ภามมองคนตัวเล็กที่นั่งนิ่ง
" จะกลับรึยังครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง "
" ค่ะ "
" แต่ต้องไปหาชุดใส่ใหม่ ต่อไปห้ามใส่แบบนี้ ถ้าอยากใส่แบบนี้ให้ใสตอนอยู่บ้านหรือตอนอยู่กับพี่ เท่านั้น แต่อยู่กับพี่น้องตรีไม่จำเป็นต้องใส่อะไรเลยก็ได้ "
" พี่ภาม ลามก !! "
ภามยิ้มขำ
ความห่วงใยที่ภามมีให้คนตัวเล็กนี่ เขายอมเสียเวลาเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ได้เลย
" ภู "
" ครับผู้กอง "
" เดี๋ยวไปรอรับผมที่โรงเรียน PL นะ ผมจะพาน้องตรีไปเปลี่ยนชุด แล้วจะไปส่งที่โรงเรียน "
" ได้ครับ "
แต่ตรีทิพย์เห็นว่ามันจะเสียเวลาเขา
" ความจริงตรีกลับเองก็ได้นะคะ "
" ไม่ได้ครับ ชุดมันสั้นไปเดียวพี่พาไปเปลี่ยนชุดแล้วจะไปส่งเอง "
ภูวรินท์ก้มลงมองช่วงขาที่โผล่พ้นผ้าของตรีทิพย์ ก็มันทั้งเรียวทั้งขาวนี่เนอะ จนภามมองอย่างเอาเรื่อง
" ไอ้ภูมองอะไร!! "
ภูวรินทร์เลยกลบเกลื้อนด้วยการมองไปทางอื่น ก่อนจะยิ้มเหมือนจะล้อเลียน เขารู้ว่าลูกพี่เขาคงจะหวงคู่หมั้น ก็คู่หมั้นเขาสวยขนาดนี้
" ถ้ามึงไม่หุบยิ้มกูจะเลาะฟันมึงออก "
ทำเอาภูรีบหุบยิ้ม เอามือปิดปากพร้อมกับส่ายหน้า
ภามพาตรีทิพย์ไปซื้อชุดใหม่ ก่อนจะพาไปส่งที่โรงเรียน โดยมีภูมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
" พี่กลับก่อนนะครับ แล้วก็ชุดแบบนี้ห้ามใส่อีกนะครับ ช่วงนี้พี่ยุ่งๆกับคดีอาจไม่ค่อยได้ไปดูแลน้องตรี น้องตรีดูแลตัวเองดีดีนะครับ "
" ค่ะ "
ตอบหน้าตึงๆ แต่ในใจกลับรู้สึกดีที่เขาเป็นห่วงเธอขนาดนี้
...............
หลายวันผ่านไป
เสี่ยแสนพึ่งได้รับการบอกเล่าจากลูกน้อง
" ผมสืบรู้มาว่าผู้กองที่พึ่งย้ายมาใหม่ถูกเลือกให้ทำคดีค้าอาวุธเถื่อนครับนาย "
" ใคร "
" ชื่อผู้กองหัสดินทร์ครับ "
เสี่ยแสน ชายวัย 50 นับเป็นผู้มีอิทธิพลในภูมิภาค ทุกคนต่างรู้ถึงกิตติศัพท์และความโหดเหี้ยมของเสี่ยแสนดี เขาคือมาเฟียร้ายตัวพ่อ
เสี่ยแสนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกคำสั่ง
" มึงเตรียมกระเช้า เอาเช็คมาให้กูด้วย คนมันก็เห็นเงินเป็นของหวานทั้งนั้นแหละวะ "
ลูกน้องเสี่ยแสนหยิบเช็คเงินสดมาให้เสี่ยแสนเซ็นลงจำนวนเงิน 5 ล้าน ทำเอาลูกน้องแปลกใจ
" 5 ล้านเองเหรอครับนาย "
" ลงเผื่อไว้มันต่อรองไง เผื่อไม่พอเราก็จะได้เพิ่มเป็น 10 ล้าน 20 ล้าน แค่นี้ขนหน้าแข้งกูไม่ร่วงหรอก "
ลูกน้องพยักหน้าเข้าใจ
รุ่งขึ้น
เสี่ยแสนเดินทางไปที่กองปราบ ไปพร้อมลูกน้อง 4-5 คน รวมคนขับรถ
" ผมมาขอพบผู้กองหัสดินทร์ "
นายสิบที่นั่งอยู่ด้านนอกมองเสี่ยแสนและลูกน้อง
" นัดไว้รึเปล่าครับ "
ลูกน้องเสี่ยแสนเดินมาด้านหน้าผู้จาอย่างถือดี
" ระดับเสี่ยแสนอยากเจอใครไม่จำเป็นต้องนัดหรอก "
แต่เสี่ยแสนยกมือห้ามลูกน้อง
" อย่าเสียมารยาท "
" ถ้าไม่ได้นัดงั้นรอก่อนนะครับตอนนี้ผู้กองประชุมอยู่ "
" ได้ๆ ไม่มีปัญหา "
แม้จะขัดใจแต่ต้องใจเย็นๆ การจะทำความรู้จักกับผู้กองคนใหม่ต้องให้เค้าเห็นด้านดีของเราไว้ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป
เพียงไม่นาน ภูวรินทร์ที่เลิกประชุมแล้ว ก็เดินออกมา เขาต้องชะงักเมื่อพบกับชายฉกรรจ์ ที่นั่งอยู่ด้านนอก เขาจำคนๆนี้ได้ดี
" ไอ้เสี่ยแสน มันมาทำอะไรที่นี่ "
ภูเดินไปหานายสิบที่นั่งอยู่ สอบถามจนได้ความว่าพวกมันมาหาผู้กองหัสดินทร์ ภูจึงเข้าไปรายงานลูกพี่
ภามครุ่นคิดหาเหตุผล ในใจก็หวั่นๆว่ามันจะรู้เรื่องที่ซ่อนของไอ้จ๊อดกับลูกเมีย
" ผมว่า ... มันต้องมีอะไรแน่ๆ "
" มีอะไรเดี๋ยวก็รู้เอง ให้มันเข้ามา "
" ครับ "
เมื่อได้รับอนุญาต เสี่ยแสนจึงเดินเข้าไปในห้องของผู้กองหัสดินทร์
" สวัสดีครับผู้กอง ผมเสี่ยแสน เป็นคนที่นี่ครับ ผมพึ่งได้ข่าวผู้กองย้ายมาประจำการที่นี่เลยอยากมาทำความรู้จัก "
" ครับ ผมผู้กองหัสดินทร์ มาประจำการที่นี่ได้ซักพักแล้ว ยังไงถ้าเสียแสนมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะครับ ผมยินดี "
" เช่นกันครับผู้กอง นี่เป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ถ้าผู้กองไม่รังเกียจ "
เสี่ยแสนยกกระเช้าที่ยัดเช็คเงินสด 5 ล้านไว้ข้างๆให้ภาม พร้อมรอยยิ้มร้ายที่ดูมีเลศนัย
" จริงๆผมมีเรื่องอยากให้ผู้กองช่วย คือลูกน้องผมหายไป ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง ผมฝากผู้กองช่วยสืบหาให้หน่อย ผมเป็นห่วงมันมาก มันชื่อจ๊อด มันทำงานกับผมมานาน ฝากผู้กองด้วยนะครับ "
" ไม่ต้องห่วงครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ลูกน้องคุณรูปพันสันฐานเป็นยังไงพอจะมีรูปมั้ยครับ "
ถามไปอย่างนั้น เนียนๆว่าไม่รู้จัก
" ผอม สูงโปร่ง ผิวสองสีครับที่แปลกคือลูกเมียมันก็หายไปด้วย เกรงว่าจะถูกอุ้มฆ่า "
" ยังไงผมจะให้สายสืบคอยติดตามให้นะครับ "
" ครับ ยังไงผมขอตัวกลับก่อนนะครับ "
" ครับผม เชิญครับ "
ในขณะที่เสี่ยแสนกำลังจะเดินออกจากห้อง สายตาของภามก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง ภามหยิบมาดู มองอย่างพิจารณา
' คาดว่าที่ไม่มีใครสามารถเอาผิดเสี่ยแสนได้ ก็คงมาจากกระดาษใบนี้สินะ "
" เดี๋ยวครับเสี่ย "
ภามเรียกไว้ขณะที่เสี่ยแสนกำลังจะออกจากห้อง
" มีอะไรเหรอครับผู้กอง "
" เสี่ยลืมของครับ "
เสี่ยแสนมองอย่างแปลกใจ เมื่อภามยื่นเช็คคืนให้เขา เสี่ยแสนยิ้มพรายเพราะคิดว่าภามน่าจะอยากได้มากกว่านี้
" ไม่ได้ลืมหรอกครับผู้กอง นั่นเป็นหนึ่งในสินน้ำใจที่ผมตั้งใจให้ผู้กองโดยเฉพาะ ถ้าไม่พอก็บอกได้นะครับ "
ภามยิ้มเย็น แทนที่จะเก็บเช็คใส่กระเป๋า เขากลับทำในสิ่งที่เหมือนตบหน้าเสี่ยแสนอย่างแรง
ภามยัดเช็คลงในกระเป๋าเสื้อของเสี่ยแสน พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
" ขอบคุณนะครับ แต่ผมขอไม่รับ "
ทำเอาเสี่ยแสนถึงกับหน้าเสีย อารมณ์ฉุนกึก แต่ต้องเก็บอาการ พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังข่มอารมณ์ แต่ยังคงยิ้ม แต่มันกลายเป็นแสยะยิ้มที่ดูน่ากลัว
" อย่าอวดดีให้มากนะครับ ระวังจะอยู่ไม่ได้ "
แต่ภามกลับยังคงยิ้มตอบอย่างไม่เกรงกลัว
" ผมคิดว่าผมคงจะอยู่ที่นี่อีกนานเลยครับ "
เหมือนจะท้าทายเจ้าถิ่น แต่บอกเลยภามยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก เขาไม่ได้เกรงกลัวเลยซักนิด
เสี่ยแสนเดินออกไปด้วยอารมณ์โมโหแต่กดกั้นอารมณ์ไว้ เข้าไปนั่งในรถด้วยอารมณ์ขุนมัว สีหน้าเหี้ยมเกรียม
" มันตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราครับนาย "
" หึ กูรู้แล้ว ปากดีอย่างนี้แหละ มันจะไม่ตายดี ออกรถ "
ที่กองปราบหลังจากเสี่ยแสนกลับไปแล้ว ภูวรินทร์ก็เข้ามาถามไถ่ความจากลูกพี่
" มันมาทำไมครับผู้กอง "
" หึ มากระชับมิตร มีกระเช้าพร้อมเช็ค 5 ล้าน "
ภูตาโต
" แล้วผู้กองว่ายังไงครับ "
" มึงคิดว่ากูจะว่ายังไงล่ะ "
" คนอย่างผู้กองไม่มีทางติดสินบนใครหรอก ผมรู้ดี ศักดิ์ศรีบนบ่ามันมีเกียรติเกินกว่าจะแลก "
ภามยิ้ม นับว่าภูวรินทร์รู้จักเขาดีมากเลยทีเดียว แน่ล่ะ เขาไม่มีวันเอาศักดิ์ศรีบนบ่าไปแลกกับเงินนั่นหรอก แต่ถึงจะไม่มีดาวบนบ่า เขาก็ไม่คิดจะเอาความเดือดร้อนของประชาชนตาดำๆไปแลกเช่นกัน
เขารู้ว่าเสี่ยแสนมีอิทธิพลมากแค่ไหน นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องรอบคอบและหาหลักฐานให้ได้มากที่สุดเพื่อจะเอาผิดเสียแสนให้ได้
" ภู หาคนสืบเรื่องของเสี่ยแสน มันมีญาติที่ไหนอีกมั้ย เพราะเท่าที่รู้เหมือนมันจะไม่มีครอบครัวนะ แต่เรายังวางใจไม่ได้ "
" ครับผู้กอง "