เอริคใช้เวลาพูดคุยเรื่องงานกับพ่อและปู่เกือบสองชั่วโมงเต็มกว่าพวกเขาจะจัดการปัญหาต่างๆได้ลงตัว หลังจากที่ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนปรึกษาหารือกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอริคก็เดินกลับมาที่ห้องนอนของเขากับภรรยาที่ถูกเอลแดดจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้เสร็จสรรพ
ใช้เวลาไม่นานเอริคก็เดินมาถึงห้องนอนของตัวเอง มือหนาเอื้อมไปเปิดประตูห้องและเดินเข้าไปในห้องทันที ดวงตาคมกริบกวาดสายตามองรอบๆห้องสไตล์ทันสมัยต่างกับภายนอกห้อง ห้องนอนของพวกเขาเป็นโทนสีขาวน้ำตาลดูเรียบหรู เอริคก็ไม่พบกับมารีนชายหนุ่มจึงเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่สีน้ำตาลภายในห้อง
มือแกร่งเปิดแฟ้มดูไปพลางๆระหว่างที่รอมารีนกลับมาที่ห้องนอน เขาไล่สายตาอ่านและดูรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณปู่เตรียมเอาไว้ให้พวกเขาประมาณสามสี่ที่ เขาไม่ได้ไปเที่ยวพักผ่อนแบบนี้มาเกือบสิบปีได้แล้ว
ร่างอรชรของมารีนเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนในเวลาต่อมา ดวงตากลมโตมองเอริคที่นั่งอยู่บนโซฟาชั่วครู่
“นั่งลง” เสียงทุ้มเอ่ยสั่งหญิงสาว ทำให้เธอตรงมาใกล้เขาเรื่อยๆแต่เธอก็ไม่ได้นั่งลงตามที่ชายหนุ่มออกคำสั่ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยถามกลับไป
“คุณปู่ให้เลือกที่ฮัลนีมูน”
“แล้วแต่คุณเลยค่ะ ฉันขอตัวก่อน” มารีนตั้งท่าจะเดินหนีไปเพราะเธอเองก็มีธุระต้องไปจัดการที่คฤหาสน์ของตัวเองเช่นกัน ทว่าเสียงทุ้มทรงพลังของเอริคก็เอ่ยออกมาเสียงก่อน
“มารีน!! กลับมาเดี๋ยวนี้!” ร่างกำยำลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจที่หญิงสาวกล้าเดินหนีเขาไปแบบนี้
“เลือกมา!” ชายหนุ่มโยนแฟ้มลงบนโต๊ะตรงหน้าเขาพลางตะคอกใส่หญิงสาวเสียงดังลั่นห้อง เขาไม่ชอบที่เธอทำเหมือนไม่สนใจเรื่องที่เขากำลังพูดอยู่ตอนนี้
มารีนถอนหายใจออกยาวพร้อมกับจำใจเดินมาหยิบแฟ้มที่เอริคโยนลงบนโต๊ะขึ้นมาเปิดดูอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เธอจะตอบกลับมา
“อันนี้ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเปิดแฟ้มและชี้ให้ชายหนุ่มดูอย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอเองก็จำไม่ได้เช่นกันว่าเธอเลือกที่ไหน
“เตรียมตัวไว้ด้วย อีกสามวันเราจะไปกันเลย” ชายหนุ่มเอนกายกับพนักพิงโซฟาพลางเอ่ยต่อ
“ทำไมถึงเร็วขนาดนั้นละคะ ฉันยังไม่ได้ดูตารางงานของฉันเลย” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เธอรู้ว่าเอริคเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่แคร์คนอื่นขนาดนี้
“งานที่ต้องไปถ่ายรูปโชว์เนื้อหนังแบบนั้น มันจะต้องดูอะไรเยอะแยะ”
“นี่คุณ! อย่ามาดูถูกงานของฉันนะ!” มารีนเผลอตะคอกใส่ชายหนุ่มเสียงดังลั่น
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉัน” เอริคลุกยืนขึ้นตัวตรงทันทีพร้อมกับกดเสียงต่ำใส่เธอ
“คุณจะว่าอะไรฉันก็ได้ แต่อย่ามาดูถูกงานที่ฉันรัก”
“หึ!” ชายหนุ่มมองหน้าเธอด้วยสายตาเหยียดหยามแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ มือหนาสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงเดินหนีหญิงสาวออกไปจากห้องนอนทันที
เอริคครุ่นคิดอยู่ในใจ คอยดูเถอะ เขาจะทำให้เธอยอมสยบแทบเท้าเขาให้ดู
หลังจากนั้นสามวันต่อมา เอริคกับมารีนก็เดินทางมาจนถึงอิตาลีโดยเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลฟาฟเนอร์ ซึ่งในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้คู่สามีภรรยาป้ายแดงไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่เพราะเอริคเอาแต่หมกตัวอยู่ที่กาสิโนและกลับมาในช่วงเช้าของวัน ช่วงที่เขากลับมาบ้านมารีนก็ออกไปทำงานที่สตูดิโอแล้ว หญิงสาวก็ได้บอกกล่าวกับแทนคุณเรื่องที่เธอจะไปฮัลนีมูนเรียบร้อยแล้ว เจ้านายของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรและเข้าอกเข้าใจหญิงสาวเป็นอย่างดี
คู่สามีภรรยามาถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในอิตาลี โดยมีบอดี้การ์ดชุดดำหกคนเดินประกบตามหลังพวกเขาอยู่ตลอดเวลา พวกเขาก้าวเดินเข้ามาภายในชั้นล็อบบี้ของโรงแรมก็พบกับชายหนุ่มหน้าคมเข้มดูสง่ากำลังยืนรอต้อนรับเอริคกับภรรยาอยู่
“ไงเพื่อน ไม่เจอกันนานเลยนะ” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยทักทายเอริคด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นภาษาอิตาลี ก่อนที่เขาจะปรายตามองหญิงสาวใบหน้าสวยสดงดงามดั่งเจ้าหญิงสวมชุดสีดำทั้งชุดที่เดินอยู่ข้างๆเอริค มารีนจึงส่งยิ้มหวานไปให้เลโอนาร์ดโดยที่เธอไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร
“คิดได้ถึงได้แต่งงานวะ” เลโอนาร์ดสวมชุดสูทพูกไทเอ่ยต่อ
“เรื่องของธุรกิจ” เอริคตอบกลับไปเป็นภาษาอิตาลีเช่นกัน
“กูว่าแล้ว คนอย่างมึงไม่คิดจะแต่งงานง่ายๆหรอก” เลโอนาร์ดพูดอย่างรู้ทันเพื่อน
“พูดภาษาอังกฤษเถอะ” เอริคไม่อยากรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังนินทาผู้หญิงอยู่ เดี๋ยวคนรอบๆข้างมาได้ยินมันจะดูไม่ดีที่ชายหนุ่มสองคนกำลังพูดถึงหญิงสาวต่อหน้าเธอในทางที่ไม่ดีอยู่
“สวัสดีครับ” เลโอนาร์ดยื่นมือออกไปเพื่อจะทักทายมารีนตามมารยาททางสังคม
“สวัสดีค่ะ” มือบางยื่นไปจับมือหนาพลางตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ
“ผมชื่อเลโอนาร์ดนะครับ เรียกว่าเลโอก็ได้..เป็นเพื่อนของเอริคแล้วก็เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ครับ” เลโอนาร์ดแนะนำตัวต่อ
“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อมารีนค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายหนุ่มค่อยๆปล่อยมือออกจากมือของหญิงสาว
“เดี๋ยวให้คนพาไปห้องพักนะเพื่อนรัก” เลโอนาร์ด หันมาบอกกล่าวกับเอริคต่อ
“อือ ขอบใจมาก” เอริคตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ไว้เจอกันเพื่อน ไว้เจอกันนะครับคุณมารีน”
“ค่ะ” ใบหน้าหวานส่งยิ้มกว้างให้เจ้าของโรงแรมอย่างเป็นมิตร เลโอนาร์ดส่งยิ้มกลับไปให้หญิงสาว ก่อนที่เขาจะปลีกตัวเดินออกไปจากตรงนี้ทันที
“เพื่อนคุณดูเป็นคนใจดีนะคะ” มารีนเอ่ยกับเอริคโดยไม่ได้คิดอะไรมากมาย
“หึ! เธอยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะนะถ้าจะเป็นเมียของฉัน” ชายหนุ่มกระแทกเสียงใส่เธอเพราะมารีนดูมองโลกในแง่ดีและรีบตัดสินคนเกินไป
“ทำไมคะ” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ข้อแรกเลยนะเพื่อนของฉันไม่มีคนดีทั้งนั้นและข้อสองอย่าคิดว่าใครดีเพียงเพราะแค่เธอเพิ่งเจอเขาครั้งเดียว อย่าไว้ใจคนง่ายๆ” เอริคเอ่ยอย่างหนักแน่น เขาใช้ชีวิตและเดินตามทางที่โหดร้ายแบบนี้มาตลอด ชายหนุ่มจึงได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างกับชีวิตจริงที่แสนจะโหดร้าย เอริคจึงไม่ค่อยเชื่อใจใครง่ายๆ โลกที่เขาอยู่มันมีแต่การหักหลังและหลอกลวงทั้งนั้นแหละ