เสี่ยแสน

1445 คำ
ภามมองคนตัวเล็กที่นั่งนิ่ง " จะกลับรึยังครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง " " ค่ะ " " แต่ต้องไปหาชุดใส่ใหม่ ต่อไปห้ามใส่แบบนี้ ถ้าอยากใส่แบบนี้ให้ใสตอนอยู่บ้านหรือตอนอยู่กับพี่ เท่านั้น แต่อยู่กับพี่น้องตรีไม่จำเป็นต้องใส่อะไรเลยก็ได้ " " พี่ภาม ลามก !! " ภามยิ้มขำ ความห่วงใยที่ภามมีให้คนตัวเล็กนี่ เขายอมเสียเวลาเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ได้เลย " ภู " " ครับผู้กอง " " เดี๋ยวไปรอรับผมที่โรงเรียน PL นะ ผมจะพาน้องตรีไปเปลี่ยนชุด แล้วจะไปส่งที่โรงเรียน " " ได้ครับ " แต่ตรีทิพย์เห็นว่ามันจะเสียเวลาเขา " ความจริงตรีกลับเองก็ได้นะคะ " " ไม่ได้ครับ ชุดมันสั้นไปเดียวพี่พาไปเปลี่ยนชุดแล้วจะไปส่งเอง " ภูวรินท์ก้มลงมองช่วงขาที่โผล่พ้นผ้าของตรีทิพย์ ก็มันทั้งเรียวทั้งขาวนี่เนอะ จนภามมองอย่างเอาเรื่อง " ไอ้ภูมองอะไร!! " ภูวรินทร์เลยกลบเกลื้อนด้วยการมองไปทางอื่น ก่อนจะยิ้มเหมือนจะล้อเลียน เขารู้ว่าลูกพี่เขาคงจะหวงคู่หมั้น ก็คู่หมั้นเขาสวยขนาดนี้ " ถ้ามึงไม่หุบยิ้มกูจะเลาะฟันมึงออก " ทำเอาภูรีบหุบยิ้ม เอามือปิดปากพร้อมกับส่ายหน้า ภามพาตรีทิพย์ไปซื้อชุดใหม่ ก่อนจะพาไปส่งที่โรงเรียน โดยมีภูมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว " พี่กลับก่อนนะครับ แล้วก็ชุดแบบนี้ห้ามใส่อีกนะครับ ช่วงนี้พี่ยุ่งๆกับคดีอาจไม่ค่อยได้ไปดูแลน้องตรี น้องตรีดูแลตัวเองดีดีนะครับ " " ค่ะ " ตอบหน้าตึงๆ แต่ในใจกลับรู้สึกดีที่เขาเป็นห่วงเธอขนาดนี้ ............... หลายวันผ่านไป เสี่ยแสนพึ่งได้รับการบอกเล่าจากลูกน้อง " ผมสืบรู้มาว่าผู้กองที่พึ่งย้ายมาใหม่ถูกเลือกให้ทำคดีค้าอาวุธเถื่อนครับนาย " " ใคร " " ชื่อผู้กองหัสดินทร์ครับ " เสี่ยแสน ชายวัย 50 นับเป็นผู้มีอิทธิพลในภูมิภาค ทุกคนต่างรู้ถึงกิตติศัพท์และความโหดเหี้ยมของเสี่ยแสนดี เขาคือมาเฟียร้ายตัวพ่อ เสี่ยแสนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกคำสั่ง " มึงเตรียมกระเช้า เอาเช็คมาให้กูด้วย คนมันก็เห็นเงินเป็นของหวานทั้งนั้นแหละวะ " ลูกน้องเสี่ยแสนหยิบเช็คเงินสดมาให้เสี่ยแสนเซ็นลงจำนวนเงิน 5 ล้าน ทำเอาลูกน้องแปลกใจ " 5 ล้านเองเหรอครับนาย " " ลงเผื่อไว้มันต่อรองไง เผื่อไม่พอเราก็จะได้เพิ่มเป็น 10 ล้าน 20 ล้าน แค่นี้ขนหน้าแข้งกูไม่ร่วงหรอก " ลูกน้องพยักหน้าเข้าใจ รุ่งขึ้น เสี่ยแสนเดินทางไปที่กองปราบ ไปพร้อมลูกน้อง 4-5 คน รวมคนขับรถ " ผมมาขอพบผู้กองหัสดินทร์ " นายสิบที่นั่งอยู่ด้านนอกมองเสี่ยแสนและลูกน้อง " นัดไว้รึเปล่าครับ " ลูกน้องเสี่ยแสนเดินมาด้านหน้าผู้จาอย่างถือดี " ระดับเสี่ยแสนอยากเจอใครไม่จำเป็นต้องนัดหรอก " แต่เสี่ยแสนยกมือห้ามลูกน้อง " อย่าเสียมารยาท " " ถ้าไม่ได้นัดงั้นรอก่อนนะครับตอนนี้ผู้กองประชุมอยู่ " " ได้ๆ ไม่มีปัญหา " แม้จะขัดใจแต่ต้องใจเย็นๆ การจะทำความรู้จักกับผู้กองคนใหม่ต้องให้เค้าเห็นด้านดีของเราไว้ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป เพียงไม่นาน ภูวรินทร์ที่เลิกประชุมแล้ว ก็เดินออกมา เขาต้องชะงักเมื่อพบกับชายฉกรรจ์ ที่นั่งอยู่ด้านนอก เขาจำคนๆนี้ได้ดี " ไอ้เสี่ยแสน มันมาทำอะไรที่นี่ " ภูเดินไปหานายสิบที่นั่งอยู่ สอบถามจนได้ความว่าพวกมันมาหาผู้กองหัสดินทร์ ภูจึงเข้าไปรายงานลูกพี่ ภามครุ่นคิดหาเหตุผล ในใจก็หวั่นๆว่ามันจะรู้เรื่องที่ซ่อนของไอ้จ๊อดกับลูกเมีย " ผมว่า ... มันต้องมีอะไรแน่ๆ " " มีอะไรเดี๋ยวก็รู้เอง ให้มันเข้ามา " " ครับ " เมื่อได้รับอนุญาต เสี่ยแสนจึงเดินเข้าไปในห้องของผู้กองหัสดินทร์ " สวัสดีครับผู้กอง ผมเสี่ยแสน เป็นคนที่นี่ครับ ผมพึ่งได้ข่าวผู้กองย้ายมาประจำการที่นี่เลยอยากมาทำความรู้จัก " " ครับ ผมผู้กองหัสดินทร์ มาประจำการที่นี่ได้ซักพักแล้ว ยังไงถ้าเสียแสนมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะครับ ผมยินดี " " เช่นกันครับผู้กอง นี่เป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ถ้าผู้กองไม่รังเกียจ " เสี่ยแสนยกกระเช้าที่ยัดเช็คเงินสด 5 ล้านไว้ข้างๆให้ภาม พร้อมรอยยิ้มร้ายที่ดูมีเลศนัย " จริงๆผมมีเรื่องอยากให้ผู้กองช่วย คือลูกน้องผมหายไป ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง ผมฝากผู้กองช่วยสืบหาให้หน่อย ผมเป็นห่วงมันมาก มันชื่อจ๊อด มันทำงานกับผมมานาน ฝากผู้กองด้วยนะครับ " " ไม่ต้องห่วงครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ลูกน้องคุณรูปพันสันฐานเป็นยังไงพอจะมีรูปมั้ยครับ " ถามไปอย่างนั้น เนียนๆว่าไม่รู้จัก " ผอม สูงโปร่ง ผิวสองสีครับที่แปลกคือลูกเมียมันก็หายไปด้วย เกรงว่าจะถูกอุ้มฆ่า " " ยังไงผมจะให้สายสืบคอยติดตามให้นะครับ " " ครับ ยังไงผมขอตัวกลับก่อนนะครับ " " ครับผม เชิญครับ " ในขณะที่เสี่ยแสนกำลังจะเดินออกจากห้อง สายตาของภามก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง ภามหยิบมาดู มองอย่างพิจารณา ' คาดว่าที่ไม่มีใครสามารถเอาผิดเสี่ยแสนได้ ก็คงมาจากกระดาษใบนี้สินะ " " เดี๋ยวครับเสี่ย " ภามเรียกไว้ขณะที่เสี่ยแสนกำลังจะออกจากห้อง " มีอะไรเหรอครับผู้กอง " " เสี่ยลืมของครับ " เสี่ยแสนมองอย่างแปลกใจ เมื่อภามยื่นเช็คคืนให้เขา เสี่ยแสนยิ้มพรายเพราะคิดว่าภามน่าจะอยากได้มากกว่านี้ " ไม่ได้ลืมหรอกครับผู้กอง นั่นเป็นหนึ่งในสินน้ำใจที่ผมตั้งใจให้ผู้กองโดยเฉพาะ ถ้าไม่พอก็บอกได้นะครับ " ภามยิ้มเย็น แทนที่จะเก็บเช็คใส่กระเป๋า เขากลับทำในสิ่งที่เหมือนตบหน้าเสี่ยแสนอย่างแรง ภามยัดเช็คลงในกระเป๋าเสื้อของเสี่ยแสน พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ " ขอบคุณนะครับ แต่ผมขอไม่รับ " ทำเอาเสี่ยแสนถึงกับหน้าเสีย อารมณ์ฉุนกึก แต่ต้องเก็บอาการ พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังข่มอารมณ์ แต่ยังคงยิ้ม แต่มันกลายเป็นแสยะยิ้มที่ดูน่ากลัว " อย่าอวดดีให้มากนะครับ ระวังจะอยู่ไม่ได้ " แต่ภามกลับยังคงยิ้มตอบอย่างไม่เกรงกลัว " ผมคิดว่าผมคงจะอยู่ที่นี่อีกนานเลยครับ " เหมือนจะท้าทายเจ้าถิ่น แต่บอกเลยภามยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก เขาไม่ได้เกรงกลัวเลยซักนิด เสี่ยแสนเดินออกไปด้วยอารมณ์โมโหแต่กดกั้นอารมณ์ไว้ เข้าไปนั่งในรถด้วยอารมณ์ขุนมัว สีหน้าเหี้ยมเกรียม " มันตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราครับนาย " " หึ กูรู้แล้ว ปากดีอย่างนี้แหละ มันจะไม่ตายดี ออกรถ " ที่กองปราบหลังจากเสี่ยแสนกลับไปแล้ว ภูวรินทร์ก็เข้ามาถามไถ่ความจากลูกพี่ " มันมาทำไมครับผู้กอง " " หึ มากระชับมิตร มีกระเช้าพร้อมเช็ค 5 ล้าน " ภูตาโต " แล้วผู้กองว่ายังไงครับ " " มึงคิดว่ากูจะว่ายังไงล่ะ " " คนอย่างผู้กองไม่มีทางติดสินบนใครหรอก ผมรู้ดี ศักดิ์ศรีบนบ่ามันมีเกียรติเกินกว่าจะแลก " ภามยิ้ม นับว่าภูวรินทร์รู้จักเขาดีมากเลยทีเดียว แน่ล่ะ เขาไม่มีวันเอาศักดิ์ศรีบนบ่าไปแลกกับเงินนั่นหรอก แต่ถึงจะไม่มีดาวบนบ่า เขาก็ไม่คิดจะเอาความเดือดร้อนของประชาชนตาดำๆไปแลกเช่นกัน เขารู้ว่าเสี่ยแสนมีอิทธิพลมากแค่ไหน นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องรอบคอบและหาหลักฐานให้ได้มากที่สุดเพื่อจะเอาผิดเสียแสนให้ได้ " ภู หาคนสืบเรื่องของเสี่ยแสน มันมีญาติที่ไหนอีกมั้ย เพราะเท่าที่รู้เหมือนมันจะไม่มีครอบครัวนะ แต่เรายังวางใจไม่ได้ " " ครับผู้กอง "
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม