ตอนที่ 9
เล่ห์ลวง
ปราช!!! เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ดาวเรือง ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อและมองหน้าหล่อเหลาอย่างตระหนก แม้ตั้งใจว่าจะหาทางกลับไปหาชายหนุ่มที่บ้านอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับเขาที่นี่
“...”
ยังไม่ทันจะเอ่ยคำใด พลันมีเสียงคนงานตะโกนเข้ามา
“พี่เพลินออกมาดูเครื่องเสียงให้ฉันหน่อย เป็นอะไรไม่รู้ไม่มีเสียงอะไรออกมาเลย”
“ได้ๆ” หัวหน้าวงตะโกนบอก ก่อนจะหันมามองหน้าเธอ “เห็นคุณปราชเขาบอกอยากจะคุยกับเอ็ง เรื่องจะให้ไปสอนการรำให้เด็กๆที่หมู่บ้าน” เอ่ยเสร็จพี่เพลิน ก็เดินออกจากห้องไป
ทิ้งให้เธออยู่กับเขาเพียงลำพังสองต่อสอง
ดาวเรือง กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก
“พี่ปราชมาที่นี่เพื่อจะเจอฉันเหรอจ้ะ”
สุดท้ายเธอจำต้องเอ่ยถามเขาตรงๆ ด้วยฟังเหตุผลจากหัวหน้าวงที่ว่าจะให้เธอไปสอนการรำให้หลานๆนั้นไม่ค่อยดูมีน้ำหนักสักเท่าใด
“ใช่”
ปราช ตอบสั้นๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปลงกลอนประตูห้อง
คลิ๊ก!!
ร่างหนาสาวเท้าเดินมาใกล้ จนเกือบชิดกับร่างบางที่ถอยกรูดไปจนชิดผนังห้อง ดาวเรืองรู้สึกสองแก้มเริ่มผ่าวร้อนเมื่อได้กลิ่นบุรุษจางๆจากเขา และยิ่งนึกได้ว่าเมื่อคืนก่อนเธอกับเขาได้ใกล้ชิดเนื้อแนบเนื้อและเริงรักกันอย่างเร่าร้อน
ไม่ๆๆ จะประหม่าไม่ได้ดาวเรือง เธอต้องมีสติ เพราะเธอจะต้องทำอีกห้าครั้งเป็นอย่างน้อย
ความจริงนี่เป็นโอกาสดีที่ได้เจอเขาที่นี่ด้วยซ้ำ
“แล้วพี่จะล็อคทำไมละจ้ะ”
“ข้ากลัวแมวในห้องตื่นกลัว จะวิ่งหลุดหายไป ขึ้เกียจต้องไปวิ่งตามจับมา”
แมวอย่างงั้นรึ? เขาเปรียบเธอเป็นแมวหรืออย่างไร
“ยังเจ็บอยู่รึไม่?”
ร่างหนาเข้ามาชิดใกล้ และรวบมือทั้งสองของเธอตรึงไว้กับผนังห้อง มืออีกข้างไล้ยังสาบเสื้อบนเนินอกอิ่ม คิ้วหนาเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นร่องรอยสีกุหลาบจางๆ
“มะ..ไม่เจ็บ ปล่อยหนูก่อนเดี๋ยวพี่เพลินมาเห็น”
เธอเอ่ยเสียงสั่นระริก แม้จะบอกตัวเองในใจว่าต้องทำอีกห้าครั้ง แต่ร่างกายที่อ่อนระทวยก็คล้ายจะไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย ยิ่งได้สัมผัสกับร่างกำยำแน่นเครียดของเขา
หัวใจเธอก็เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
เขาคงมีมนต์เสน่ห์ไม่ต่างจาก รัตนาแม่เขาแน่นอน
“เห็นก็ไม่เป็นไรนิ”
ไม่เป็นไรได้อย่างไร ถึงยังไง ดาวเรืองก็ไม่ต้องการให้คนในวงมารับรู้เรื่องราวอะไรมากมายของเธอกับเขา เพราะถึงอย่างไรหากจบสิ้นภารกิจสวาทนี้ เธอก็ยังต้องมาวิ่งไล่ตามความฝันด้วยการเป็นหางเครื่องและนักร้องหมอลำอยู่ดี
การไม่ให้ใครรับรู้จะเป็นการดีที่สุด
“มะ..เมื่อกี้หนูได้ยินพี่เพลินพูดว่า พี่ปราชอยากให้หนูไปสอนเต้นที่เรือนให้พวกเด็กๆเหรอจ้ะ?”
ดาวเรืองเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ต้องการให้เขารับรู้ถึงแผนการนับจากนี้เด็ดขาด
อีกห้าครั้งเท่านั้น ..จะทำให้ไก่ตื่นไม่ได้
“ใช่ ..สอนให้เด็กๆในหมู่บ้านฉัน”
เพิ่งรู้ว่าคนแสนเย็นชาที่เก็บเนื้อเก็บตัวอย่าง ปราช ลูกชายกำนันเปรื่องจะใส่ใจ เด็กๆในหมู่บ้านด้วย
หรือว่าความจริง เขาจะเป็นเหมือนแม่ของเขา คือชอบเล่นกับเด็กๆ แล้วหลอกล่อเอาความปรารถนานั้นด้วยมนต์ดำ
....แล้วก็ต่ออายุตัวเองไปเรื่อยๆ
“ความจริงหนูรำและเต้นไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่”
แต่กระนั้น หญิงสาวก็ตอบเขาไปตามตรง เพราะหากจะให้เธอไปสอนใครจริงๆ คงจะไม่เหมาะเท่าใด เพราะเธอเองก็เพิ่งจะฝึกฝนตัวเองได้ไม่กี่เดือน ยังต้องเรียนรู้จากรุ่นพี่อีกโข
“เมื่อคืนก็เห็นทำได้ดีนิ ทำจนข้าเมื่อยเอวไปหมด”
คำพูดหน้าตาเฉยของเขา ทำให้สองมือเธอเริ่มจะเปียกชื้น เหตุใดเขาถึงเอ่ยถ้อยคำพวกนี้ได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่เขาเองก็เพิ่งจะเคยทำแบบนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
แม้ความจริงดาวเรือง ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าใด
“หนูยังต้องเรียนรู้อีกเยอะจ้ะ”
“ทำไมถึงวิ่งออกจากบ้านข้า โดยไม่ร่ำลาสักคำแบบนั้นเอาความบริสุทธิ์ของข้าไปแล้วจะหนีมาเช่นนี้รึ”
ความบริสุทธิ์งั้นรึ ...ใครกันที่สมควรจะเอ่ยคำนี้
“หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำ”
อะไรกันเนี่ย เป็นเธอเองที่จะต้องมาเอ่ยคำนี้แทนที่จะเป็นเขา นี่หากไม่ติดว่าเธอต้องทำเพื่อจะล้างมนต์ดำละก็ ไม่มีทางแน่นอนที่จะต้องมายืนต่อหน้าเขาให้กระดากใจเช่นนี้
“เอ็งต้องรับผิดชอบข้านะ”
“จะให้ฉันรับผิดชอบยังไงจ้ะ”
เหมือนจะเข้าทางที่เธอตั้งใจไว้แต่แรก แต่แววตาคมปลาบที่มองเธออย่างชั่วร้ายนั้น ดาวเรืองก็แทบจะเดาความคิดของเขาไม่ออก
เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็คือลูกของรัตนาหมอผีแสนเจ้าเล่ห์คนนั้น แม่ลูกก็คงจะไม่ต่างกันกระมัง
“กลับไปอยู่เรือนกับข้าอย่างน้อยสามเดือน ข้าจ่ายค่าตัวเอ็งให้กับหัวหน้าวงแล้ว”
อะไรนะ!! สามเดือน
ทำไมสวรรค์เข้าข้างเธอเช่นนี้ กำลังจะคิดหาวิธีกลับไปหาเขาเพื่อทำแบบเดิมอีกห้าครั้งอยู่พอดี
ห้าครั้งเท่านั้น ..ท่องไว้ ดาวเรือง
“สามเดือนเลยรึจ้ะ”
“น้อยไปงั้นรึ?”
“มะ..ไม่น้อยจ้ะ”
น้อยอะไรกัน ทำอีกห้าครั้งเธอจะทำให้เสร็จภายในครึ่งเดือนเท่านั้น จะได้รีบถอยห่างจากเขา ใครจะอยากไปอยู่ใกล้และคลุกคลีกับลูกชายของแม่หมอผีที่ชอบดูดกินวิญญานคนอื่นกัน
แค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว...
“หมายถึงเอ็งตกลงจะไปอยู่เรือนข้าแล้วใช่รึไม่?งั้นก็ไปกันได้เลย” ร่างหนาผละออกห่างและหันไปหยิบ กระเป๋าหนังที่โต๊ะ ก่อนจะหันมามองเธอ
“ไปตอนนี้เลยรึจ้ะ”
ดาวเรือง เอ่ยถามอย่างฉงนเมื่อเห็นเขาเดินไปเปิดประตู
“ไปตอนนี้ เดินมาขึ้นรถได้แล้ว...รึว่าจะข้าให้อุ้มไป”
******************