สองเท้าก้าวเดินเข้ามาในบ้านที่ปิดเงียบสนิท ราวกับไม่มีใครอยู่ หล่อนเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย แม้จะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล และยังอ่อนเพลียจากพิษไข้ แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจได้แล้วว่าปีใหม่นี้ เธอจะเริ่มสิ่งใหม่ ทำอะไรใหม่ๆอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน หล่อนรื้อเสื้อผ้าที่ไม่ใช้พับเก็บใส่ลัง บางส่วนเก็บงำใส่กล่องไว้เตรียมสำหรับขนย้ายในอนาคต
ก่อนจะตัดสินใจเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่นดังไปยังห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เธอนัดคะนิ้งและพะพายให้มาเจอกันอีกครั้งที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านในช่วงบ่าย
หลังจากเมื่อเช้าเธอได้รับข้อความจากเขา ว่าจะต้องอยู่บ้านกับครอบครัว ไม่ได้ไปรับเธอออกจากโรงพยาบาล และคงไม่ได้กลับบ้าน เมื่อเห็นข้อความนั้น เธอก็ไม่ได้คิดตอบกลับอะไร เพียงแต่นัดของเพื่อนให้พาออกมาเดินเล่นหาอะไรทำคลายเครียดเท่านั้น
ขณะที่เธอกำลังเลือกดูของอยู่ในแผนกเสื้อผ้าสตรีอย่างเพลิดเพลิน สองเท้าที่กำลังก้าวเดินถึงกับชะงัก เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งคุ้นตาของใครบางคน กำลังเดินอยู่อีกฟากของห้างสรรพสินค้าโดยมีหญิงสาวที่เธอก็รู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี เดินอยู่เคียงข้างเขา
อิงค์วิฬาร์หยุดยืนมองนิ่งด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเขา สองเท้าค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าๆ สายตาจ้องมองดูทุกการกระทำของเขาตลอดเวลา ด้วยความเจ็บปวด
ขณะที่เขานัั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูคล้ายกับลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะกดตัดสายเธอทิ้งไปทันที
หยดน้ำตาเอ่อคลอ ไหลร่วงเผาะอาบแก้มเมื่อเห็นท่าทีเหล่านั้น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆเรียกสติตัวเองให้คืนกลับมา เธอจะต้องไม่ฟูมฟาย บอกตัวเองแบบนั้น แล้วกดโทรศัพท์โทรหาเขาอีกครั้ง แต่ก็ได้ผลตอบรับเช่นเดิม
หล่อนแน่ใจแล้วว่าเขาต้องการที่ตัดสัมพันธ์กับเธอแน่แล้ว ถึงได้ทำแบบนี้
ปลายนิ้วปาดน้ำตาทิ้ง แววตาแข็งกร้าว มุ่งมั่น ฉายความเด็ดเดี่ยว ในเมื่อเขาคิดจะทำกับเธอแบบนี้ ก็คงไม่มีอะไรที่เธอจะต้องไปร้องขอ รอฟังคำอธิบายกับเขาอีก
หญิงสาวตัดสินใจได้ในวินาทีนั้น หมุนตัวเดินไปอีกทาง แทบจะหลงลืมเพื่อนสนิทอย่างคะนิ้งที่กำลังสนใจเลือกดูเสื้อผ้าที่ชอบอยู่ไม่ไกลนัก ถึงกับวางสินค้าลงแทบไม่ทันที สีหน้าเลิกลั่กตกใจ รีบก้าวเท้าตามไปด้วยความงุนงง สงสัย
“จะไปไหนวิฬาร์”
“ทำผม”
“ห๊ะ! ตอนนี้น่ะเหรอ แต่ไอ้พายมันจะมาแล้วนะ”
“แค่สระไดร์” หันมาตอบ นัยน์ตาแดงก่ำจนคะนิ้งถึงกับผงะตกใจ
“เป็นอะไร ร้องไห้เหรอ”
“เมื่อกี้เผลอขยี้ตาแรงน่ะ” อิงค์วิฬาร์สูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นชุดสวย ที่อยู่ในหุ่นโชว์หน้าร้าน ตัดสินใจเดินเข้าไปทันทีท่ามกลางความงุนงงของคะนิ้งที่ยังไม่เข้าใจว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็เดินตามเข้าไปในร้านด้วยเพราะสนใจแบบเสื้อผ้าของแบรนด์นี้พอดี
“ชุดนี้ราคาเท่าไหร่คะ”
“สามหมื่นเก้าพันบาทค่ะคุณผู้หญิง”
“เห้ย แกจะเอาชุดนี้จริงๆเหรอ ราคามันแรงอยู่นะ” คะนิ้งถึงกับหันมาสะกิด ยังตกใจกับราคาสินค้าเกือบครึ่งแสน ไม่บ่อยเลยที่เธอและเพื่อนจะซื้อของในราคาสูงลิ่วแพงขนาดนี้ โดยเฉพาะอิงค์วิฬาร์ ที่ชอบใช้ของง่ายๆ ไม่เน้นแบรนด์เนม แม้ว่าแฟนหนุ่มจะเปย์หนักขนาดไหน ให้เงินต่อเดือนใช้มากเท่าไหร่ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยใช้เงินเหล่านั้นในสิ่งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด
หากจะหาความสุขให้ตัวเอง ช้อปปิ้งเสื้อผ้าราคาก็แค่หลักพันเท่านั้น
“อืม...ชุดนี้แหละค่ะ” เดรสเข้ารูปจากแบรนด์หรูชื่อดังระดับโลกที่เธอสนใจและต้องการที่จะใส่ในเวลานี้
“รองเท้าคู่นั้นด้วย ขอไซส์สามสิบเจ็ดนะคะ”
“ห๊ะ...วิฬาร์เอาจริงดิ!”
“จริงสิ ฉลองล่วงหน้าที่จะได้เป็นผู้ประกาศข่าวไง” พูดพร้อมกับหยิบการ์ดสีดำขึ้นมาโชว์ให้กับเพื่อนสนิทได้เห็น ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยื่นให้กับพนักงานที่รีบรับการ์ดในมือไปจัดการทันที
“โอ่ว...เลิฟมากเพื่อน” คะนิ้งถึงกับครางออกมาด้วยความพอใจ