ตอนที่ 2-1

1305 คำ
ตอนที่ 2 บรรยากาศใกล้เที่ยงคืน กับเสียงเพลงดังที่กระหึ่ม รายล้อมด้วยความสนุกสนานที่ทุกคนในห้องต่างพากันโยกย้ายตัวตามจังหวะเสียงเพลง หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆห้อง ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้น มันทั้งอ้างว้าง เงียบเหงา เปล่าเปลี่ยวทั้งๆที่มีผู้คนอยู่รอบกาย แต่ทำไมเธอกลับรู้สึกโดดเดี่ยวได้มากขนาดนี้ แม้กระทั่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเธอเอง เขายังไม่เคยคิดมาสนใจ มิหนำซ้ำยังตัวทำนิ่งเฉย ยืนปล่อยให้หญิงสาวอีกคนมาคอยคลอเคลียยืนเบียดชิดใกล้โดยไม่คิดหลบเลี่ยง อิงค์วิฬาร์ถอนหายใจดัง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังประตูกระจกบานใหญ่ผลักออกมายังระเบียงกว้าง เป็นบริเวณสำหรับรอดูงานแสดงพลุซึ่งเห็นจากมุมนี้เป็นมุมที่ดีที่สุด หล่อนเลือกเดินมาหยุดยืนซึมซับบรรยากาศโดยรอบของกรุงเทพมหานครในยามค่ำคืน ที่เริ่มจะมีคนจุดพลุขึ้นฟ้าอยู่บ้างประปราย ให้เห็นจากระยะใกล้ไกลต่างกัน แต่ก็ดูสวยงามเพลินตา พลางคิดย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อสามปีที่แล้ว ช่วงเวลาที่เธอได้พบกับเขา นักศึกษาฝึกงานจบใหม่ที่มาช่วยทำงานเอกสาร ระหว่างรองาน ช่วงนั้นชีวิตของเธอย้ำแย่หลายอย่าง สูญเสียครอบครัวจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ชีวิตที่เคว้งคว้างในวันนั้นท่ามกลางมรสุมชีวิต เสมือนเราที่กำลังผลัดตกลงไปในน้ำเชี่ยว เมื่อมีขอนไม้ลอยมาหา ใจก็รีบไขว่คว้าหาแรงยึดเหนี่ยว แต่ใครจะรู้เล่าว่า ขอนไม้นั้นกลับไม่ใช่ขอนไม้สำหรับเธอ ความอบอุ่นที่เธอใฝ่หานั้นไม่ได้มีให้กับเธอเพียงคนเดียว ยิ่งเธอเรียกร้องความใส่ใจ ความห่วงใยจากเขามากเท่าไหร่ กลับยิ่งเหมือนผลักเขาให้ห่างมากเธอเท่านั้น ความละเลยที่เธอได้รับและเมื่อเธอเรียกร้องกลับกลายเป็นคนงี่เง่า เอาแต่ใจคอยแต่ร้องขอความรักจากเขาอยู่ตลอดเวลา เป็นตัวปัญหาที่เขาเหนื่อยหน่าย... สิ่งหนึ่งที่เธอรู้อยู่เต็มอก เขาเพียงแค่ชอบ อาจจะแค่รู้สึกดี แต่อาจจะไม่ถึงขั้นรัก ในใจเขาคงยังมีใคร...อาจจะเป็นรักครั้งแรกของเขา...หรือผู้หญิงคนนี้ รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้ว เพราะในวันนั้นเธอเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อน คอยส่งข้อความหา หมั่นซื้อกาแฟและของว่างไปให้เขาไม่เคยขาด ไปให้เขาเห็นหน้าบ่อยๆ จนท้ายที่สุดก็ได้มาคบกัน ผิดที่เธอเองละมั่ง...ที่ดันไปรักเขา...รักมาก... จนไม่แน่ใจแล้วด้วยซ้ำ ว่าที่เขามาคบกับเธอเพียงเพราะอะไรกันแน่... เพียงคั่นเวลา...หรือเพียงแก้เหงา น้ำสีสวยในมือ ยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ก่อนจะถอนหายใจยาวระบายความอัดอั้นในใจ หากเขาจะไม่รัก อยากเลิกกับเธอ...ทำไมถึงไม่พูดกับเธอตรงๆหรือรอให้เธอเดินออกไปเองใช่ไหม เป็นคนรัก...ที่เขาไม่แคร์ ไม่เคยดูแล ไม่ใส่ใจ...น่าขันที่เธอยังทน ทิวทัศน์ยามค่ำคืนวันสุดท้ายของปีเต็มไปด้วยความคึกคักกับแสงไฟจากพลุและไฟประดับที่มีอยู่ทุกมุมตึกของเมือง สวยงามจับนัยน์ตา ทว่าสายตาของเธอเวลานี้กับพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำ กระทั่งกลุ่มคนในห้องเริ่มพากันทยอย เดินออกมาสมทบ ในมือมีแก้วเหล้าถือติดมือกันออกมาด้วย เพื่อจะฉลองส่งท้ายปีด้วยการชมพลุและนับถอยหลังด้วยกัน “อ้าวน้องวิฬาร์…เมาหรือยังคะ" แฟนของเพื่อนอาจารย์ปารย์ณวิชคนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยสนิทกับเธอเท่าไหร่ แต่ก็เคยได้พูดคุยกันบ้างในบางครั้ง เอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นเธอปลีกตัว ออกมายืนรับชมวิวอยู่ข้างนอกลำพัง “นิดนึงค่ะ แค่พอมึนๆพี่ขวัญละคะ เมาไหม" “ไม่จ้ะ พี่ก็แค่มึนๆ" ตอบด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ขณะที่โยกตัวเองเบาๆตามจังหวะเพลง เหลือเวลาอีกไม่กี่นาที ที่จะเริ่มเคานต์ดาวน์แล้ว ร่างสูงโปร่งของปารย์ณวิช เดินออกมารวมกลุ่มกับเพื่อนที่เริ่มทยอยกันออกมายืนด้านนอก ด้านหลังของเขามีใครบางคนเดินตามติดออกมาด้วย สายตาคมพุ่งตรงมองมาที่เธอ ก่อนจะหยุดนิ่งไปเล็กน้อยคล้ายกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ถึงค่อยก้าวเท้าเข้ามาหา “ออกมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่" “หึ สักพักล่ะคะ" แค่นหัวเราะ ยิ้มขำให้กับตัวเอง นี่เธอกลายเป็นคนไร้ตัวตนกับเขาขนาดนี้เลยหรือ เธอเดินมาตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยใช่ไหม “อืม" “พี่ปราบขา…เพลงสนุกจังเลยค่ะ มาเต้นกันอีกไหมคะ" สองแขนที่ตรงเข้ามากอดรัดท่อนแขนคนรักเธอ พลอยทำให้อิงค์วิฬาร์ถึงกับชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ระหว่างคิ้วมุ่นหากัน ขบกัดริมฝีปากแน่น แววตาวาวโรจน์ขึ้น “พี่ปราบคะ...”น้ำเสียงกดต่ำลง ความอดทนเธอในคืนนี้ใกล้หมดแล้ว การที่เธอไม่พูด ไม่ว่า ไม่ใช่ไม่รู้สึก “อืม” “พี่ปราบไปเต้นตรงโน้นดีกว่าค่ะ” “เดี๋ยวนะคะน้องปาย” “คะ” คิ้วสวยเลิกสูงทำหน้าสงสัย ราวกับไร้เดียงสา “คืนนี้ให้เวลาพี่ได้อยู่กับแฟนพี่บ้างได้ไหมคะ” น้ำเสียงกดต่ำ กับสายตาที่พุ่งตรงไปเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “อุ้ย...ปายขอโทษค่ะ...ปายขอโทษนะคะพี่วิฬาร์ ปายไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่โกรธ...พอดีปายไม่สนิทกับใครเลย รู้จักแค่พี่ปราบ...งื้อพี่ปราบ ปายขอโทษนะคะ” “ไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาตอบรับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ริมฝีปากหนายกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบ สายตามองมาที่เธอ คิ้วหนากลับขมวดมุ่น สีหน้าคล้ายอึดอัดลำบากใจเสียอย่างนั้น จนใครคนหนึ่งที่ลอบสังเกตการณ์อยู่ต้องรีบมาดึงปทิตตา น้องสาวของหมอปกปกรณ์ที่วันนี้ติดเคสด่วนทำให้ไม่สามารถมาร่วมสังสรรค์ในงานคืนนี้ได้ ทั้งๆที่นัดไว้กันดิบดีแล้ว ให้ออกห่างจากปารย์ณวิชที่กำลังมีสีหน้าลำบากใจ เพราะเกรงว่าจะมีเรื่องมีราวเกิดขึ้น “น้องปายๆ พี่ว่าเราไปเต้นกันตรงนั้นดีกว่านะ กำลังสนุกเลย" “งื้อ…แต่ปายจะเต้นกับพี่ปราบนี่คะ” “ไปเถอะ เต้นกับพวกพี่ดีกว่า" คำคะยั้นคะยอกับแรงลากพลอยทำให้คนที่มีอาการโงนเงนยืนแทบไม่ตรง เดินตามไปได้โดยง่าย เสียงถอนหายใจดังขึ้น พร้อมกับก้าวเท้าเข้ามายืนใกล้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าในความคิดเธอนั้น มันคล้ายกับมีความรำคาญเจือปนอยู่ “ทำไมต้องใช้อารมณ์ด้วย…น้องปายเขาแค่เมา" พร้อมกับเหลือบสายตามองเธออย่างตำหนิ “คืนนี้เรามาสนุกกัน จะให้พี่มายืนอยู่กับเธอแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องนะ” “หมายความว่ายังไงคะ” “เราไม่ได้มาปาร์ตี้กันแค่สองคน แต่เธอจะงอแงให้พี่อยู่แต่กับเธอหรือไง” เขามองเห็นแต่ว่าเธอนั้น ใช้อารมณ์เอาแต่ใจ เรียกร้องแต่ให้เขาอยู่แต่กับเธอ แต่ลืมไปไหม ว่าเธอเป็นคนรักของเขา หญิงสาวได้ยินคำนั้นถึงกับสะอึกอึ้งพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว หล่อนสูดลมหายใจเข้า นัยน์ตาแดงก่ำ ขณะจ้องมองเขา “วิฬาร์เป็นแฟนพี่นะคะ” “อย่ามางอแงเป็นเด็กแบบนี้นะวิฬาร์”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม