ร่องรอย

1553 คำ
ตอนที่ 13 ร่องรอย “อ้าวพี่ลินวันนี้กลับมานอนบ้านได้เหรอเนี่ย?” เสียงแซวดังแว่วมาจากห้องโถงด้านในห้อง ไม่บอกก็รู้ว่านี่คือเสียงของ กรณ์ น้องชายสุดที่รักของเธอที่เพิ่งจากเรียนจบจากอังกฤษและกลับบ้านมาได้ไม่นาน ซึ่งตอนนี้กำลังมาช่วยงานในเครือของกริลล่าเอสเตทธุรกิจตระกูลนนทวงศ์ของครอบครัวเธอ “ทำไมจะกลับไม่ได้ ห้องนอนพี่ก็อยู่ที่นี่ปกติถ้าไม่มีงานดึกก็กลับมาอยู่แล้ว ว่าแต่แกเหอะวันนี้ไม่ได้แฮงเอาท์กับกลุ่มเพื่อนหรือไง” เกวลิน ตอบเสียงราบเรียบเมื่อเหลือบไปมอง วิชิต พ่อของตนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง คล้ายรอคุยกับเธออยู่แล้ว นั่นทำให้หญิงสาวรีบเดินไปหา ทว่าน้องชายก็ยังเดินตามมาติดๆ “ไม่ได้ไปหรอกครับช่วงนี้ เพื่อนผมแต่ละคนยุ่งๆกันทั้งนั้น ยิ่งไอ้คนหัวโจกนี่ตอนนี้กลับมารับกิจการต่อจากที่บ้าน แทบจะไม่ได้มีเวลาคุยกับผมเลย” “ก็ดีแล้วนี่ แกก็จะได้มาสนใจธุรกิจของตัวเองบ้าง” บิดาเอ่ยสมทบ เหลือบตามมองร่างระหงของบุตรสาวคนโตที่ย่อกายลงนั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะพอจะทราบถึงปัญหาที่ลูกสาวสุดที่รักเผชิญอยู่ในตอนนี้ “ผมก็สนใจอยู่แล้วครับ นี่กำลังดึงกลุ่มพันธมิตรเพื่อนผมเข้ามาช่วยหนุนแทนเงินทุนที่ไม่ได้จากสามีพี่ลินอยู่” กรณ์ย่อกายลงนั่งข้างพี่สาว และบีบนวดให้อย่างประจบประแจง เกวลินเหลือบมองมือของน้องชายพลันก็นึกถึงสัมผัสบีบนวดของใครคนหนึ่งขึ้นมา “ไม่ต้องมาประจบพี่เลยกรณ์” หญิงสาวขยับมือน้องชายออก “และก็ไม่ใช่สามีด้วย กำลังจะเป็นอดีตสามี” กรณ์ หัวเราะเบาๆ “มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับพี่ลิน เห็นทางพี่เชษฐ์บอกว่าจะไม่ยอมหย่าๆไม่ใช่เหรอ ทั้งไม่ยอมหย่าทั้งไม่ยอมเพิ่มเงินทุน ไม่ช่วยห่าเหวอะไรเลยแต่จะคาราคาซังให้พี่ปวดประสาทเล่น” “แสบกว่าที่คิด” เกวลิน เริ่มจะกุมขมับ และสบตากับผู้เป็นพ่อคล้ายเริ่มจะหาทางออกไม่เจอ “ตอนนี้ลินแค่กังวลโครงการใหม่เราจะเริ่มไม่ได้ เพราะเราคงต้องชะลอไว้ก่อน เงินทุนที่จะไปร่วมประมูลที่คลองห้าคงจะหยุดไว้” อย่างไรเธอก็ต้องยอมรับความจริง ด้วยไม่อยากให้สถานการณ์ทุกอย่างแย่ไปมากกว่านี้ “พรุ่งนี้ทางคาเซ่กรุ๊ปจะเข้ามาเสนอเงินทุนและร่วมโปรเจคกับเรานะครับพี่ลิน” คำบอกของกรณ์ ทำให้เกวลินและวิชิตหันมามองหน้ากัน กลุ่มคาเซ่ งั้นเหรอเป็นกลุ่มเงินทุนด้านอสังหาที่ทำหลายธุรกิจทั้งโรงแรมห้าดาว ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและผับหรูรายแห่งทั่วโลก ถ้าเทียบกับกริลล่าเอสเตทแล้ว ธุรกิจของเธอเป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆในวงการนี้เท่านั้น “อย่าบอกนะว่านั่นบริษัทเพื่อนแก” วิชิต อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ แม้จะรู้ว่า MIT มหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษ แวดล้อมด้วยลูกหลานเหล่ามหาเศรษฐีหัวกะทิ แต่ก็ไม่คาดคิดว่า ลูกชายตัวเองจะเป็นเพื่อนกับทายาทของกลุ่มคาเซ่กรุ๊ปที่มีสาขาอยู่หลายที่ทั่วโลกได้ “ผมเป็นเพื่อนกับลูกชายเขาครับพ่อ เพิ่งจะสนิทกันตอนปีสุดท้ายนี่แหละ ตอนนี้คาเซ่เน้นมาทำธุรกิจที่ไทยและโซนเอเชียเขาก็เลยสนใจเพื่อนคนไทยเป็นพิเศษ แต่พอกลับไทยแล้วผมเจอหน้ามันไม่กี่หนเอง แต่ก็คุยเรื่องของเราไปคร่าวๆมันบอกว่าน่าสนใจครับ” เขาถึงบอกว่าเก่งแค่ไหนก็สู้มีคอนเน็คชั่นที่ดีไม่ได้ การส่งลูกหลานไปเรียนในสถานที่ๆสร้างโอกาส จึงเป็นสิ่งสำคัญที่วิชิตให้ความใส่ใจมาตลอด เพราะความรู้นั้นสำคัญพอๆกับการมีสังคมที่ดี “เขาแค่พูดไปยังงั้นรึเปล่า” แม้จะเชื่อที่น้องชายพูด แต่เกวลินก็ยังไม่เชื่อว่าผู้บริหารของคาเซ่กรุ๊ป จะสนใจและเข้ามาร่วมเจรจาลงทุนจริง แม้น้องชายกับทายาทของคาเซ่กรุ๊ปจะเป็นเพื่อนกัน แต่การตัดสินใจของบริษัทใหญ่ขนาดนั้น คงต้องมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน “พรุ่งนี้เขาจะเข้ามาเจรจาครับพี่ลิน ร่วมหรือไม่นั้นคงขึ้นอยู่กับเราด้วยนะครับ” มันก็จริง! คนที่ทำธุรกิจนั้นคงต้องมองความคุ้มทุนและโอกาสในการเติบโตเป็นหลัก ...และนั่นเป็นหน้าที่ของเธอกับทีมงานแล้ว ว่าจะมีศักยภาพมากแค่ไหน “ลินจะทำให้เต็มที่ค่ะพ่อ” หญิงสาวหันมาสบตาผู้เป็นบิดา ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบมือหนาที่เริ่มเหี่ยวย่นนั้นเพื่อให้กำลังใจ เพราะนี่คือแสงสว่างสำคัญของกลุ่มกริลล่าเอสเตท ที่จะผ่านพ้นวิกฤตในช่วงนี้ไปได้ ...นี่คือความหวังที่เจิดจ้าที่สุดในตอนนี้ . . “นี่คือแผนในการพัฒนาโครงการกริลล่าแถบชานเมืองของเรา ด้วยความตั้งใจที่จะให้เป็นที่อยู่อาศัยครบวงจรที่รวบรวมทุกอย่างไว้ในนั้น ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์และร้านค้าที่สะดวกสบายในการใช้จ่าย” เกวลิน เริ่มพรีเซ้นต์กับทีมงานของคาเซ่กรุ๊ป ที่มากันประมาณห้าคน โดยคนที่ดูมีอำนาจที่สุดคือ จีน่า เตชะโรจน์ ที่น่าจะเป็นบุตรสาวคนโตของกลุ่มคาเซ่ และน่าจะเป็นดูแลเกี่ยวกับโครงการนี้โดยตรง ส่วนเพื่อนของน้องชายเธอนั้นอาจจะแค่ส่วนเล็กน้อยในบริษัทไม่ต่างจากกรณ์น้องของเธอแน่นอน “อืม น่าสนใจนะคะ ..