บทที่ 11 พี่น้องนิสัยต่างขั้ว

1305 คำ
งานแต่งสุดแสนอลังการของเอริคกับมารีนถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วในโรงแรมหรูชื่อดังใจกลางเมือง บรรยากาศภายในงานอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของดอกไม้ที่ถูกจัดไว้เป็นซุ้มใหญ่ด้านหน้าก่อนเข้างาน แขกเหรื่อ คนดัง นักธุรกิจมากมายต่างพากันมาร่วมยินดีกับงานวิวาห์สายฟ้าแลบของทายาทผู้ที่มีอิทธิพลอันดับต้นๆของประเทศ ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาในงานด้วยชุดราตรีและชุดสูทราคาแพง ทุกคนที่มาร่วมงานต่างสวมเครื่องเพชรเต็มตัว ทั้งสร้อยแหวนและนาฬิกาเพื่อโอ้อวดความมั่งคั่งร่ำรวยของตัวเอง มารีนสวมชุดเจ้าสาวเกาะอกทรงหัวใจรัดรูป ชายกระโปรงลากยาวสร้างความหรูหราให้เจ้าสาวขณะเดิน ผมยาวสลวยถูกดัดลอนปลายคลอเคลียอยู่กับแผ่นหลังแบบบาง ยิ่งมารีนสวมชุดสีขาวสะอาดตายิ่งทำให้หญิงสาวคนสวยดูน่าทะนุถนอมมากยิ่งขึ้น ทุกคนต่างชื่นชมในความงามของมารีน แต่ทว่าคงไม่ใช่กับเจ้าบ่าวหน้าตานิ่งเรียบไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาที่กำลังเดินเคียงคู่เข้ามาตามพรมแดงกับหญิงสาว เอริคสวมชุดสูทสีเทาสไตล์อังกฤษที่มีความคลาสสิกดีไซน์เรียบหรูเหมาะสำหรับงานพิธีการ ชายหนุ่มไม่ได้เจอว่าที่เจ้าสาวของเขามาหลายวัน เขาต้องเร่งจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ก่อนวันแต่งงานตามที่ปู่ได้กำชับเขาเอาไว้ ชายหนุ่มปรายตามองหญิงสาวข้างกายเล็กน้อยด้วยแววตานิ่งเรียบ คู่บ่าวสาวเดินเคียงข้างกันเข้ามาภายในงานตามทางเดินพรมแดง แขกผู้มีเกียรติต่างพากันปรบมือให้คู่บ่าวสาวเสียงดังสนั่นไปทั้งห้อง มารีนคล้องแขนเอริคเดินตรงเข้ามายังหน้าแท่นที่มีบาทหลวงยืนรออยู่หน้าเวทีใหญ่พร้อมกัน มารีนครุ่นคิดอยู่ในใจ หากภาพงานแต่งในวันนี้เพราะงานแต่งที่เกิดจากความรักก็คงดีกว่านี้แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย มารีนจะพยายามทำหน้าที่ของเธอที่ปู่ได้สั่งเสียเอาไว้ให้ดีที่สุด ไม่ว่าเธอจะเจอกับอะไรเธอจะอดทนให้ถึงที่สุด คู่บ่าวสาวเดินมาหยุดอยู่หน้าบาทหลวงก่อนที่พวกเขาจะหันหน้ามาสบตากันและพิธีการก็ดำเนินการต่อไปเรื่อยๆตามขั้นตอนจนกระทั่งถึงพิธีสาบานตน “ข้าพเจ้าขอสาบานว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อท่าน ไม่ว่าในยามสุขหรือยามทุกข์ ในความมั่งมีหรือยากจน ไม่ว่าจะยามเจ็บไข้หรือสุขภาพดี ข้าพเจ้าจะรักและให้เกียรติท่านตลอดชีวิตของข้าพเจ้า” เอริคเอ่ยคำสาบานตนก่อน จากนั้นหญิงสาวก็เอ่ยคำสาบานตนต่อชายหนุ่มทันที “ข้าพเจ้าขอสาบานว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อท่าน ไม่ว่าในยามสุขหรือยามทุกข์ ในความมั่งมีหรือยากจน ไม่ว่าจะยามเจ็บไข้หรือสุขภาพดี ข้าพเจ้าจะรักและให้เกียรติท่านตลอดชีวิตของข้าพเจ้า” สิ้นเสียงมารีน คนที่ถือพานดอกไม้ที่มีแหวนเพชรเม็ดโตวางอยู่บนนั้นสองวงก็เดินมายืนอยู่ข้างๆบาทหลวง เอริคหยิบแหวนสวมให้หญิงสาวทันทีด้วยการกระทำที่แข็งกระด้างและไม่มีความอ่อนหวานเลยสักนิด จากนั้นมารีนก็หันไปหยิบแหวนเพชรขึ้นมาสวมใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของชายหนุ่มเช่นกันหลังจากที่เขาสวมแหวนให้เธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อพิธีการแลกแลกแหวนแทนใจผ่านพ้นไปแล้ว เอริคเอื้อมมือไปคว้าเอวบางขยับเข้ามาแนบชิดร่างกำยำก่อนที่เขาจะบดจูบลงบนริมฝีปากเรียวเล็กที่ถูกแต่งเติมด้วยลิปสติกอย่างหนักหน่วงจนแขกเหรื่อภายในงานเอ่ยแซวกันเสียงดัง กลิ่นหอมจากร่างอวบอิ่มที่อยู่ในชุดเจ้าสาวทำให้้เลือดในกายของชายหนุ่มสูบฉีดมากขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากหนาบดขยี้จูบหนักๆลงไปซ้ำๆจนหญิงสาวเริ่มออกแรงตีลงที่อกแกร่งเบาๆเพราะเธอเริ่มหายใจไม่ค่อยออกแล้ว ซึ่งเอริคก็รับรู้และยอมถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อยทำให้ใจดวงน้อยของมารีนรู้สึกหวิวแปลกๆกับบรรยากาศและสัมผัสที่ลึกซึ้งเมื่อครู่นี้ หลังจากจบพิธีการต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว คู่บ่าวสาวก็เดินคล้องแขนกันลงมาทักทายแขกผู้มีเกียรติและผู้อาวุโสตามมารยาททางสังคมสักนิด จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าของตระกูลฟาฟเนอร์ ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มารีนได้พบกับครอบครัวของเจ้าบ่าวอย่างเป็นทางการทุกคน “คุณแอทเทอร์” มารีนเอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มที่ยืนอยู่เอลแดดอย่างแผ่วเบา การที่แอทเทอร์มายืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่า.. “ถึงผมจะงงนิดหน่อยแต่ก็ยินดีด้วยนะครับ ยินดีกับชีวิตแต่งงานด้วยนะพี่ชาย” แอทเทอร์เอ่ยขึ้นมาพลางส่งยิ้มกว้างให้คู่บ่าวสาว “อือ” เอริคตอบกลับสั้นๆแล้วปรายตามองมารีนเล็กน้อย “พี่ชายเหรอคะ?” มารีนขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่ดูงุนงง “ใช่ครับ เอริคคือพี่ชายแท้ๆของผมเองครับ” แอทเทอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางส่งยิ้มกว้างไปให้หญิงสาว “ผมไปทักทายผู้ใหญ่ด้านนั้นก่อนนะครับปู่” เอริคเอ่ยแทรกขึ้นมา “ไปเถอะๆ วันนี้แกทำดีมากเลยนะเอริค หนูด้วยนะมารีน พวกเธอเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากจริงๆ” เอลแดดตอบกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้ว่าเด็กทั้งสองคนจะไม่ได้รักกันแต่คนแก่อย่างเขาเมื่อเห็นลูกหลานเป็นฝั่งเป็นฝาแบบนี้ ชายแก่ก็อดที่จะปลื้มใจและยินดีไม่ได้เลยจริงๆ “ขอบคุณค่ะคุณปู่” สิ้นเสียงมารีน เอริคก็เดินตรงไปยังโต๊ะที่มีแขกเหรื่อนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ ทำให้มารีนที่คล้องแขนเขาอยู่ต้องเดินเคียงข้างชายหนุ่มไป แอทเทอร์คอยส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับมารีนอยู่ตลอดเวลา แตกต่างจากเอริคที่เอาแต่พูดจาดูถูกและทำตัวป่าเถื่อนใส่เธออยู่ตลอดเวลา “เลิกคิดเรื่องไอ้แอทไปได้เลยนะ เพราะฉันเคยบอกเธอไปชัดเจนแล้วว่าฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกันน้องชายของตัวเอง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาก่อนที่เขาจะเดินมาถึงโต๊ะของผู้อาวุโส “หัดคิดไตร่ตรองคำพูดของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมาบ้างก็ดีนะคะ” มารีนตอบกลับไปดเวยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “มารีน..อย่ามาลองดีกับฉัน” ชายหนุ่มขบกรามแน่นเอ่ยลอดไรฟันกระซิบข้างหูหญิงสาว เมื่อโดนหญิงสาวตอบกลับมาแบบนั้น ทว่าเมื่อมีคนเดินมาทักทายยินดีกับคู่บ่าวสาว พวกเขาก็ไม่ได้มีปากเสียงกันต่อ “ยินดีกับงานแต่งงานด้วยนะจ้ะ” เสียงของใครบางคนเอ่ยขึ้นมาทำให้ทั้งคู่หันไปสนใจแขกผู้มีเกียรติก่อน “เอ่ออ ขอบคุณค่ะ” มารีนตอบกลับไป “ขอบคุณครับ” ตามด้วยเสียงทุ้มทรงพลังของเอริค เวลาผ่านพ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งงานแต่งงานที่แสนจะวุ่นวายในวันนี้ได้จบลงไปอย่างสมบูรณ์แบบ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้รักกันแต่พวกเขาก็ทำมันออกมาได้อย่างดีและไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม