ตอนที่5-2

1675 คำ
อาหารมื้อกลางวันที่มีแขกคนพิเศษคนสำคัญของครอบครัวอัศวเมธินในวันนี้ที่คุณหญิงเปรมวดีเชื้อเชิญมาร่วมรับประทานด้วยกัน กับของครอบครัวอัศวเมธินในห้องอาหารสุดหรู ที่มีวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครฯ โดยรอบเกือบสามร้อยหกสิบองศา บนอาหารสูงหลายสิบชั้น ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความแปลกใจให้แก่ลูกชายคนเดียวของตระกูลอยู่ไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าเพื่อนสนิทอย่างปกปกรณ์และปทิตตาจะมาเป็นแขกคนพิเศษที่มารดาเขากล่าวถึง “อ้าวไอ้ปก น้องปาย” “หึหึ ว่าไงมึง” ร่างสูงของนายแพทย์ปกปกรณ์เอ่ยทักทายเพื่อนสนิทอย่างง่ายๆ ก่อนจะหันไปสวัสดีคุณหญิงเปรมวดี และท่านเจ้าสัวณพที่นั่งมองดูคนทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มเอ็นดูอยู่ก่อนแล้ว “รถติดไหมลูก” คุณหญิงเอ่ยถามขึ้นทันทีหลังจากรับไหว้เรียบร้อยแล้ว พลางเชิญให้ทั้งคู่นั่งรถยังตำแหน่งที่ตระเตรียมไว้ ท่ามกลางความสงสัยของลูกชายคนเดียวอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะเอ่ยถามได้แต่เก็บงำความสงสัยนั้นไว้ “ไม่ครับ สงสัยคนออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหมด” “หนูปาย อยากทานอะไรสั่งเลยนะจ๊ะ เชฟที่นี่เขาค่อนข้างเก่งได้รางวัลมิชลินอยู่ตั้งหลายปีแหน่ะ” “ได้ค่ะคุณป้า ขอบคุณนะคะ” “จ้ะ ตามสบายเลยนะ” พูดพร้อมกับหันมาส่งยิ้มให้กับท่านเจ้าสัวที่นั่งขนาบข้างอยู่ใกล้ๆ พลางเหลือบสายตามองหน้าลูกชายเป็นระยะ เห็นว่ายังเพลิดเพลินอยู่กับการสนทนากับเพื่อนสนิทก็ไม่คิดเอ่ยขัดอะไร จนกระทั่งอาหารที่สั่งทยอยมาจัดวางลงโต๊ะอาหารทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีส่วนพิเศษตรงกลางสามารถเลื่อนเป็นวงกลมได้รอบทิศ ทำให้สามารถตักอาหารที่อยู่บนนั้นได้ทั่วถึงครบทุกคน “หนูปายกลับมาจากอังกฤษรอบนี้ตั้งใจจะอยู่นานไหมจ๊ะ หรือว่าต้องกลับไปเรียนอีก” “อ๋อ ปายคงกลับมาอยู่ยาวเลยค่ะ เพราะเรียนจบแล้ว กลับอีกทีคงตอนไปรับปริญญาทีเดียวเลย” “ดีจังเลยนะ ว่าแต่กลับมารอบนี้ตั้งใจจะทำอะไรก่อนดี ไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทเลยไหม” “ไม่ค่ะ...ปายยังอยากทำอย่างอื่นก่อนค่ะคุณป้า” “อยากทำอะไรจ๊ะ” ถามด้วยความเอ็นดู “ยังไม่รู้เลยค่ะ แต่ปายก็อยากเป็นอาจารย์ไปสอนหนังสือแบบพี่ปราบเหมือนกันนะคะ ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์” “งั้นเหรอ แบบนั้นก็ดีสิ ว่าไหมปราบ” “เอ่อ...ครับ...” ปารย์ณวิชเพียงตอบรับสั้นๆ แบ่งรับแบ่งสู้ ขณะตักอาหารใส่ปากทานเงียบๆ ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติม ขณะที่ปทิตตานั้นหันไปตักอาหารตรงหน้าใส่จานให้คุณหญิงเปรมวดีอย่างเอาใจ “ขอบใจจ้ะ” ตอบรับด้วยความเอ็นดูที่มีมากเป็นทุนอยู่แล้ว จวบจนอาหารคาวพร่องลงไปเกือบหมดทุกอย่าง ทุกคนต่างพากันรวบช้อน ของหวานที่สั่งไว้ก็เริ่มทยอยนำมาเสิร์ฟ คุณหญิงจึงหันมาถามคู่พี่น้อง แห่งตระกูลวัชรกุล “ว่าแต่บ่ายนี้หมอปก กับหนูปายมีแพลนทำอะไรจ๊ะ” “ปายตั้งใจจะมาชวนพี่ปกกับพี่ปราบไปเที่ยวไหว้พระที่อยุธยาวันนี้ค่ะ พี่ปราบสนใจไหมคะ” ประโยคท้ายหันมาถามความเห็นชายหนุ่มอีกคน ด้วยสีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะได้รับคำตอบที่ตนพึงพอใจเท่านั้น “อยุธยาเหรอครับ” เขาทวนคำนั้นของหญิงสาวด้วยความแปลกใจ อีกนัยคืออดรู้สึกกังวลไม่ได้ เมื่อรู้ว่าสถานที่ที่อีกฝ่ายเอ่ยชวนนั้นเป็นจังหวัดเดียวกันกับที่อิงค์วิฬาร์ต้องการอยากจะไป และเพิ่งเอ่ยชวนเขาไปเมื่อเช้านี้ พลางลอบถอนหายใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาฉายความกังวลจนเห็นได้ชัด “ทำไมเหรอคะพี่ปราบ มีอะไรหรือเปล่าคะ” แสร้งถาม พลางทำหน้าฉงน ทั้งๆที่ใจนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายกำลังนึกคิดหรือกังวลด้วยเรื่องอะไร “เปล่าครับ” “ว่าไงล่ะปราบ...จะไปกับน้องเขาหรือเปล่า แต่แม่ว่าดีนะ ปีใหม่แล้วก็ควรจะไปไหว้พระทำบุญ” คุณหญิงเปรมวดีเห็นดีด้วยทันที “หรือวันนี้เรามีธุระอะไร แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าวันนี้ลูกต้องว่างอยู่กับแม่ทั้งวัน” น้ำเสียงเฉียบขาดอย่างเอาแต่ใจของมารดาเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเห็นท่าทีอึกอักของลูกชาย ก็พาลเดาได้ว่าคงจะคิดถึงกังวลถึงแม่แฟนสาวคนนั้นที่ตนไม่นึกชอบเลยสักนิด ติดจะรังเกียจด้วยซ้ำ ทั้งฐานะหน้าตาทางสังคมการศึกษา หรืออะไรหลายๆอย่างก็ไม่คู่ควรเหมาะสมกับลูกชายของเธอเลยสักนิด ผิดกับหญิงสาวตรงหน้า ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาก็สวยงามน่ารัก ไหนจะคำพูดคำจาที่ล้วนแล้วมีเสน่ห์น่าฟัง ยังไม่รวมถึงฐานะทางครอบครัวก็สูสีอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ได้ยิ่งหย่อนหรือด้อยกว่าตระกูลอัศวเมธินเลยสักนิด “เปล่าครับ วันนี้ผมไม่ได้ติดนัดอะไร” “งั้นก็ดีแล้วล่ะ...เดี๋ยวลูกก็ไปไหว้พระทำบุญกับเพื่อนแล้วก็หนูปายซะนะ แม่กับพ่อจะได้กลับไปพักที่บ้าน ว่าแต่หมอปกบ่ายนี้ไม่ได้มีธุระอะไรใช่ไหมจ๊ะ” “เอ่อ...น่าจะไม่มีเคสด่วนอะไรนะครับ คงจะไปได้” “งั้นก็ดีเลย ไปเที่ยวกันให้สนุกแล้วกันนะ” แม้จะแอบรู้สึกผิดหวังเล็กๆที่ลูกชายไม่ได้ไปกับหญิงสาวแบบสองต่อสอง แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่มีข้อครหาในภายหลังได้ เมื่อได้ข้อตกลงดังนั้น หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปารย์ณวิชจึงให้ปกปกรณ์และปทิตตามานั่งในรถที่เขาขับ เพื่อไปไหว้พระทำบุญเอาสิริมงคลต้อนรับศักราชใหม่อย่างที่แม่ของเขาต้องการ โดยลึกๆแล้วเขาก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไหร่ เสมือนว่ามารดาของเขากำลังคิดอ่านทำอะไรที่เขาเองก็คงจะไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก และเขาเองก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมาด้วย ในขณะเดียวกันนั้นอิงค์วิฬาร์ที่เริ่มมีไข้สูง ปวดเมื่อยเนื้อตัวจนไม่อยากลุกจากที่นอน เริ่มรู้สึกหิวเพราะร่างกายต้องการสารอาหารมาหล่อเลี้ยง หล่อนยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า นอกจากน้ำเพียงแก้วที่ทานเพราะต้องการกินยา แต่จะให้ลุกเหินลงจากเตียงไกลกว่านั้น เธอก็ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะทำได้ จึงได้แต่นอนหลับ ซมด้วยพิษไข้ ครั้นจะลืมตาก็ลืมแทบไม่ขึ้น ความปวดแผ่ซ่านกัดกินศีรษะหล่อนอย่างตะกรุมตะกราม เสียงท้องร้องดังโครกคราก พยายามยันตัวลุกจากที่นอนด้วยความยากลำบาก ก่อนที่มือจะไขว่คว้าหาโทรศัพท์เพื่อกดดู เผื่อจะมีข้อความจากเขาส่งมา ทว่า...มันกลับว่างเปล่า ไม่มีข้อความจากเขาสักข้อความ ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าจากเขา ทำไมเขาถึงไม่คิดห่วงใยเธอเลย ถ้อยคำตัดพ้อ พลอยทำให้ก้อนแข็งๆจุกแน่นในลำคอ ก่อนจะตัดสินใจกดโทรศัพท์โทรหาเขา แต่รอจนนานปลายสายก็ไม่คิดกดรับสายเธอ ใบหน้าสวยซีดขาวเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตาของความน้อยใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาใครอีกคน ที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ ใช้เวลาไม่นาน คะนิ้งและพะพายก็เดินทางมาถึง ทั้งสองดูจะตกใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะไข้ขึ้นสูงมากขนาดนี้ หลังจากครุ่นคิดและยืนถกเถียงกันได้ไม่นาน จึงตกลงใจกันว่าจะพาอิงค์วิฬาร์ไปส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆนี้ อย่างน้อยให้ได้รับการรักษาจะดีที่สุด ดีกว่าหายาทานเองแบบที่ทำอยู่ สองเพื่อนสนิทเมื่อรู้ว่าอิงค์วิฬาร์ประสบอุบัติเหตุ แต่ก็ยังฝืน ทำเสมือนว่าตนเองไม่เป็นอะไร ทั้งที่ความจริงแล้วกลับเจ็บหนักกว่าที่คิด บาดแผลทั่วตัว ปวดยอกเคล็ดจนระบม แถมยังมีอาการวิงเวียนศีรษะจนแพทย์ต้องเอ็กซ์เรย์เพื่อความแน่ใจและต้องนอนรอดูอาการ อดที่จะโมโหใครอีกคนไม่ได้ที่ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ทั้งๆที่เพื่อนของเธอป่วยไม่สบายขนาดนี้ แต่คนที่เป็นคนรักกลับไม่อยู่ดูแล ยิ่งคิดก็ยิ่งหมั่นไส้ อิงค์วิฬาร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดหาคนรักอีกครั้งหลังจากได้นอนหลับไปสักตื่น อาการไข้เริ่มทุเลาลงไม่สูงมาก ทว่ากลับติดต่อไม่ได้ เขาไม่รับสาย ใบหน้าสวยขมวดคิ้วมุ่น อาการป่วยกอปรกับจิตใจที่บอบบางยิ่งทำให้รู้สึกน้อยใจ เจ็บปวด พลางคิดว่าทำไมยามที่เธอป่วยไข้ กลับไม่มีเขาคอยดูแลอยู่ข้างๆ ไม่คิดที่จะห่วงใยเธอเลยอย่างนั้น แค่โทรหา ถามสักคำก็ยังไม่มี พี่ใจร้ายมาก...นึกพ้ออยู่ในใจ หยดน้ำตารินไหล พร้อมกับเสียงสะอื้น พลางคิดย้อนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เขาไม่สบาย จะมีเธอคอยอยู่เคียงข้างดูแลไม่ห่าง คอยทำอาหาร ทำซุปร้อนๆให้เขาได้ทาน คอยเช็ดตัวดูแล ห่วงใย รวมไปถึงทำอาหารสุขภาพให้เขาทานอยู่ทุกภาวะเพราะว่าภาวะเสี่ยงเกี่ยวกับหัวใจ ทำให้ต้องดูแลเป็นอย่างดี เสียงข้อความดังขึ้น พร้อมกับแสงสว่างวาบบนหน้าจอ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้า พร้อมกับปาดน้ำตาทิ้ง ด้วยใจที่เริ่มมีหวัง ว่าจะเป็นคนที่เธอรอคอย ทว่า คืนนี้พี่จะนอนที่บ้านนะ ไม่ต้องรอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม