะ ยังอุ่นๆอยู่เลย” เมื่อได้ยินว่าข้าวต้มชามนี้ที่วางอยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง หัวใจหล่อนกลับเต้นแรงด้วยความดีใจ พลางยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง
“ลองทานดูไม่รู้ว่าถูกปากหรือเปล่านะ” เขารีบออกตัวไว้ก่อน ไม่บ่อยเลยที่เขาจะแสดงฝีมือทำอาหารด้วยตัวเอง
นานมากแล้วเช่นกันที่เธอได้ทานฝีมือของเขา หญิงสาวมองชามตรงหน้าด้วยสายตาเปล่งประกาย แม้ยังมีร่องรอยความหม่นเศร้าซ่อนอยู่ในแววตาคู่นั้น
หล่อนค่อยๆใช้ช้อนตักเม็ดข้าวในชามขึ้นชิม ระหว่างคิ้วมุ่นหากันเล็กน้อย อาจเพราะยังไม่สบายต่อมรับรสเธอยังไม่สมบูรณ์ พลอยทำให้รับรู้รสชาติอะไรเลย
“ทำไม ไม่อร่อยเหรอ” เมื่อเห็นสีหน้าปุเลี่ยนของหญิงสาวจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก
“จืดค่ะ...แต่อร่อย” เขารู้ว่าเธอตอบเพื่อเอาใจเขาเท่านั้น ริมฝีปากหนายกยิ้มเล็กน้อย หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงคนไข้ข้างหญิงสาว
“หึหึ พี่ตั้งใจทำรสชาติอ่อนน่ะ ทานไปเถอะ”
“ค่ะ”
“ไว้ครั้งหน้าพี่จะพาไปนะ” อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมา พร้อมกับวางลงบนเรือนผมหนานุ่มของหญิงสาว ลูบเบาๆอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เธอหันมามองหน้าเขา มุ่นคิ้วเล็กน้อย
“อยุธยา เดี๋ยวเราค่อยไปด้วยกันครั้งหน้านะ เมื่อวานนี้แม่พี่เขาให้พี่กับปก พาปายไปเที่ยว น้องเขาเพิ่งกลับมาก็เลยอยากไปไหว้พระน่ะ” นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบปีที่เขายอมอธิบายให้เธอได้ฟังแทนการนิ่งเฉยแบบที่แล้วมา แม้จะรู้สึกดีและมีความสุขแค่ไหน แต่ก็ยังแอบหวั่นใจอยู่ลึกๆ ไม่ใช่เพราะเธอไม่เชื่อคำพูดของเขา แต่เพราะใครอีกคนต่างหาก ที่ทำให้เธอเริ่มรู้สึก ถึงความไม่มั่นคงในความสัมพันธ์
อิงค์วิฬาร์มองหน้าเขาอยู่ชั่วครู่ ก่อนโน้มตัวเขาไปอิงแอบกอดซบลงกับอกกว้างของเขา โดยไม่พูดอะไร ในขณะที่อ้อมแขนแกร่งโอบรัดกอดเธอไว้แน่น
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเขาแผดร้องดังขึ้น หน้าจอปรากฏชื่อของใครบางคนที่ทำให้หญิงสาวมุ่นคิ้ว เม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นระทึกอย่างบอกไม่ถูก
“ว่าไงครับน้องปาย”
‘พี่ปราบอยู่ไหนคะ’
“พี่อยู่โรงบาลน่ะ อยู่กับวิฬาร์ มีอะไรหรือเปล่า"
‘งือ…พอดีปายรถเสียน่ะค่ะ สตาร์ทไม่ติด ไม่รู้แบทหมดหรือเปล่า พี่ปราบมาดูให้ปายหน่อยได้ไหมคะ’ ถ้อยคำออดอ้อนเสียงหวานดังเล็ดลอดจนคนที่นั่งชิดอิงแอบซบอยู่ในอ้อมกอดเขาถึงกับผละตัวออก มองหน้าเขานิ่งเพื่อรอฟังคำพูดต่อจากนั้นของเขาด้วยความสนใจ
“แล้วปกล่ะ พี่ชายเราไปไหน" เขาพยายามเลี่ยงด้วยการถามหาเพื่อนสนิทของเขาด้วยสีหน้าและท่าทีที่ดูอึดอัดเล็กน้อย
‘ปายโทรหาแล้ว แต่พี่ปกไม่รับสายค่ะ แต่ถ้าพี่ปราบไม่ว่างก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวปายหาทางเองได้ แค่นี้ก่อนนะคะ’ จบประโยคอีกฝก็รีบกดวางสายทันที ไม่รอให้เขาได้มีโอกาสตอบรับหรือปฏิเสธ
ปารย์ณวิชมองโทรศัพท์ในมือ ด้วยสีหน้ายุ่งยากเต็มไปด้วยความลำบากใจ เหลือบสายตามองหญิงสาวข้างกายสีหน้าครุ่นคิด กังวลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขึ้นในท้ายที่สุด
“วิฬาร์"
“คะ?" หันมาแสร้งถาม ทั้งที่จะในใจนั้นก็อยากรู้ว่าเขาจะคิดหรือทำอย่างไร จะทิ้งเธอที่ป่วยไม่สบาย แล้วออกไปหาใครคนอื่นหรือไม่
“เดี๋ยวพี่…มานะ”
“จะไปไหนเหรอคะ” กลั้นใจถาม เสียดแน่นจนพูดอะไรแทบไม่ออก
“ปายเขารถเสีย เดี๋ยวพี่ไปดูให้เขาหน่อย เสร็จแล้วจะรีบกลับมา ไม่ต้องห่วงนะ” ริมฝีปากบางเม้มแน่น เอ่ยเรียกชื่อเขา สายตาตัดพ้อ
“พี่ปราบ”
“เดี๋ยวพี่มา อยู่คนเดียวได้ไหม” เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยน แปร่งหูคนฟังอย่างเธอไม่น้อย นานแล้วที่เขาเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงน่าฟังแบบนี้
“ถ้าวิฬาร์บอกว่าไม่ได้ละคะ" เธอแสร้งถาม ขณะที่เขาถอนหายใจด้วยสีหน้าลำบากใจ
“วิฬาร์" ทอดเสียงเรียกชื่อเธอ เสียงอ่อน ขณะที่เธอเมื่อเห็นอาการดังกล่าวของเขา แค่นยิ้มออกมาทั้งที่ใจเธอนั้นเจ็บอยู่ไม่น้อย
“อยู่ได้ค่ะ ถ้าพี่จะไปก็ไปเถอะค่ะ” น้ำเสียงราบเรียบ ทว่า นัยน์ตาคู่สวยนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ขณะที่เขากลับยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ ไม่ได้เฉลียวเลยสักนิด ว่าเธอนั้นกำลังคิดสิ่งใดอยู่ นึกแต่เพียงว่าเธอเข้าใจเขาทุกอย่าง และคงไม่ได้คิดอะไรจริงๆอย่างที่พูด ใบหน้าหล่อ โน้มลงหอมแก้มนวลทั้งสองข้างของคนรัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนหันหลังทำท่าจะเดินจากไป ทว่ากลับนึกอะไรได้บางอย่าง หมุนตัวกลับมามองหน้าคนรักอีกครั้ง ตัดสินใจเอ่ยประโยคต่อมา เมื่อเห็นแววตาสั่นไหวของหญิงสาว พลางลูบเรือนผมอย่างปลอบโยน
“เดี๋ยวค่ำๆพี่จะแวะมานอนด้วย”
“ค่ะ” ริมฝีปากบางยกยิ้มเพียงเล็กน้อย
ขณะมองร่างสูงเดินห่างออกไปจนหายจากสายตา พร้อมกับใจเธอที่เริ่มสั่นไหว หัวใจเจ็บปวดที่ค่อยๆกัดกินความรู้สึกของเธอมากขึ้นทุกขณะ
หล่อนไม่อยากคาดหวังอะไรจากเขาอีกแล้ว