ตอนที่ 11
ทายาทหมอผี
“หิวข้าวแล้วมากินก่อน ...ข้าไม่อยากกินข้าวคนเดียว”
ปกติเขาก็กินคนเดียวไม่ใช่รึ!
“ฉันต้องนั่งกินข้าวกับพี่ปราชเหรอจ้ะ”
ดาวเรือง เอ่ยถามเบาๆ ด้วยทราบจาก ไอ้แดน ลูกน้องของเขาแล้ว ว่าจะมีคนงานยกมาให้ ปราช ที่เรือนใหญ่ ส่วนคนงานทุกคนต่างกินข้าวในเรือนของตน หรือไม่ก็ลานครัวรวมและต่างต้องจัดการล้างจานชามของตัวเองให้เรียบร้อย
และเธอเองก็น่าจะอยู่ในฐานะคนงานไม่ต่างกันเท่าใด
“ข้าชวนกิน ก็ต้องกินกับข้านะซิจะให้กินกับใครกัน”
ปราช เอ่ยเสียงเข้ม “เร็วๆข้าหิวแล้ว”
นั่นทำให้ หญิงสาว จำต้องเดินตามเขาขึ้นไปบนเรือนชั้นสองที่ทางคนงานเตรียมสำรับไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
กับข้าวส่วนใหญ่เป็นผัดผักและน้ำพริกกับต้มจืดๆ พอจะทราบมาว่า ปราช นั้นไม่ชอบทานเนื้อสัตว์สักเท่าใด หากกินก็จะเป็นใข่หรือเนื้อปลาบ้าง นั่นต่างจากอัตลักษณ์ภายนอกของลูกชายกำนันเปรื่องยิ่งนัก
ดาวเรือง ย่อกายบนเก้าอี้ไม้มะขามอย่างระมัดระวัง เอื้อมมือไปตักข้าวจากโถใส่ให้เขาและตัวเอง รอให้อีกฝ่ายตักข้าวก่อนจึงค่อยตักตามอย่างเก้ๆกังๆ สายตาพยายามสอดส่ายไปรอบเรือนเขา และเห็นรูปถ่ายขาวดำซีดๆที่น่าจะเป็นปู่และพ่อของเขาติดไว้ข้างผนัง
“กินข้าวซิ มองอะไรงั้นรึ?”
เขา ปรามเธอเบาๆ ขณะตั้งใจจัดการอาหารบนจานตัวเองอย่างละเมียดละไม
“ปู่พี่ปราช รูปงามจังไม่ต่างจากกำนันเปรื่องเลยจ้ะ”
เธอเอ่ยชมเบาๆ นั่นทำให้มือที่กำลังตักข้าวชะงักเล็กน้อย และเงยหน้าไปมองรูปบนผนังเพียงครู่ คล้ายดวงตาคู่สีถ่านของเขาจะไหววูบเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม
“ใครๆก็ว่าข้าหน้าไม่เหมือนปู่หรือพ่อ”
น้ำเสียงนั้นคล้ายจะตัดพ้อน้อยใจนิดๆ
“เหมือนอยู่นะฉันว่าพี่คล้ายกำนันเปรื่องอยู่ตรงตาและรูปหน้าด้านบน แต่ผิวพรรณอาจเหมือนฝั่งแม่มากกว่า เพราะแม่ของพี่ปราชขาวใช่มั้ยจ้ะ”
เอ่ยเสร็จ ดาวเรืองก็อยากจะตบปากตัวเองยิ่งนัก เพราะประโยคของเธอ ทำให้ ปราช ชะงักอีกครั้ง หน้าหล่อเหลานั้นเงยขึ้นสบตาเธอทันที
“รู้ได้ไง เอ็งรู้จักแม่ข้าได้รึยังไง?”
น้ำเสียงของเขาดุเข้ม ช้อนในมือถูกวางลงทันที
“เอ่อ ฉันก็ฟังคนอื่นเล่ามาอีกที เห็นว่าแม่ของพี่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน และคาดว่าผิวพรรณน่าจะขาวและสวย”
ทำไมจะไม่รู้จักละ ยายหมอผีรัตนาคนนั้น เคยไปตั้งร้านขายของชำในหมู่บ้านตาดแดดสมัยเธอยังเด็ก ผิวพรรณของหล่อนขาวราวกระเบื้องเคลือบ และหน้าตาที่งดงามราวนางฟ้านั่นอีก ทำให้หนุ่มน้อยใหญ่ในหมู่บ้านแทบจะรุมซื้อของในร้านจนแทบจะไม่พอขาย
กระทั่งผู้หญิงในหมู่บ้านไม่ชอบหล่อน เพราะสวยเกินไป
พอหล่อนหายไปจากหมู่บ้านทุกคนจึงโล่งอก ด้วยเกรงว่าเหล่าผัวๆของตนจะไปหลงเสน่ห์ หมอผีรัตนาคนนั้น
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไม่มีรูปถ่ายแม่ พ่อบอกว่าแม่ไม่ชอบถ่ายรูป และข้าเห็นแม่ครั้งสุดท้ายตอนจำความได้น่าอายุประมาณสองสามขวบ ข้าแทบจะจำหน้าแม่ไม่ได้แล้ว...”
น้ำเสียงของ ปราช แม้ราบเรียบ แต่หญิงสาวก็สัมผัสความเหงาเศร้าจากเขาได้ เมื่อลำดับเหตุการณ์ได้แล้วจึงคาดว่าหลังจากคลอดลูกชายแล้ว รัตนาคงหนีจากศรีขรแล้วมาอยู่หมู่บ้านตาดแดด ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่อื่น
และจนป่านนี้ก็ไม่มีใครทราบว่า หล่อนอยู่ที่ไหน
บ้างก็ว่าหล่อนน่าจะตายไปแล้ว บางคนบอกว่าหล่อนตะเวนไปทั่วทั้งไทย จีน พม่า ลาว เขมร ไปอยู่แต่ละที่ไม่เกิดที่ละเจ็ดปีและย้ายไปเรื่อย เพื่อไม่ให้คนสงสัยในความเป็นอมตะของตัวเอง
และแต่ละที่ๆหล่อนไป จะมีชีวิตผู้คนติดมาด้วยเสมอ
เท่าที่ทราบจาก ยายแป้น หล่อนพลาดมีลูกกับกำนันเปรื่องแบบไม่ได้ตั้งใจ นั่นทำให้หล่อนอยู่ที่ศรีขรไม่ถึงเจ็ดปี และนี่คงเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของหล่อน
กำนันเปรื่องและลูกชาย คงไม่ทราบเรื่องราวของหล่อน
“แต่ก็ยังดีนะ อย่างน้อยพี่ปราชก็ยังมีพ่อคอยดูแล”
เสียงของดาวเรือง สั่นระริกเล็กน้อย ด้วยความจริงตั้งใจจะปลอบเขา แต่กลับนึกถึงชีวิตตัวเองที่พ่อกับแม่จากไปแบบกระทันหัน ชีวิตของเธอมันแสนเหงาและคว้างจนรู้สึกชินกับมันเสียแล้ว
“อืม เห็นว่าพ่อกับแม่เอ็งเสียไปนานแล้วใช่ไหม ข้าเสียใจด้วย”
เป็น ปราช เสียเองที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“พี่รู้ได้เช่นไรรึ?” เธอเงยหน้าถามเขาอย่างฉงน
“ไม่เห็นจะยาก”
ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย ด้วยสองวันที่ผ่านมาเขาให้ลูกน้องไปสืบเรื่องราวของเธอกับวง และตอนนี้เขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของเธอทั้งหมด
มีเพียงสิ่งเดียวที่เขายังไม่ทราบ
คือ ....เธอเข้าหาเขาเพื่อเหตุใด?
“.....”
ดาวเรือง จึงได้แต่ก้มหน้ากินข้าวต่อ และคอยชำเลืองมองเขาอย่างระมัดระวัง ด้วยไม่แน่ใจว่าเขารู้ข้อมูลของเธอมากน้อยแค่ไหน
“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย กินข้าวเถอะหากคิดอยากจะอยู่เรือนข้าไม่ต้องเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้นอีก”
ปราช เอ่ยเสียงราบเรียบ ด้วยไม่อยากจะให้หญิงสาวหรือใครๆเอ่ยถึง แม่ของเขา ผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปโดยที่ไม่คิดจะหันหลังมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
เขาไม่อยากได้ยิน และไม่อยากให้ใครเอ่ยถึง
.
หลังกินข้าวเสร็จ ดาวเรือง ยกสำรับไปที่ลานครัวและล้างทำความสะอาดเรียบร้อย จึงได้กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะเตรียมเข้านอน แต่ก็ยังไม่วายมองขึ้นไปยังชั้นสองอย่างครุ่นคิดว่าครั้งที่สองเธอควรจะเริ่มอย่างไรดี
เรื่องการป้องกันนั้นเธอได้กินยาระงับจาก ยายแป้นมาแล้ว จึงสามารถจะมีอะไรกับเขาได้โดยไม่ต้องกังวลปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
หญิงสาว เดินครุ่นคิดในห้องไปมา พลางคิดว่าอย่างน้อยถ้าวันนี้ได้มีอะไรกับเขาสักครั้ง เวลาที่นี่ก็จะเหลือน้อยลง และเธอก็ได้ไปจากเรือนนี้ได้เร็วขึ้น
คิดได้ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเดินจากห้องชั้นล่าง แล้วเดินขึ้นบันใดยังเรือนชั้นสอง
“มีอะไรงั้นรึ?”
เสียงนุ่มทุ้มต่ำเอ่ยถามขณะเดินออกจากห้องพระ และเห็นร่างบางของสาวหางเครื่อง เดินขึ้นเรือนมา
“ฉันอยากมายืมวิทยุพี่ปราช อยากจะเอาไปเปิดฟังไว้ซ้อมรำและเต้นในห้องซะหน่อยจ้ะ”
ดาวเรือง เอ่ยเสียงหวานและสาวเท้าเหยียบพื้นเรือนอย่างระมัดระวัง พยายามทำกริยาให้เป็นธรรมชาติที่สุด จะให้เขารู้ไม่ได้ว่าเป้าหมายของเธอคิดอะไร
“ได้ซิ แต่อาจเปิดได้ไม่นานนะเหมือนถ่านจะเริ่มอ่อนละ พรุ่งนี้ข้าจะให้ไอ้แดนไปซื้อถ่านใหม่มาให้”
ปราช หันหลังไปเตรียมไปหยิบวิทยุมาให้เธอ แต่ดาวเรืองเดินมาชิดใกล้ หวังให้เขาหันหลังมาแล้วชนเธอเช่นดั่งวันนั้น จนแผนการครั้งแรกสำเร็จ
พลั่ก!!
“โอ้ย! จะ...เจ็บ” แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง เมื่อร่างหนาหันมาชนจนเธอเซถลา และล้มฟุบชนกับขอบโต๊ะไม้มะขามจนทรุดกองลงกับพื้นเรือน....