ทายาทหมอผี

1317 คำ
ตอนที่ 11 ทายาทหมอผี “หิวข้าวแล้วมากินก่อน ...ข้าไม่อยากกินข้าวคนเดียว” ปกติเขาก็กินคนเดียวไม่ใช่รึ! “ฉันต้องนั่งกินข้าวกับพี่ปราชเหรอจ้ะ” ดาวเรือง เอ่ยถามเบาๆ ด้วยทราบจาก ไอ้แดน ลูกน้องของเขาแล้ว ว่าจะมีคนงานยกมาให้ ปราช ที่เรือนใหญ่ ส่วนคนงานทุกคนต่างกินข้าวในเรือนของตน หรือไม่ก็ลานครัวรวมและต่างต้องจัดการล้างจานชามของตัวเองให้เรียบร้อย และเธอเองก็น่าจะอยู่ในฐานะคนงานไม่ต่างกันเท่าใด “ข้าชวนกิน ก็ต้องกินกับข้านะซิจะให้กินกับใครกัน” ปราช เอ่ยเสียงเข้ม “เร็วๆข้าหิวแล้ว” นั่นทำให้ หญิงสาว จำต้องเดินตามเขาขึ้นไปบนเรือนชั้นสองที่ทางคนงานเตรียมสำรับไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว กับข้าวส่วนใหญ่เป็นผัดผักและน้ำพริกกับต้มจืดๆ พอจะทราบมาว่า ปราช นั้นไม่ชอบทานเนื้อสัตว์สักเท่าใด หากกินก็จะเป็นใข่หรือเนื้อปลาบ้าง นั่นต่างจากอัตลักษณ์ภายนอกของลูกชายกำนันเปรื่องยิ่งนัก ดาวเรือง ย่อกายบนเก้าอี้ไม้มะขามอย่างระมัดระวัง เอื้อมมือไปตักข้าวจากโถใส่ให้เขาและตัวเอง รอให้อีกฝ่ายตักข้าวก่อนจึงค่อยตักตามอย่างเก้ๆกังๆ สายตาพยายามสอดส่ายไปรอบเรือนเขา และเห็นรูปถ่ายขาวดำซีดๆที่น่าจะเป็นปู่และพ่อของเขาติดไว้ข้างผนัง “กินข้าวซิ มองอะไรงั้นรึ?” เขา ปรามเธอเบาๆ ขณะตั้งใจจัดการอาหารบนจานตัวเองอย่างละเมียดละไม “ปู่พี่ปราช รูปงามจังไม่ต่างจากกำนันเปรื่องเลยจ้ะ” เธอเอ่ยชมเบาๆ นั่นทำให้มือที่กำลังตักข้าวชะงักเล็กน้อย และเงยหน้าไปมองรูปบนผนังเพียงครู่ คล้ายดวงตาคู่สีถ่านของเขาจะไหววูบเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม “ใครๆก็ว่าข้าหน้าไม่เหมือนปู่หรือพ่อ” น้ำเสียงนั้นคล้ายจะตัดพ้อน้อยใจนิดๆ “เหมือนอยู่นะฉันว่าพี่คล้ายกำนันเปรื่องอยู่ตรงตาและรูปหน้าด้านบน แต่ผิวพรรณอาจเหมือนฝั่งแม่มากกว่า เพราะแม่ของพี่ปราชขาวใช่มั้ยจ้ะ” เอ่ยเสร็จ ดาวเรืองก็อยากจะตบปากตัวเองยิ่งนัก เพราะประโยคของเธอ ทำให้ ปราช ชะงักอีกครั้ง หน้าหล่อเหลานั้นเงยขึ้นสบตาเธอทันที “รู้ได้ไง เอ็งรู้จักแม่ข้าได้รึยังไง?” น้ำเสียงของเขาดุเข้ม ช้อนในมือถูกวางลงทันที “เอ่อ ฉันก็ฟังคนอื่นเล่ามาอีกที เห็นว่าแม่ของพี่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน และคาดว่าผิวพรรณน่าจะขาวและสวย” ทำไมจะไม่รู้จักละ ยายหมอผีรัตนาคนนั้น เคยไปตั้งร้านขายของชำในหมู่บ้านตาดแดดสมัยเธอยังเด็ก ผิวพรรณของหล่อนขาวราวกระเบื้องเคลือบ และหน้าตาที่งดงามราวนางฟ้านั่นอีก ทำให้หนุ่มน้อยใหญ่ในหมู่บ้านแทบจะรุมซื้อของในร้านจนแทบจะไม่พอขาย กระทั่งผู้หญิงในหมู่บ้านไม่ชอบหล่อน เพราะสวยเกินไป พอหล่อนหายไปจากหมู่บ้านทุกคนจึงโล่งอก ด้วยเกรงว่าเหล่าผัวๆของตนจะไปหลงเสน่ห์ หมอผีรัตนาคนนั้น “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไม่มีรูปถ่ายแม่ พ่อบอกว่าแม่ไม่ชอบถ่ายรูป และข้าเห็นแม่ครั้งสุดท้ายตอนจำความได้น่าอายุประมาณสองสามขวบ ข้าแทบจะจำหน้าแม่ไม่ได้แล้ว...” น้ำเสียงของ ปราช แม้ราบเรียบ แต่หญิงสาวก็สัมผัสความเหงาเศร้าจากเขาได้ เมื่อลำดับเหตุการณ์ได้แล้วจึงคาดว่าหลังจากคลอดลูกชายแล้ว รัตนาคงหนีจากศรีขรแล้วมาอยู่หมู่บ้านตาดแดด ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่อื่น และจนป่านนี้ก็ไม่มีใครทราบว่า หล่อนอยู่ที่ไหน บ้างก็ว่าหล่อนน่าจะตายไปแล้ว บางคนบอกว่าหล่อนตะเวนไปทั่วทั้งไทย จีน พม่า ลาว เขมร ไปอยู่แต่ละที่ไม่เกิดที่ละเจ็ดปีและย้ายไปเรื่อย เพื่อไม่ให้คนสงสัยในความเป็นอมตะของตัวเอง และแต่ละที่ๆหล่อนไป จะมีชีวิตผู้คนติดมาด้วยเสมอ เท่าที่ทราบจาก ยายแป้น หล่อนพลาดมีลูกกับกำนันเปรื่องแบบไม่ได้ตั้งใจ นั่นทำให้หล่อนอยู่ที่ศรีขรไม่ถึงเจ็ดปี และนี่คงเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของหล่อน กำนันเปรื่องและลูกชาย คงไม่ทราบเรื่องราวของหล่อน “แต่ก็ยังดีนะ อย่างน้อยพี่ปราชก็ยังมีพ่อคอยดูแล” เสียงของดาวเรือง สั่นระริกเล็กน้อย ด้วยความจริงตั้งใจจะปลอบเขา แต่กลับนึกถึงชีวิตตัวเองที่พ่อกับแม่จากไปแบบกระทันหัน ชีวิตของเธอมันแสนเหงาและคว้างจนรู้สึกชินกับมันเสียแล้ว “อืม เห็นว่าพ่อกับแม่เอ็งเสียไปนานแล้วใช่ไหม ข้าเสียใจด้วย” เป็น ปราช เสียเองที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “พี่รู้ได้เช่นไรรึ?” เธอเงยหน้าถามเขาอย่างฉงน “ไม่เห็นจะยาก” ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย ด้วยสองวันที่ผ่านมาเขาให้ลูกน้องไปสืบเรื่องราวของเธอกับวง และตอนนี้เขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของเธอทั้งหมด มีเพียงสิ่งเดียวที่เขายังไม่ทราบ คือ ....เธอเข้าหาเขาเพื่อเหตุใด? “.....” ดาวเรือง จึงได้แต่ก้มหน้ากินข้าวต่อ และคอยชำเลืองมองเขาอย่างระมัดระวัง ด้วยไม่แน่ใจว่าเขารู้ข้อมูลของเธอมากน้อยแค่ไหน “อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย กินข้าวเถอะหากคิดอยากจะอยู่เรือนข้าไม่ต้องเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้นอีก” ปราช เอ่ยเสียงราบเรียบ ด้วยไม่อยากจะให้หญิงสาวหรือใครๆเอ่ยถึง แม่ของเขา ผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปโดยที่ไม่คิดจะหันหลังมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขาไม่อยากได้ยิน และไม่อยากให้ใครเอ่ยถึง . หลังกินข้าวเสร็จ ดาวเรือง ยกสำรับไปที่ลานครัวและล้างทำความสะอาดเรียบร้อย จึงได้กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะเตรียมเข้านอน แต่ก็ยังไม่วายมองขึ้นไปยังชั้นสองอย่างครุ่นคิดว่าครั้งที่สองเธอควรจะเริ่มอย่างไรดี เรื่องการป้องกันนั้นเธอได้กินยาระงับจาก ยายแป้นมาแล้ว จึงสามารถจะมีอะไรกับเขาได้โดยไม่ต้องกังวลปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลัง หญิงสาว เดินครุ่นคิดในห้องไปมา พลางคิดว่าอย่างน้อยถ้าวันนี้ได้มีอะไรกับเขาสักครั้ง เวลาที่นี่ก็จะเหลือน้อยลง และเธอก็ได้ไปจากเรือนนี้ได้เร็วขึ้น คิดได้ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเดินจากห้องชั้นล่าง แล้วเดินขึ้นบันใดยังเรือนชั้นสอง “มีอะไรงั้นรึ?” เสียงนุ่มทุ้มต่ำเอ่ยถามขณะเดินออกจากห้องพระ และเห็นร่างบางของสาวหางเครื่อง เดินขึ้นเรือนมา “ฉันอยากมายืมวิทยุพี่ปราช อยากจะเอาไปเปิดฟังไว้ซ้อมรำและเต้นในห้องซะหน่อยจ้ะ” ดาวเรือง เอ่ยเสียงหวานและสาวเท้าเหยียบพื้นเรือนอย่างระมัดระวัง พยายามทำกริยาให้เป็นธรรมชาติที่สุด จะให้เขารู้ไม่ได้ว่าเป้าหมายของเธอคิดอะไร “ได้ซิ แต่อาจเปิดได้ไม่นานนะเหมือนถ่านจะเริ่มอ่อนละ พรุ่งนี้ข้าจะให้ไอ้แดนไปซื้อถ่านใหม่มาให้” ปราช หันหลังไปเตรียมไปหยิบวิทยุมาให้เธอ แต่ดาวเรืองเดินมาชิดใกล้ หวังให้เขาหันหลังมาแล้วชนเธอเช่นดั่งวันนั้น จนแผนการครั้งแรกสำเร็จ พลั่ก!! “โอ้ย! จะ...เจ็บ” แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง เมื่อร่างหนาหันมาชนจนเธอเซถลา และล้มฟุบชนกับขอบโต๊ะไม้มะขามจนทรุดกองลงกับพื้นเรือน....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม