ตอนที่ 8
คลายมนต์ตรา
หมู่บ้านตาดแดด
บ้านไม้หลังเล็กของ ยายแป้น หมอดูประจำหมู่บ้านในวันนี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสนิท อาจเพราะเป็นวันหยุดที่ไม่ต้องการจะรับแขกและรับดูดวงทั่วไปชั่วคราว เนื่องด้วยเดือนที่ผ่านมาแกรับคิวไว้ค่อนข้างเยอะ และใกล้ช่วงเข้าพรรษาจึงงดรับงานชั่วคราว
“ยายแป้น อยู่มั้ยจ้ะเปิดประตูให้ฉันหน่อยจ้ะ”
กระนั้นก็มีเสียงเรียกอยู่หน้าประตูบ้าน นั่นทำให้ยายแก่วัยเกือบแปดสิบปี จำต้องเดินมาเปิดอย่างเสียไม่ได้
“อีเกศ มึงมีธุระอะไรงั้นรึ?”
ยายแป้น ถามเสียงแหบ เมื่อเห็นเกศมายืนอยู่หน้าบ้านแต่ก็เข้าใจได้ทันทีที่สายตามองไปเจอ ดาวเรืองหลานสาวของมัน
คิ้วบางของแกย่นเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเพ่งมองร่างบางของสาวรุ่นและเริ่มตระหนักอะไรบางอย่างได้
“มึงนอนกับลูกชายอีรัตน์มาแล้วรึ?”
คำถามตรงๆจากหมอดูนั้นทำให้สองแก้มของ ดาวเรือง ผ่าวร้อนขึ้นมาทันที
“ใช่จ้ะยาย”
กระนั้นหญิงสาวก็ก้มหน้าตอบตามความจริง ป้าเกศของเธอจึงดึงแขนหลานสาวให้เข้ามาในบ้าน และกระซิบกระซาบกับยายแป้นเบาๆ
“ฉันอยากให้ยายช่วยดูให้หน่อยว่ามนต์อีรัตน์มันหายไปจากหลานฉันรึยัง”
ยายแป้นย่อกายนั่งยังหิ้งบูชา ดาวเรืองจึงคลานเข่าไปนั่งตรงข้ามและก้มหน้าเล็กน้อยอย่างใจจดใจจ่อ
หมอดูหลับตาแล้วนั่งพึมพำสักครู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเธอและเพิ่งพินิจเพียงครู่
“มึงเอากับมันไปแค่ครั้งเดียวเองรึ”
เวรกรรม!! รู้ได้เช่นไร
“ใช่จ้ะแม่หมอ”
ดาวเรืองตอบเสียงแผ่วเบาด้วยความเขินอาย แววตาคู่สีน้ำตาลคล้ายฉงนเต็มทน ก็แม่หมอบอกให้เธอไปหลับนอนกับเขาเพื่อล้างมนต์ดำ ไม่ได้บอกนี่นาก็ต้องนอนกี่ครั้ง
“มนต์แค่ยืดอายุมึงออกไปเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเหมือนไอ้หมอนั่นมันก็เพิ่งจะเคยทำเป็นครั้งแรกเช่นกัน”
ครั้งแรกของเขาดอกรึ!!ดาวเรืองอ้าปากค้างเมื่อได้ยิน
“แล้วต้องทำเช่นไรรึ?”
ป้าเกศของเธอเอ่ยถามด้วยความร้อนรน เมื่อได้ฟัง แม่หมอ เอ่ยเช่นนั้น
“อย่างน้อยก็ต้องสามครั้งขึ้นไป จะให้มนต์หายไปแล้วควรจะหกครั้งขึ้นไป”
หกครั้งขึ้นไป!! แค่ครั้งเดียวเธอก็ปวดเมื่อยระบมไปทั้งตัวจนแทบจะลุกไม่ขึ้นอยู่แล้ว นี่อะไรกันจะให้ทำเยอะขนาดนั้นเธอมิต้องไปเฝ้าหรืออยู่กับเขาในเรือนเลยรึ
ทำไมสวรรค์ชั่งกลั่นแกล้งเธอเช่นนี้!! ดาวเรืองเอ้ย
.
.
“ป้าดูแลตัวเองดีๆนะจ้ะ ถ้าฉันทำอะไรทุกอย่างเรียบร้อยอาจจะแวะที่วงหมอลำก่อน แล้วจะกลับมาบ้านเราอีกที”
ดาวเรือง บอกลาป้าเกศ ที่ตอนนี้ถือเป็นญาติคนสำคัญคนเดียวที่เธอมี หลังจากพ่อแม่เสียไปแล้ว เด็กสาวก็แทบมองไม่เห็นใครที่จะสำคัญในชีวิตอีกแล้ว
“แล้วเอ็งไม่แวะไปที่วงก่อนรึ”
“คงแวะไปบอกหัวหน้าวงจ้ะ แต่คงอีกเป็นเดือนกว่าจะมีงานอีกทีช่วงนี้จะเข้าพรรษาเริ่มหน้าฝนแล้ว ฉันคงได้พักนานเลย”
ปกติแล้วงานหมอลำจะมีตะเวนอย่างต่อเนื่องในช่วงหน้าหนาวและหน้าร้อน แต่หากเริ่มฤดูฝนแล้วงานส่วนนี้จะน้อยลง และเธอเพิ่งเป็นหางเครื่องใหม่อาจจะยังไม่ถูกเรียกใช้งานบ่อยเช่นรุ่นพี่ จึงยังมีเวลามาบ้านและทำอย่างอื่นที่อยากทำ
แต่เธอต้องไปทำสิ่งนั้นให้ลุล่วงเพื่อชีวิตของตัวเอง
“งั้นดูแลตัวเองดีๆนะดาว”
“หนูไม่เป็นไรดอกป้า ไม่ต้องห่วงหนูเก่งจะตาย เอาเงินไว้ใช้นะถ้าเสร็จเรื่องราวแล้วหนูได้เป็นหางเครื่องเต็มตัวและได้จับไมค์ร้องหมอลำเราจะสบายกว่านี้”
ดาวเรืองเข้ามาสวมกอดหญิงสูงวัย ขณะยื่นแบงค์สีแดงให้ห้าใบ นั่นทำให้ ป้าเกศตาลุกวาว
“ทำไมให้ป้าเยอะจังดาวตั้งห้าร้อย แล้วมึงจะเอาที่ไหนใช้ วิ่งไปมาก็ต้องเสียค่ารถค่าราอีก”
ห้าร้อยสำหรับป้าเกศมันเป็นจำนวนเงินที่เยอะไปจนอดห่วงหลานสาวคนเดียวไม่ได้ แม้ดาวเรืองจะแสร้งทำตัวให้เข้มแข็งเพียงใดก็ตาม
“พอจ้ะ ป้าเอาไว้ใช้เถอหนูได้ทิปมาตั้งสองพันหลังหักให้หัวหน้าวงแล้ว แค่นี้ก็ใช้ได้หลายเดือนแล้วจ้ะป้า”
“อือ ระวังตัวนะลูกเรียบร้อยแล้วกลับบ้านเรานะดาว”
ผู้เป็นป้าเอ่ยเสียงอ่อน ขณะเดินมาส่งเธอเพื่อขึ้นรถสองแถว และยืนมองจนลับตา
...เวรกรรมอะไรของเอ็งก็ไม่รู้น้อ ดาวเรืองเอ้ย!!
.
.
“อ้าวอีดาวมึงหายหัวไปไหนมา กลับตาดแดดมารึไง?”
สาวรุ่นพี่เอ่ยทัก เมื่อดาวเรือง หิ้วกระเป้าขนาดย่อมเดินเข้าไปยังบ้านพักที่เป็นที่ตั้งของคณะหมอลำบรรเลงศิลป์ ซึ่งอยู่ในอำเภอเล็กแห่งหนึ่ง วันนี้คนมาที่นี่ไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะยังไม่มีหมายกำหนดการณ์ออกงานในช่วงเร็ววันนี้
“ใช่จ้ะ ฉันว่าจะแวะมาหาพี่เพลินเสียหน่อยจะถามว่างานรอบต่อไปฉันได้คิวช่วงวันไหน จะได้ไปงานอื่นได้”
เธอเอ่ยถาม เมื่อมองหาแล้วไม่เห็นหัวหน้าวง
“แหมทำไร่ทำนาที่ตาดแดดนี่มันต้องมีจัดคิวด้วยรึอีดาว ทำอย่างกับธุรกิจใหญ่โตแหละมึง” รุ่นพี่สาวอดเอ่ยแซวไม่ได้
“โหพี่!!ยิ่งกว่าอีก ฉันก็ต้องวางแผนซิจ้ะไปกลับค่ารถค่าราไม่ใช่ถูกๆ หากรู้วันถึงเวลาฉันจะได้มาซ้อมก่อน”
ดาวเรืองบอกเสียงสูง เพราะเดินทางการไปมาๆข้ามอำเภอไม่ใช่เรื่องง่ายๆเสียที่ไหน รถส่วนตัวเธอก็ไม่มี
“เออๆๆ อยู่ข้างใน เห็นว่ามีแขกมา ไม่รู้จะมาจ้างรึเปล่า”
“จะมีด้วยรึ ช่วงนี้เข้าพรรษานิ”
ดาวเรือง เอ่ยเบาๆ แต่ก็เดินเข้าไปในห้องด้านในแต่โดยดี ด้วยต้องการจะคุยกับหัวหน้าวงให้จบๆ เพื่อจะได้ไปทำธุระของตัวเองต่อไปได้
“ฮ่าๆๆงั้นรึจ้ะ ขอบใจมากเลยที่ชอบไว้คราวหน้าก็ใช้บริการคณะเราอีกนะ”
เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของ พี่เพลิน ดังแว่วมาจากในห้องที่บานประตูเปิดแง้มไว้อยู่ ดาวเรืองจึงลังเลอยู่เพียงครู่
ด้วยเกรงว่าหากเดินเข้าไปตอนนี้ อาจจะเป็นการเสียมารยาทหากหัวหน้าวงกำลังคุยธุระกับแขกผู้ใหญ่ หญิงสาวจึงยืนอยู่หน้าประตูห้องอย่างเก้ๆกังๆ
เป็นจังหวะที่ พี่เพลิน เปิดประตูออกมาพอดี
“ช่วยเอาน้ำเย็นมาหน่อย อ้าว!! ดาว”
“หวัดดีค่ะพี่เพลิน พอดี...”
ดาวเรืองยกมือไหว้หัวหน้าวง แต่ไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรต่อ พี่เพลินก็ชิงพูดตัดขึ้นมา
“มาก็ดีแล้ว มีคนมารอพบอยู่พอดี เข้ามาๆ”
คิ้วเรียวสวยของดาวเรืองขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ขณะที่เธอถูกดึงข้อมือเข้าไปในห้อง และหญิงสาวต้องตัวชาวาบเมื่อพบร่างสูงของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น
และกำลังมองเธอด้วยสายตาคมเข้ม
ปราช!!! เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
***********