ว่าแต่กริลล่าแน่ใจได้ยังไงว่าในพื้นที่ชานเมืองแบบนั้นจะดึงดูดคนให้ไปซื้อโครงการระดับพรีเมี่ยมแบบนั้นได้” จีน่า เอียงคอถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซึ่งเกวลินเองต้องยอมรับเพราะพอทราบว่าสาวสวยมากความสามารถคนนี้ เกิดและโตที่ต่างประเทศ แต่กลับพูดภาษาไทยได้ชัดถ้อยชัดคำและนุ่มนวลมีพลังยิ่ง “ทีมเสริทของกริลล่าเก็บข้อมูลมาแล้วค่ะ ตอนนี้คนทำงานในเขตกรุงเทพและปริมณฑลนิยมซื้อที่อยู่อาศัยแถวชานเมืองมากว่า ด้วยการเดินทางที่สะดวกมากขึ้นและราคาเหมาะสมกว่าในเมืองอีกทั้งมีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าด้วย” เธอพรีเซ้นต์ต่ออย่างคล่องแคล่ว และทีมงานบริหารก็ช่วยการนำเสนอเสริมประสานงานกันได้เป็นอย่างดี และเหมือนสีหน้าของผู้บริหารคาเซ่กรุ๊ปเริ่มจะพึงพอใจพอควร การเจรจากว่าสามชั่วโมงเศษ จึงจบลงได้ด้วยดี “เป็นโครงการที่น่าสนใจมากค่ะ คาดว่าคาเซ่คงจะร่วมลงทุนในโครงการนี้แน่นอน อย่างไรเรื่องการลงนามอีกไม่เกินสามวันเราจะรีบจัดการให้เรียบร้อยค่ะ” คำบอกนั้นยิ่งกว่าพรอันยิ่งใหญ่จากสรวงสรรค์ เพราะทำให้เกวลินและผู้บริหารของกริลล่าในห้องประชุม แทบจะเอ่ยอะไรไม่ออก “ค่ะคุณจีน่า” เธอได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง และยื่นมือไปจับมือนิ่มของผู้บริหารสาวของคาเซ่กรุ๊ป เหมือนไม่เชื่อหูตัวเองที่ได้ยิน กริลล่ากรุ๊ป ..กำลังได้รับ พรวิเศษ หรืออย่างไร? “ถ้างั้นเราขอตัวกลับก่อนนะคะคุณลิน และคงจะได้ร่วมโปรเจคสนุกด้วยกันเร็วๆนี้” จีน่า ยิ้มหวานเมื่อสบตาสายตาคนตรงหน้า มุมปากหยักของหล่อนลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย และเมื่อเกวลินได้พินิจกรอบหน้างามของผู้บริหารสาวคาเซ่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ด้วยใบหน้ารูปใข่แสนสวยนี้ช่างละม้ายคล้ายกับใครคนหนึ่งยิ่งนัก ..ไม่น่า!! คงแค่บังเอิญหรอก สมัยนี้คนหน้าคล้ายกันเยอะจะตาย ยิ่งหมอศัลยกรรมเกลื่อนขนาดนี้ ดาราหรือเซเลบหน้าเหมือนกันออกจะถมเถ “เชิญครับคุณจีน่า” คนของคาเซ่กรุ๊ปผายมือให้ เมื่อร่างระหงของจีน่าเดินมาถึงประตูรถมินิแวนคันหรู ที่จอดรออยู่ด้านหน้าสำนักงานของ กริลล่าเอสเตท แต่ไม่ทันที่จะก้าวขึ้นรถ มือถือในกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงของหล่อนก็ดังขึ้น นั่นทำให้จีน่าต้องหยิบขึ้นมาดู และเมื่อเห็นเบอร์ที่หน้าจอก็ต้องยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย รีบโทรมาตามเลยนะเจ้าตัวแสบ “ว่าไงชิน” เธอเอ่ยถามเสียงราบเรียบ เพราะคนที่โทรมาคือ เตชิน เตชะโรจน์ น้องชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอเอง (เรียบร้อยใช่มั้ยครับพี่จีน่า) ปลายเสียงถามกลับมาอย่างร้อนรน จนเสียงนั้นแทบจะทะลุออกมานอกรถ ***************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม