บทที่ 6 เปลี่ยนแปลง 2

1296 คำ
บทที่ 6 เปลี่ยนแปลง เมื่อได้ขึ้นมานั่งบนรถยนต์คันหรูซึ่งมักจะเห็นขับโฉบผ่านหน้าเป็นประจำ แพทย์หญิงขวัญข้าวก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าเจ้าของรถจะเปลี่ยนใจ สีหน้าของคุณหมอสาวแสดงอาการตื่นเต้นอย่างปิดไม่ปิด ด้วยไม่คิดว่าจิณณ์จะยอมให้เธอติดรถกลับบ้านด้วย รู้งี้ขอตั้งนานแล้ว ในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นหมอหรือพยาบาล ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหมอจิณณ์เป็นคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานน้อยที่สุด ค่อนไปทางย่ำแย่เสียด้วยซ้ำ ซึ่งขวัญข้าวก็เห็นด้วยกับที่หลายคนพูด เพราะเธอก็เคยสัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง เวลาชวนคุยหรือถามอะไร เขาก็มักจะตอบแบบถามคำตอบคำ ทว่าแพทย์สาวไม่ย่อท้อ ด้วยคิดว่าผู้ชายเข้าถึงยาก ๆ แบบนี้แหละ เหมาะที่จะเป็นพ่อของลูก หากเธอได้ใกล้ชิด ได้สร้างความสนิทสนม และสามารถทำให้เขาตกหลุมรักได้ ต่อจากนั้นสายตาของเขาก็มองเห็นแค่เธอเพียงคนเดียว เพื่อนหลายคนบอกว่าเธอเพ้อเจ้อ ขี้มโน ผู้ชายแบบนั้นมีแค่ในนิยายกับในละครเท่านั้น ส่วนในชีวิตจริงบุคลิกภายนอกดูเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด แต่เบื้องหลังมีทั้งเมีย ทั้งกิ๊ก อาจรวมถึงอีหนูอีกหลายคน หากขวัญข้าวไม่คิดอย่างนั้น เธอเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง หมอจิณณ์นี่แหละคือผู้ชายในอุดมคติ และเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อพิชิตใจเขามาครอบครองให้ได้ สามีและพ่อของลูกเธอต้องชื่อจิณณ์เท่านั้น! “หมอจิณณ์เตรียมตัวถึงไหนแล้วคะ” แพทย์สาวหาเรื่องชวนคุยขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เนื่องจากเป็นช่วงหัวค่ำ ทำให้การจราจรติดขัด ขวัญข้าวภาวนาคอยภาวนาในใจ ขอให้รถติดนาน ๆ เลย ติดเป็นชั่วโมงเลยยิ่งดี “ครับ ?” เจ้าของร่างสูงปรายตามองเพื่อนร่วมทางแค่แวบเดียว ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาหน้ารถ และหันกลับไปสนใจถนนตรงหน้าต่อ “เรื่องไปเรียนต่อไงคะ ข้าวเตรียมทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ตอนแรกข้าวก็รู้สึกเฉย ๆ แต่พอใกล้ถึงเวลาที่ต้องไปจริง ๆ ข้าวก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ทั้งตื่นเต้นทั้งใจหายเลยค่ะ ไปอยู่นู้นข้าวน่าจะเหงา แล้วก็ต้องคิดถึงอาหารไทยมากแน่ ๆ” “…” “ปกติเคยแต่ไปเที่ยวกับเพื่อนกับครอบครัว ไม่เคยไปอยู่จริง ๆ สักที แล้วที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องเหยียดคนเอเชีย เรื่องนี้ข้าวก็แอบกลัว ถ้าต้องเจอสถานการณ์นั้นจริง ๆ ข้าวคงทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครด้วย ว่าแต่ที่พักของหมอจิณณ์ไกลจากมหา’ ลัยมากไหมคะ” “ไม่ไกล” “อยู่แถว...หรือเปล่าคะ” “ครับ” “จริงเหรอคะ” หญิงสาวทำตาโตราวกับว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ “ที่พักของข้าวก็อยู่แถวนั้นเหมือนกัน ดีเลยค่ะ เวลามีปัญหาอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้” จิณณ์ปล่อยให้คุณหมอสาวเจื้อยแจ้วไปตลอดทาง จะตอบแค่เฉพาะที่เป็นประโยคคำถาม ไม่ใช่ว่าเขาหยิ่งหรือถือตัว เพียงแต่เขาไม่รู้จะพูดอะไรก็เท่านั้น “ว่าแต่หมอจิณณ์ผ่านทางนี้ทุกวันเหรอคะ” ขวัญข้าวเพิ่งนึกอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ หากสถานีรถไฟฟ้าที่เธอจะลงเป็นทางผ่านไปบ้านของเขา บางทีเธออาจจะไม่ขับรถมาทำงาน แล้วเนียนขอติดรถเขามาลงทุกวัน เธอก็จะมีโอกาสใกล้ชิดเขามากขึ้น ทว่าคำตอบของเขาทำให้ความหวังที่เพิ่งก่อตัวขึ้นของเธอดับวูบ “ไม่ทุกวันครับ” “แล้วทำไม...” หัวใจแพทย์สาวโลดลิงขึ้นอีกครั้ง เมื่อคิดว่าเขาผ่านทางนี้เพื่อตั้งใจมาส่งเธอ แต่ดีใจได้ไม่ถึงสามสิบวินาที ใจดวงน้อยก็ต้องเหี่ยวแฟบลงตามเดิม “ผมมีธุระ ต้องผ่านทางนี้พอดี” “ธุระอะไรเหรอคะ” “ธุระส่วนตัวครับ” ขวัญข้าวยิ้มเจื่อน หน้าชานิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนั้น หญิงสาวรีบเปลี่ยนกลับไปคุยเรื่องเรียนต่ออีกครั้ง เพื่อลดความชาบนใบหน้า “ว่าแต่หมอจิณณ์บินวันไหนคะ ได้จองไว้หรือยัง” “ยังไม่ได้จอง” “ข้าวก็ยังไม่ได้จองเหมือนกัน กำลังหาเพื่อนบินด้วย ไฟล์ตยาวเกินค่ะ ข้าวกลัวเหงาตอนเปลี่ยนเครื่อง...” เธอเว้นจังหวะและเหล่มองสีหน้าของเขาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ายังคงราบเรียบปกติ จึงเอ่ยต่อ “ข้าวบินพร้อมหมอจิณณ์ได้ไหมคะ” “ผมยังไม่แน่ใจว่าจะเคลียร์งานเสร็จวันไหน” เพราะตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกตั้งสี่เดือนที่เขาจะต้องบินไปเรียนเฉพาะทางต่อยอดที่ประเทศอเมริกา จิณณ์จึงยังทำงานและรับเคสผู้ป่วยใหม่ตามปกติ ช่วงหนึ่งเดือนสุดท้ายที่เขาไม่ต้องรับเคสใหม่ เขาถึงจะมีเวลาเคลียร์ทุกอย่างและส่งให้หมอท่านอื่นดูแลต่อ “ข้าวรอได้ค่ะ ข้าวอยากมีเพื่อนบิน งั้นเอาอย่างงี้ไหมคะ ถ้าหมอจิณณ์ใกล้เคลียร์งานเสร็จและได้วันที่จะบิน เราค่อยมากดจองตั๋วเครื่องบินกันตอนนั้น โอเคไหมคะ” แพทย์สาวพูดเองเออเอง และสรุปเองเสร็จสรรพ จิณณ์ไม่มีข้อโต้แย้งและไม่ได้มีปัญหาในการเดินทางร่วมกับผู้อื่น เขาจึงพยักหน้าแล้วตอบรับสั้น ๆ “ครับ” “ถ้าแน่ใจวันบินแล้วอย่างลืมบอกข้าวน้า” คุณหมอสาวย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงจุดหมายที่ตนจะต้องลงแล้ว แอบเสียดายนิด ๆ เธออยากให้ระยะทางยาวกว่านี้ จะได้มีเวลาอยู่ใกล้เขามากขึ้น เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ หลังส่งเพื่อนร่วมอาชีพเสร็จเรียบร้อย บรรยากาศภายในรถกลับมาเงียบสงบ จิณณ์เคลื่อนรถออกจากตรงนั้นทันที มือหนาคว้ามือถือขึ้นมาหารายชื่อใครบางคน เมื่อเจอก็กดโทรออกเลยทันที สัญญารอสายดังขึ้นสักพักใหญ่ ๆ ก็ได้รับการตอบรับจากปลายสาย [สวัสดีค่ะ] “อยู่ไหน” [ลีฟยังอยู่ที่ทำงานค่ะ] คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง เธอทำงานอะไรตอนสองทุ่มครึ่งกัน ชายหนุ่มแค่สงสัยแต่ไม่ได้ถาม เขาบอกจุดประสงค์ของตัวเองไปแทน “มาเจอกันที่โรงแรมเดิม” [ตอนนี้เหรอคะ] น้ำเสียงของปลายสายดูตกใจหน่อย ๆ “อืม ตอนนี้ ผมใกล้จะถึงแล้ว” [ค่ะ ๆ] หญิงสาวรีบตอบรับอย่างลนลาน ก่อนจะเอ่ยต่อ [แต่คุณรอนานหน่อยได้ไหมคะ ลีฟต้องใช้เวลาเดินทางสักพักเลย] ปกติเขาจะส่งข้อความมานัดเธอก่อนล่วงหน้าราวสี่สิบนาทีหรือหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเธอมักจะไปถึงก่อนเขาทุกครั้ง ด้วยไม่อยากให้เขาเป็นฝ่ายรอ แต่วันนี้จรัสรักคิดว่าคงไม่โดนเรียกตัว เพราะเขาเงียบไปในช่วงเวลาที่มักติดต่อมาเป็นประจำ เธอจึงตอบรับคำชวนไปกินยำกับเพื่อนร่วมงาน “กี่นาที” [คะ ?] “เดินทางประมาณกี่นาที” [ประมาณสี่...ห้าสิบนาทีค่ะ] เธอตอบแบบเผื่อ ๆ เอาไว้ จิณณ์เงียบไปครู่หนึ่งคล้ายกำลังใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ส่งโลเคชันของคุณมา” [คะ ? อะไรนะคะ] จรัสรักไม่แน่ใจว่าตนได้ยินถูกหรือเปล่า “ส่งโลเคชันที่คุณอยู่มา”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม