บทที่ 5 หนี้สิน

1477 คำ
บทที่ 5 หนี้สิน “เอ้า นั่นเอ็งจะรีบแต่งตัวไปไหน ทำงานสิบเอ็ดโมงโน่นไม่ใช่รึ” ยายศรีจันทร์ถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นหลานสาวคนโตเดินออกจากห้องนอนมาด้วยชุดที่พร้อมออกไปทำงานร้านกาแฟ หญิงวัยชราเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง ก็เห็นว่าตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงครึ่ง “ไม่นอนพักสักงีบล่ะลูก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งเอา” “รักไม่ง่วงจ้ะยาย อีกอย่างวันนี้ออร์เดอร์จัดเบรกเข้าเยอะ พี่หน่อยเลยขอให้รักเข้าไปช่วยที่ร้านเร็วหน่อย” จรัสรักยิ้มตอบผู้เป็นยาย พลางกวาดสายตาสำรวจความเรียบร้อยภายในบ้านอย่างที่มักทำทุกครั้งก่อนออกไปข้างนอก “ข้าวเที่ยงรักเก็บไว้ในตู้เย็นนะยาย ถึงเวลาก็เอาออกมาอุ่นกินได้เลย เย็นนี้ยายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม รักจะได้บอกให้กิ๊ฟต์แวะซื้อเข้ามา” ผู้เป็นยายส่ายหน้า “ยายกินอะไรก็ได้ มีอะไรก็กินอันนั้นแหละ” บ้านของจรัสรักเป็นอย่างนี้มานานจนชินแล้ว ใช้ชีวิตด้วยความอดอยาก หาเช้ากินค่ำ ไม่มีเมนูพิเศษหรือมื้อพิเศษในหัว แม้หญิงสาวจะพอหาเงินได้ แต่ก็ไม่พอใช้จ่าย ด้วยภาระหนี้สินซึ่งมีดอกเบี้ยท่วมท้น มีเงินเท่าไรก็ต้องนำมาหักล้างในส่วนนี้หมด อีกทั้งยังต้องเก็บส่วนหนึ่งไว้ให้จารวีเรียนหนังสือ จึงมีเหลือซื้อกินเพียงไม่กี่บาทต่อสัปดาห์ ไม่ใช่ว่าเพิ่งได้รับเงินก้อนใหญ่จากจิณณ์มาแล้วเธอจะใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพียงแต่จรัสรักคิดว่านานแล้วที่แม่ ยาย และน้องไม่ได้กินของดี ๆ หรือกินอะไรที่อยากกิน วันนี้หญิงสาวจึงอยากให้ทุกคนได้กิน “งั้นเดี๋ยวรักบอกให้กิ๊ฟต์เลือกมาเลยนะจ๊ะ” “อื้อ อย่าซื้อมาเยอะมากละ เดี๋ยวจะกินไม่หมด” หญิงมากวัยลุกขึ้นและเดินออกมาส่งหลานสาวที่หน้าบ้าน “เอ็งจะแวะไปจ่ายดอกเองใช่ไหม” “ใช่จ้ะ” จรัสรักพยักหน้า ที่เธอออกจากบ้านเร็วกว่าปกติเพราะตั้งใจจะไปจัดการเรื่องนี้ด้วย วันนี้เธอไม่ได้จ่ายแค่ดอกเบี้ยอย่างที่ผ่านมา หากแต่เธอจะจ่ายตัดเงินต้นออกไปด้วย หญิงสาวไม่สามารถให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ได้ ด้วยกลัวจะถูกสงสัยเรื่องที่มาของเงิน เธอไม่รู้จะบอกทุกคนอย่างไรจริง ๆ ‘ร้านใยแก้ว’ เป็นห้างค้าปลีก ซึ่งจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ขนาดร้านอาจไม่ใหญ่เท่าบริษัทมหาชนที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แต่มีสินค้าให้เลือกซื้ออย่างครบครันไม่ต่างกัน และด้วยสิทธิ์ประโยชน์บางอย่างที่ห้างใหญ่ไม่สามารถให้ได้ ทำให้มีผู้รับเหมาทั้งรายเล็กรายใหญ่หลายราย เลือกใช้บริการร้านใยแก้วจนกลายเป็นลูกค้าประจำ ฉากหน้าเป็นห้างค้าปลีก แต่เบื้องหลังคือเจ้าพ่อเงินกู้รายใหญ่ของจังหวัดนนทบุรี พ่อค้าแม่ขาย และคนในท้องที่อีกหลายร้อยคนต่างเป็นลูกค้าธุรกิจเบื้องหลังของร้านใยแก้วกันทั้งนั้น รวมถึงจรัสรักเองก็ด้วย “รับอะไรดีจ้ะ” “มาหาเฮียค่ะ” จรัสรักบอกพนักงานขายที่ออกมาคอยบริการลูกค้าหน้าร้าน เมื่อได้ยินดังนั้น คนทีรู้ดีว่าหลังร้านมีธุรกิจอะไรจึงเดินนำหญิงสาวเข้าไปห้องทำงานข้างในทันที “เฮียมีแขกอยู่ นั่งรอตรงนี้ก่อนแล้วกัน รอเขาออกมาแล้วค่อยเข้าไป” “ค่ะ” หญิงสาวรับคำและนั่งลงตามที่พนักงานบอกวัยกลางคน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไปประจำหน้าร้านตามเดิม จรัสรักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กข้อความระหว่างรอ กดเข้าไปในห้องแชตของจิณณ์ ซึ่งเธอส่งข้อความไปถามเขาเรื่องจำนวนเงินที่โอนมามากเกินจำนวนที่ตกลงกัน ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะเปิดอ่านหรือตอบกลับ ใจหนึ่งเธอคิดว่าคงเป็นทิปที่เขาให้ หากอีกใจก็คิดว่ามันมากเกินกว่าจะเป็นอย่างนั้น บางทีเขาอาจจะกดตัวเลขผิด หญิงสาวจึงตั้งใจว่าจะยังไม่ใช้เงินส่วนนั้น เพราะจะรอถามเขาให้แน่ใจก่อน เธอไม่อยากมีปัญหาทีหลัง นั่งรอราวสิบห้านาที ลูกค้าคนก่อนหน้าของเฮียก็เดินออกมา จรัสรักลุกขึ้นแล้วผลักประตูเข้าในห้องกระจกสีทึบเลยทันที เฮียชางชายวัยสี่สิบห้าปี ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้านและเจ้าหนี้ของใครหลายคน เงยหน้ามองผู้มาใหม่ผ่านกรอบแว่นสายตาด้วยรอยยิ้ม มือทั้งสองข้างประสานไว้ใต้หน้าอก เอนหลังพิงเก้าอี้ตัวใหญ่ด้วยท่าทางเป็นกันเอง บุคลิกภายนอกของเฮียชางเป็นอย่างนั้น แต่ทุกคนรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มอ่อนโยนนั้นซ่อนเขี้ยวเล็บและพิษสงไว้มากมาย แน่นอนว่าจรัสรักรู้ดียิ่งกว่าใคร “วันนี้ถึงกับมาด้วยตัวเองเลยหรือ” หนุ่มใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทว่าแววตาที่ใช้มองสำรวจอย่างจาบจ้วง ทำให้คนเป็นลูกหนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่กระนั้นเธอก็เลือกที่จะข่มความกลัวเอาไว้ “สวัสดีค่ะ” “นั่งก่อนสิ” เจ้าของห้องผายมือเชื้อเชิญให้ลูกหนี้สาวนั่งลงเก้าอี้ตรงหน้า และเมื่ออีกฝ่ายนั่งลงเรียบร้อย รอยยิ้มเป็นมิตรจึงค่อย ๆ เลือนหายไป จากนั้นก็เอ่ยถามเข้าประเด็นทันที “หาเงินไม่ทันอีกแล้วหรือ” “เปล่าค่ะ หนูมาจ่ายดอก แล้วก็จะจ่ายตัดต้นด้วยส่วนหนึ่ง” จรัสรักแจ้งความประสงค์ของตน ทำให้หนุ่มใหญ่ซึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากลูกหนี้ที่ผลัดจ่ายงวดแล้วงวดเล่า ถูกสั่งสอนไปหลายครั้งหลายคราก็ไม่มีวี่แววว่าจะหาเงินมาคืนได้ ตั้งใจว่าครั้งถัดไปถ้ายังไม่มีเงินมาจ่ายจะใช้ ‘ไม้แข็ง’ อีกสักหน “ฉันว่าจะคุยเรื่องนี้กับเธออยู่พอดี ไหน วันนี้เธอจะตัดต้นเท่าไร ว่ามาสิ” หญิงสาวเปิดกกระเป๋าหยิบเงินสดที่เพิ่งกดจากตู้หน้าปากซอยออกมา เธอแยกเงินออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน “หนึ่งหมื่นบาท สำหรับดอกเบี้ยงวดนี้ ส่วนกองนี้ห้าหมื่นบาท หนูจ่ายเงินต้นค่ะ” “ยอดตั้งสองล้าน จ่ายแค่ห้าหมื่นเองหรือ” เฮียชางโน้มตัวมาหยิบเงินจำนวนห้าหมื่นไปคลี่ดูแล้วยิ้มหยันอย่างดูแคลน คิดว่าจะจ่ายมากกว่านี้เสียอีก ยอดแค่นี้มันน้อยไปสำหรับเขา “ขอจ่ายเท่านี้ก่อนค่ะ เดือนนี้หนูหาได้แค่นี้ แต่หนูจะพยายามหามาตัดยอดให้ได้ทุกเดือนค่ะ” หนี้ก้อนนี้ยอดจริง ๆ มันแค่หนึ่งล้านสองแสนบาท แต่ที่มันเพิ่มมาถึงสองล้านก็เพราะว่า พ่อกับแม่ของจรัสรักซึ่งเป็นผู้กู้ยืมไปลงทุนไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ตามกำหนด ผ่านมาเจ็ดปีหนี้ก้อนนั้นจึงพอกพูนขึ้นมาเกือบจะเท่าตัว ที่ผ่านมาก็มีจ่ายแค่ดอกบ้าง หรือจ่ายตัดเงินต้นบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีจ่ายเสียมากกว่า มันถึงได้เพิ่มขึ้นมาขนาดนี้ “จ่ายแค่เดือนละห้าหมื่น เธอคิดกี่ปีล่ะถึงจะจ่ายหมด ไหนจะดอกเบี้ยอีก คิดว่าตัวเองจะหาไหวหรือ หืม” เป็นคำถามที่จรัสรักเองก็ไม่แน่ใจ เงินจำนวนสองล้านไม่ใช่น้อย ๆ เลยสำหรับเธอ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจิณณ์จะเลี้ยงดูเธอได้นานแค่ไหน หรือเขาอาจจะเบื่อเร็ว ๆ นี้ เธอไม่รู้อนาคตที่มากกว่าวันนี้เลย แต่มีเพียงอย่างหนึ่งที่เธอสามารถพูดได้ นั่นคือ “หนูจะพยายามหามาให้ได้ค่ะ ให้เวลาหนูหน่อยนะคะ” “ฉันให้เวลาพวกเธอมานานแล้ว นี่ขนาดฉันคิดดอกเบี้ยแค่ 2% ต่อเดือน น้อยกว่าดอกเบี้ยธนาคารเสียอีก พวกเธอยังปล่อยให้ยอดมันบานปลายมาถึงขนาดนี้ คิดว่าฉันยังจะเชื่อใจเธอได้อีกหรือไง” จรัสรักได้แต่นั่งเงียบ ไม่สามารถโต้แย้งได้แม้แต่นิดเดียว เนื่องจากที่หนุ่มใหญ่พูดมานั้นถูกทุกอย่าง ดอกเบี้ยธนาคารหรือแม้กระทั่งแอปกู้เงินถูกกฎหมาย ยังคิดดอกเบี้ยแพงกว่า “แต่ถ้าเธออยากหมดหนี้เร็วขึ้น งั้นเอาอย่างนี้ เธอมีน้องสาวใช่ไหม...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม