คีตารู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้พูดเล่นและเขาพร้อมจะเอาจริง ร่างกำยำทำท่าจะเหวี่ยงเธอออกจากบ่าตัวเอง แต่คีตารักชีวิตมากกว่าสิ่งของเหล่านี้ เธอร้องไห้จนน้ำตามันไหลย้อนลงพื้น เสียงสั่นเครือพูดออกไป
“ฉ...ฉันยอมแล้ว”
ขุนภาคได้ยินแบบนั้นก็เดินกลับเข้าไปในตัวเรืออีกครั้ง ก่อนจะโยนผู้หญิงคนนี้ลงพื้นอย่างไร้ปราณี ร่างของคีตากระแทกบนพื้นเรือ ก่อนชายหนุ่มจะก้มลงกระชากกระเป๋าสะพายของเธอ หันกลับไปยังท้ายเรืออีกครั้งและโยนกระเป๋าสะพายใบเล็กลงไปในทะเล
โดยแอบล้วงโทรศัพท์มือถือของคีตาใส่กระเป๋ากางเกงโดยที่เธอไม่ทันเห็น
ร่างบางยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะมองลงไปยังผืนน้ำทะเลกว้าง กระเป๋าทั้งสองใบของเธอลอยอยู่เหนือน้ำ แต่คีตาได้มองมัน เหมือนหัวใจของตัวเองจะหยุดเต้นตามไปด้วย เธอไม่เหลืออะไรแล้วในตอนนี้ ของสำคัญทุกอย่างอยู่ในนั้นทั้งหมด คีตาหูอื้อและตาลายไปชั่วขณะ หายใจถี่เร็วก่อนจะหันมองผู้ชายใจร้าย
“คุณทำแบบนี้ทำไม?”
คีตาถามเขาทั้งน้ำตา ขุนภาคที่เอาแต่จ้องมองหน้าเธอ เขาไม่ตอบ...ทว่ามือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์มือของตัวเองออกมา เขากดโทรออกหาใครบางคนและกดเปิดลำโพงทันที
(พี่ขุน)
และเสียงที่กรอกลงมาจากปลายสายที่เอ่ยขึ้นทำให้คีตาขมวดคิ้ว แม้จะเกลียดเข้าไส้แต่เธอจำเสียงของใบบัวได้ สองมือเล็กกำแน่นข้างลำตัว เธอมองโทรศัพท์ในมือของเขา สลับกับใบหน้าหล่อเหลาที่เอาแต่จ้องมองมา
“ผู้หญิงคนนั้นมาถึงแล้ว ฝากบอกพี่ชายของมันด้วย”
“...”
“ถึงแล้ว อย่างปลอดภัย”
และคำว่า ‘ปลอดภัย’ ของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจที่มุมปาก คีตาแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ ก่อนน้ำเสียงของใบบัวจะดังออกมา
(ดีค่ะ บัวฝากพี่ขุนด้วยนะคะ)
ติ๊ด
เขากดวางสายแค่นั้น คีตาประมวลทุก ๆ อย่างในหัวของตัวเองที่มันทั้งอื้อดับและตีรวนเหมือนจะแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ เธอพอจะรู้ว่าใบบัวมีพี่ชายอยู่ที่ต่างจังหวัด บ้านเกิดของอีกฝ่าย และจากที่ใบบัวเรียกคนตรงหน้าเธอว่า ‘พี่’ นั่นก็ชัดเจนแล้วว่าชาวีจงใจส่งเธอมาอยู่กับพี่ชายของใบบัว
พวกนั้นตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
ดวงตากลมโตสั่นไหว เธอจ้องหน้าเขา และอีกฝ่ายก็จ้องมองเธอกลับ เราสองคนมองหน้ากันเหมือนคนที่เกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน สองมือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อตัวเอง
“ฉันจะกลับ”
“กลับ?”
เขาทวนคำพูดของเธอทันทีก่อนจะยกยิ้มออกมา นัยน์ตาคู่คมแข็งกร้าว ขุนภาคเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“คนอย่างเธอ กลับไปได้แค่นรกเท่านั้น”
“...!!”
คีตาก้าวถอยหลัง เมื่อรู้แล้วว่าหลังจากนี้ตัวเองจะไม่ปลอดภัย เธอยกมือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า มองรอบข้างของตัวเองที่เป็นแต่ผืนน้ำทะเลกว้าง และเธอจะไม่ไปกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด ชาวีหลอกเธอ อีกฝ่ายบอกว่าจะฝากให้เธอเข้าทำงาน คีตาคิดว่าชาวีแค่ต้องการให้เธอไปให้ไกลจากเขาและสมบัติที่อีกฝ่ายอยากเก็บเอาไว้คนเดียวเลยพยายามไล่เธอไปอยู่ที่อื่นและห้ามกลับไปกรุงเทพอีก เธอคิดว่าชาวีจะทำแค่นั้น แต่คีตาไม่คิดเลยว่าการหลงเชื่อพี่ชายตัวเองในครั้งนี้จะต้องมาพบเจอกับมัชจุราชในคราบมนุษย์...ผู้ชายตรงหน้าของเธอน่ากลัว สายตาที่เขาจ้องมองเธอ ราวกับอยากจะฆ่ากันให้ตายรู้แล้วรู้รอด คีตาไม่ยอมไปกับอีกฝ่ายเด็ดขาด ฉับพลันสายตาของเธอก็เห็นเรือสปีดโบ๊ทคันอื่นขับอยู่ไกล ๆ ร่างบางวิ่งไปเกาะที่ขอบเรือ ก่อนจะตะโกนออกมาทันที
“ช่วยด้วย!!!”
เธอตะโกนสุดเสียงเท่าที่จะทำได้ ทว่าแรงหนัก ๆ ก็กระแทกเข้ามาที่จมูกจากด้านหลัง ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กถูกโป๊ะเข้ามาและเอวของเธอก็ถูกแขนแกร่งโอบกระชากจนแผ่นหลังคีตาชนกับลำตัวของเขา เธอดีดดิ้นและพยายามกลั้นหายใจเพราะรู้ว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้คืออะไร แต่ก็อดทนได้ไม่นาน กลิ่นฉุนตีเข้าจมูกและคีตาก็รู้สึกเหมือนภาพตรงหน้ามันเลือนรางก่อนสติของเธอจะหมดลง
ขุนภาคปล่อยคนในอ้อมแขนหล่นลงพื้น เธอนอนราบลงกับพื้นเรือ เขากดสายตามองร่างเล็กที่หมดสติ ก่อนจะไปนั่งที่คนขับเรือและขับต่อไปจนถึงท่าเทียบเรือประมงของตัวเอง
เสียงคลื่นทะเลและสายลมแรง ๆ พัดกระทบร่างกายและใบหน้า เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกตัวตื่น ภาพแรกที่เห็นคือแสงแดดจัด ๆ แยงตาจนต้องเบือนหน้าไปอีกทาง ก่อนจะรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองนั้นลอยอยู่เหนือพื้น และเมื่อตั้งสติดี ๆ คีตาก็พบว่าตัวเองกำลังถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของผู้ชายน่ากลัวคนเดิม
“ยาหมดฤทธิ์เร็วฉิบ”
เขาพึมพำเมื่อเห็นคนที่กำลังอุ้มอยู่ตื่นลืมตา ขุนภาคอุ้มเธอลงจากเรือและตอนนี้เดินอยู่บนสะพานปูนยาวยื่นออกไปในที่ทะเล สะพานนี้เชื่อมต่อไปยังท่าเทียบเรือด้านใน คีตาเห็นแบบนั้นก็ดิ้นพล่านทันที
“ปล่อยนะ!!”
“...”
นัยน์ตาจากที่เรียบนิ่งก็คุกรุ่นเมื่อคนในอุ้มอยู่ดีดดิ้นสุดแรงที่มี ขุนภาคกัดกรามกรอด รีบก้าวเท้าให้ไวขึ้นทว่าแรงของคีตาเยอะกว่าที่เขาคิด เธอทั้งทุบตีหน้าอกเขา จิกเล็บเข้ามาที่ผิวเนื้อเข้มจนชายหนุ่มทนไม่ไหว โยนเธอลงพื้นบนสะพานตรงหน้า ก้นของหญิงสาวจ้ำเบ้าอย่างจัง
เธอเจ็บไปหมดแต่ก็ไม่แสดงอาการอ่อนแอออกมา ลุกขึ้นยืนและหันหลังวิ่งทันที ขุนภาคเห็นแบบนั้นก็วิ่งตาม เขาก้าวไม่กี่ก้าวก็ถึงร่างของคีตา มือหนากระชากข้อมือบางจนเธอปลิวหันมาหาเขา
ดวงตาของเธอแดงก่ำและฉายความโกรธเกลียด พยายามบิดข้อมือของตัวเองออก แต่ฝ่ามือหนาของเขาที่บีบข้อมือของเธอมันแน่นเหมือนคีมเหล็กที่หวังจะให้กระดูกของเธอแตก
“ปล่อย!”
คีตากลายเป็นคนที่ถูกกระชากให้เดินตามเขาไป เธอถูกลากตามอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ ตามแนวยาวของสะพาน หันมองรอบข้างอย่างตื่นกลัว ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน เพราะมันล้อมรอบไปด้วยทะเลและมีแต่เรือมากมายจอดลอยลำ เป็นเรือประมงลำใหญ่ที่ทุกลำเขียนชื่อด้านข้างว่า ‘ขุนภาค’ คีตาเดาว่าน่าจะเป็นชื่อของผู้ชายคนนี้ เพราะเธอจำได้ว่าใบบัวเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ขุน...แต่ไม่ว่าเขาจะชื่ออะไรหรือเป็นใคร แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับเธอแบบนี้
“ฉันแจ้งตำรวจแน่!!”
คีตาตะโกนออกไปและยื้อร่างของตัวเองทว่าก็ปลิวไปตามแรงเพราะถูกกระชากอยู่ดี ขุนภาคได้ยินทุกคำแต่เขาไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด ลากอีกคนให้ตามมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งออกจากสะพานปูนยาว เธอมองเข้าไปตรงหน้าก็เห็นหลังคาสูงมากมายและผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ราวกับทำงานกันอยู่ เธอพอจะมองออกว่าที่นี่คือท่าเทียบเรือประมง เพราะเรือประมงมากกว่าหนึ่งร้อยลำจอดเรียงรายยาวสุดลูกหูลูกตา บนฝั่งมีโกดังสองหลังใหญ่ ๆ และลานกว้างที่มีผู้คนกำลังทำงาน ดวงตาสั่นไหวของเธอกวาดมองภาพตรงหน้า ก่อนจะยื้อร่างของตัวเองจนขุนภาคหันขวับมามอง
“...”
“คุณจะให้ฉันทำอะไร”
เธอถามออกมาเพราะอยากรู้เต็มทีว่าผู้ชายคนนี้ตั้งใจจะให้เธอทำอะไรกันแน่ ทว่าเขาไม่ตอบ นัยน์ตาเยือกเย็นจ้องมองใบหน้าของคีตาอีกครั้ง ก่อนจะลากเธอไปยังลานกว้างพื้นปูนที่เฉอะแฉะด้วยน้ำทะเล กลิ่นคาวปลาคละคลุ้ง เธอเกือบลื่นหงายหลังก่อนผู้ชายตัวใหญ่จะเหวี่ยงร่างของคีตาจนเธอปลิวล้มลงไปกับพื้น
ตรงหน้าคนงานทั้งชายหญิงกำลังยกถังปลาลงจากเรือ ทุกสายตาหันมองเธอที่ล้มกองอยู่บนพื้นเป็นตาเดียว
“คนงานใหม่ สอนงานผู้หญิงคนนี้ด้วย”