ตอนที่1-2

1351 คำ
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก ปารย์ณวิชที่ลุกออกไปจากโต๊ะ ไปรวมกลุ่มยืนคุยกับเพื่อนบางคน ทำให้บริเวณตรงนั้นมีเพียงแค่เธอกับปทิตตาที่ยังนั่งอยู่ “คุณ…ไม่สิ ต้องเรียกพี่หรือเปล่าคะ" หญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายตุ๊กตาเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาขึ้น พลอยทำให้เธออดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “ฉันอายุยี่สิบสี่ปีค่ะ" “อ๋อ เท่าๆกันเลย แต่ปายขอเรียกคุณว่าพี่ได้ไหมคะ" เสียงเล็กๆเอ่ยถามอย่างออดอ้อนเสมือนปกตินิสัย ท่าทีน่ารักๆนั่น ใครเห็นต่างก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ ข้างแก้มมีลักยิ้มน่ารักยิ่งดูมีเสน่ห์ “ได้ค่ะ" “พี่วิฬาร์ ทำงานอะไรอยู่เหรอคะตอนนี้" เสมือนหาเรื่องชวนคุยพลางยกเครื่องดื่มสีสวยขึ้นจิบ หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มแน่นหากัน แววตาคล้ายกับไม่มั่นใจ สบตามองเพื่อนของปารย์ณวิช ที่จ้องมองนิ่ง รอคอยฟังคำตอบของเธอเช่นกัน “พี่…อยู่บ้านน่ะค่ะ ยังไม่ได้ทำงานอะไร" ตอบเสียงเบา ไม่มั่นใจในตัวเอง “หื้อ…อยู่บ้านเฉยๆเลยเหรอคะ" สุ้มเสียงดังขึ้นคล้ายกับจงใจให้ทุกคนตรงนั้นได้ยิน กับสีหน้าใสซื่อทำราวกับว่าประหลาดใจเสียเหลือเกินกับเรื่องที่ได้ยิน “น่าอิจฉาจังเลยนะคะพี่วิฬาร์…แต่ปายคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ไม่งั้นคงเบื่อแย่ มันดูไร้ค่ายังไงก็ไม่รู้..อุ้ยนี่ปายไม่ได้หมายถึงพี่นะคะ ปายหมายถึงตัวเอง…นี่ปายกลับมาจากอังกฤษก็ตั้งใจจะมาทำงานที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับพี่ปราบเลย ผู้หญิงที่หาเงินใช้เองได้ มันดูภูมิใจ กว่าที่จะให้ผู้ชายเลี้ยงน่ะค่ะ อันนี้ไม่ได้ว่าพี่วิฬาร์นะคะ ปายแค่พูดในมุมของปายเท่านั้น" สิ้นประโยคนั้น ราวน้ำร้อนกาใหญ่ราดที่กลางศีรษะเธอ ชาวาบไปทั่วทั้งใบหน้า กับคำพูดที่คล้ายกับจงใจประณาม ให้เธอรู้สึกอับอาย “ดีแล้วค่ะ" ตอบรับไปอย่างนั้นทั้งที่ใจนั้นกลับรู้สึกเดือดดาล จนแทบไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว เลื่อนสายตามองไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนห่างออกไป ใจนั้นอยากลุกหนีไปจากตรงนี้แล้ว แต่ก็พยายามอดกลั้นไว้ ใจเธอยังไม่กล้าพอ “พี่วิฬาร์เรียนจบอะไรมาเหรอคะ จบโทแล้วหรือยัง หรือว่าเรียนจบมาแล้วก็อยู่บ้านเฉยๆเลย" ยังคงถามคำถามที่ทำให้เธอยิ่งรู้ย้ำแย่ ด้อยค่าตัวเองมากขึ้น ท่ามกลางสายตาของบรรดาแฟนๆเพื่อนในกลุ่มของปารย์ณวิซที่ลอบมองดูด้วยความสนใจ อยากรู้ “เอ่อ..." ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยตอบ “คุยอะไรกัน” เสียงทุ้มเข้ม เอ่ยแทรกขึ้น พลอยทำให้คนที่กำลังมีสีหน้าปั้นยากรู้สึกใจชื่นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย “งื้อ…นี่ปายทำให้พี่วิฬาร์อึดอัดหรือไม่พอใจอะไรหรือเปล่าคะ ปายขอโทษนะคะพี่วิฬาร์" ปทิตตารีบออกตัว ด้วยสีหน้าร้อนรน เสมือนรู้สึกผิด พร้อมกับลุกขึ้นไปยืนข้างชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน น่ารัก “เมื่อกี้นี้ ปายเห็นวิฬาร์นั่งเบื่อๆน่ะคะ ก็เลยหาเรื่องชวนคุย แต่ไม่คิดว่าพี่วิฬาร์จะไม่ชอบ" หื้ม? คิ้วสวยเลิกสูง ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดปั้นแต่งนั้นเลยสักนิด “เขาเป็นแบบนี้ล่ะ ปายอย่าไปสนใจเลย” “งั้นพี่ปราบมานั่งทานข้าวกับปายนะคะ ไม่มีคนคุยด้วยเลย ปายเหงา” “ครับ" เขาตอบรับสั้นๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เดิม ขณะที่หญิงสาวที่มีสถานะเป็นคนรักของเขาถึงกับเม้มปากแน่น ความรู้สึกบางอย่างรี่ขึ้นมาจนจุกอก รับรู้ได้ในทันที ว่าอีกฝ่ายนั้นต้องการจะเปิดศึกแย่งชิงคนรักกับเธอแน่นอนแล้ว “พี่ปราบคะ ตักปลานั่นให้ปายหน่อยได้ไหมคะ”หญิงสาวคนนั้นเรียกความสนใจจากคนรักของเธออยู่ตลอดเวลา ใช้โทนเสียงหวานออดอ้อนน่าฟัง ด้วยท่าทีสนิทสนมพลางชี้นิ้ว ไปยังเมนูปลากะพงทอดน้ำปลาที่วางอยู่ห่างไปเพียงนิด จะตักทานเองก็ย่อมทำได้แต่เธอกลับไม่คิดทำ กลับหันมาออดอ้อนใช้ให้เขาตักให้แทน! ริมฝีปากหนายกยิ้มเล็กน้อย เขามักจะตามใจน้องสาวของเพื่อนสนิทคนนี้เสมอ เป็นมาแบบนี้ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กสมัยเรียนมัธยมต้นเลยด้วยซ้ำ ครั้นเมื่อต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเรียนต่างประเทศ กลับมาเธอก็ยังออดอ้อน ทำตัวอ่อนหวานกับเขาเหมือนเช่นเคย ปารย์ณวิซเอื้อมมือไปตักชิ้นปลากะพงคำใหญ่ใส่จานให้กับหญิงสาวข้างกาย โดยไม่คิดที่จะหันมาตักให้กับสาวคนรักที่ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ หล่อนชาวาบไปทั่วทั้งร่าง ท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่ลอบมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงแสร้งหยิบแก้วน้ำสีสวยที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ยกขึ้นดื่มหวังระงับความรู้สึกบางอย่างที่กำลังพลุกพล่านอยู่ภายใน ปกติแล้วเขาก็มักจะนิ่งและแสดงท่าทีเย็นชากับเธอต่อหน้าคนอื่นแบบนี้อยู่เสมอ ไม่เคยใส่ใจดูแลเอาใจใส่ตักอาหารให้เธออยู่แล้ว เขาเคยให้เหตุผลว่าเขาเป็นอาจารย์จะต้องวางตัวให้ดูน่าเคารพ หลายครั้งที่เธอเคยงอแงใส่เขา ก็มักจะได้รับคำตำหนิกลับมาทุกครั้ง ทว่า...เขากลับตักอาหารให้คนอื่นทานได้อย่างนั้นหรือ อิงค์วิฬาร์สูดลมหายใจเข้า พลางคิดในใจว่า...กับเธอเขาไม่เคยใส่ใจเช่นนี้ ไม่เคยตักอาหาร ไม่เคยมานั่งถามไถ่ว่าเธออยากทานอะไร หรือต้องการอะไรไหม ทุกครั้งที่เขาพาเธอมาเจอเพื่อนก็จะปล่อยให้นั่งเงียบๆ ฟังเขาพูดคุยกับเพื่อนด้วยเรื่องทั่วๆไป บางครั้งถึงจะมีแฟนของเพื่อนในกลุ่มเขาเข้ามาชวนคุยให้คลายเหงาได้บ้าง แต่ก็นานๆครั้งเท่านั้นเพราะเธอก็ไม่ได้เป็นคนช่างพูดช่างคุยอะไร หญิงสาวนั่งสะกดกลั้นอารมณ์ความน้อยใจของตนเองเอาไว้ เธอไม่อยากอ่อนแอให้ใครได้เยาะเย้ยเธอได้อีก แม้จะรู้สึกเจ็บปวด พ่ายแพ้ จนอยากจะลุกเดินหนีไปจากตรงนี้ แต่พยายามข่มใจไว้ เพราะเกลียดสายตาใสซื่อ ที่แฝงความนัยบางอย่างคู่นั้น อิงค์วิฬาร์นั่งตักอาหารทานไปเงียบๆ พยายามจะไม่ใส่ใจกับท่าทีและคำพูดที่ใช้ออดอ้อนคนรักของเธอมากนัก เมื่อเสียงเพลงและบรรยากาศในงานนั้นชวนให้สนุกสนานและน่ารื่นรมย์มากกว่าเธอจึงพยายามสลัดความคิดที่ขุ่นข้องหมองใจแม้ใครอีกคนพยายามจะส่งเสียงพูดให้ดังเพื่อหวังกวนอารมณ์เธออยู่ตลอดเวลาก็ตาม จนกระทั่ง "อย่าดื่มเยอะสิเดี๋ยวก็เมาหรอก" "วิ ... ฬาร์ดื่ม ..." ถ้อยคำแทบจะกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอ เมื่อเธอหันมาหาคนรักและเห็นว่าคนที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่แสดงถึงความห่วงใยนั้นไม่ใช่กับเธอ แต่กลับเป็นผู้หญิงอีกคนที่กำลังยกน้ำเมาสีสวยนั่นขึ้นดื่ม ริมฝีปากเม้มแน่นด้วยความน้อยใจ ก่อนจะหันไปยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด แล้วตัดสินใจลุกออกไปจากตรงนั้นทันที ไม่ใช่ว่าเธอยินยอมให้เขากระทำ หักหน้าให้เธอเจ็บช้ำต่อหน้าเพื่อนของเขา แต่เพราะรักที่มีให้เขามากกว่ารักตัวเอง จนกลายเป็นนิสัย ที่เธอมักจะระวังคำพูดตัวเองอยู่เสมอ หวาดระแวงที่จะแสดงความคิดเห็น หรือความรู้สึกไม่ดีให้กับเขาได้รับรู้ เพียงเพราะต้องการได้รับความรักจากเขาเท่านั้น...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม