นาคิมไม่มีสมาธิทำงานเขากลับไปที่คอดโดก็ไม่พบกับชลันธร ที่จริงก็พอเดาได้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่จะให้ไปหาเธอตอนนี้คงพบกับเพื่อนของเธอ แล้วเขาจะไปหาให้ฐานะเจ้านายที่ห่วงลูกน้องก็ไม่ใช่
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นส่งข้อความ แต่ว่าเมื่อขึ้นว่าอ่านแล้วกลับไม่ตอบ
“ชลันธร ยายเด็กดื้อเธอจะเล่นสงครามประสาทกับฉันใช่ไหม” เขาเหวี่ยงโวยวายอยู่ในคอนโดคนเดียว โดยที่ ไม่มีใครรองรับอารมณ์
ชลันธรมองดูข้อความที่ส่งมาหลายข้อความ ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง จะให้พาไปหาหมอไหม เธอบอกเลยว่าไม่อยากจะอ่านมันด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมเวลานึกถึงหน้าเขาเธอก็คลื่นไส้ จนต้องลูบท้องบอกให้ลูกพอได้แล้ว เธอจะนอน
“แกเป็นอะไรไหม เห็นหน้าซีด” อนงนาถมานอนกับเพื่อนเพราะเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรแค่รู้สึกคลื่นไส้”
“อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ ไหม เดี๋ยวฉันไปซื้อผลไม้ให้” อนงนาถคิดว่าเพื่อนน่าจะอยากกินขอเปรี้ยวเหมือนกับคนท้องทั่วไป แต่ว่าเพื่อนกลับส่ายหน้าแทน
“นอนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นไปฝากท้องแต่เช้า” ชลันธรปิดโทรศัพท์แล้วก็นอน ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ในเมื่อตัดสินใจจะอยู่ให้ได้ด้วยตัวแล้ว ก็ไม่อยากจะคิดอะไรให้มันมาบั่นทอนกำลังใจตัวเอง
นาคิมคิดไม่ตกเรื่องของชลันธร เขาปวดหัวไม่รู้ จะจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ยังไงดี เธอมีลูกแล้วเป็นลูกของเขา เขาไม่ได้อยากจะทิ้งเธอ แต่ว่าลูกมาตอนที่เขายังไม่พร้อม
“ทำไงดีวะไอ้คิม” เขาบ่นกับตัวเองซ้ำๆ และไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร หากบอกผู้เป็นมารดาต้องเป็นเรื่องใหญ่ แล้วชลันธรจะเดือนร้อนเอาได้ เขาเป็นคนทำให้เธอเป็นเมีย และเขาก็อยากจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
รุ่งเช้าอนงนาถได้รับสายจากฝ่ายบุคคลเรื่องการที่
ชลันธรลางานไปฝากครรภ์ ให้นำบิลต่างๆ มาเบิกกับบริษัทได้ เพราะบริษัทเพิ่งอนุมัตินโยบายด่วนเรื่องสิทธิและผลประโยชน์พนักงานเมื่อคืนนี้ และเที่ยงคืนอีกต่างหาก
ใช่...คำสั่งด่วนจากเบื้องบน จนทำให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลต้องวุ่นวายร่างเอกสารให้เซ็นแล้วก็ประกาศให้พนักงานรับทราบ และมีผลทันที
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวจะแจ้งเพื่อนให้ค่ะ” อนงนาถรับโทรศัพท์แบบงงๆ เพราะว่าอยู่ๆ บริษัทจะดูแลพนักงานดีเกินไปแล้ว เพิ่งเห็นเอาก็ตอนนี้ ทำงานมาก็หลายปีแล้ว
เพื่อนเธอนี่โชคดีจริงๆ ได้รับการดูแลอย่างดีจากบริษัทตั้งแต่ท้องจนคลอดลูกเลย
สองสาวจับมือกันเข้าไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดก็ว่าได้ แล้วก็แจ้งว่ามาจากบริษัทก็ได้รับการดูแลอย่างดี จนชลันธรกับอนงนาถตกใจ
“แก...บริษัทเรากำไรเยอะเหรอ” อนงนาถอึ้ง
“ไม่รู้สิ” ชลันธรเองก็งงเหมือนกัน เหมือนทุกอย่างถูกส่งมาให้เธอโดยเฉพาะ อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ทว่ามันมีผลกับทั้งบริษัท เช่นนั้นก็คงไม่ใช่ความคิดเขาหรอก
‘คนเลวอย่างเขาจะคิดได้ยังไง’ เธอคิดในใจ
“ฉันอยากท้องตอนนี้เลยแก” อนงนาถพูดทีเล่นทีจริงกับเพื่อน
“หาสามีก่อนค่ะเพื่อน ค่อยท้อง” ชลันธรส่ายหน้าให้เพื่อนตัวแสบของเธอที่คิดอะไรพิลึกนัก
แต่เมื่อเธอและเพื่อนได้เข้าห้องไปตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง ก็ต้องพบกับข่าวดียิ่งกว่า
“ยินดีด้วยครับ คุณได้ลูกแฝด”
“อะ...อะไรนะคะหมอ” ชลันธรตื่นเต้นจนพูดตะกุกตะกักไปหมด เธอหันมาจับมือกับเพื่อนแน่น
“ฟังไม่ผิดครับ คุณท้องลูกแฝด จึงทำให้แพ้ท้องมากกว่าปกติ ช่วงนี้ต้องระวังให้มากนะครับ อย่าไปที่แออัด”
ชลันธรน้ำตาไหล พร้อมกับมองดูภาพที่อัลตรา- ซาวนด์ใบแรกที่ยังมองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กทารก เพราะเล็กมากๆ
แต่หัวใจที่กำลังเต้นอยู่ภายใน สองดวงนี้ทำให้เธอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“หลานฉัน...ฉันได้หลานสองคน” อนงนาถดีใจกับเพื่อนด้วย เธอได้หลานทีเดียวถึงสองคน ต้องรีบเอาข่าวนี้ไปบอกแม่ของเธอด้วย เพราะแม่ของอนงนาถนั้นเอ็นดูชลันธรมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“เดี๋ยวพยาบาลจะพาไปทำเรื่องฝากท้องนะครับ” คุณหมอยิ้มให้กับว่าที่คุณแม่มือใหม่
ชลันธรเมื่อเดินมาทำเรื่องฝากครรภ์ เธอต้องกรอกเอกสารในการฝากครรภ์ เมื่อเห็นช่องที่ใส่ชื่อบิดาเธอเลือกขีดฆ่าทันที
“แกไม่ใส่ชื่อพ่อของลูกใช่ไหม” อนงนาถถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ
“เขาไม่ต้องการ ฉันก็ใส่ชื่อฉันคนเดียวได้” ชลันธรพูดแล้วส่งเอกสารเตรียมไปรอรับยาที่หน้าห้องยา
อนงนาถดึงเพื่อนมากอด เธอรู้ว่าเพื่อนไม่ได้อยากให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพื่อนเธออ่อนต่อโลกมากเกินไป ที่โดนคนชั่วคนนั้นหลอกลวง แต่เธอจะอยู่เคียงข้างกับชลันธรไม่ทิ้งเพื่อนเด็ดขาด
“แกกอดฉันทำไม ฉันจะร้องแล้วนะ” ชลันธรเสียงเครือ เธอรู้ว่าเพื่อนอยากพูดอะไร แต่ว่าเธอก็ดื้อเองที่ไม่เชื่อเพื่อนตั้งแรก แต่ว่าเมื่อเธอเจ็บกลับมีแค่เพื่อนอย่างอนงนาถที่หวังดีกับเธอไม่เคยทอดทิ้ง แม้ว่าเธอจะทำอะไรผิดมาก ก็ตาม เพื่อนคนนี้พร้อมให้อภัยเธอเสมอ
“ไม่ต้องร้องเลย เดี๋ยวหลานฉันเศร้าไปด้วย ฉันไม่อยากให้หลานเกิดมาขี้แยนะ” คนที่บอกว่าไม่ต้องร้องกลับร้องไปก่อนแล้ว อนงนาถรู้ว่าเพื่อนเจ็บมาก เจ็บจนไม่อยากให้ใครรับรู้ ไม่ง่ายเลยที่จะอยู่โดยไม่มีคนดูแลยามท้องไส้อย่างนี้
ภาพที่ผู้หญิงสองคนกอดกันร้องไห้นั้น ทำให้คนที่แอบมาดูเธอห่างๆ สะอึกอยู่ไม่น้อย เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองใจร้าย แต่ว่าเขามีเหตุผล
เมื่อทั้งคู่เดินมารับยาที่ห้องยา ก็ต้องแปลกใจว่าเหตุใดถึงไม่มีค่าใช้จ่าย
“เอ่อ...ไม่มีค่าใช้จ่ายเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ต่อไปคุณถือบัตรตัวนี้มาที่โรงพยาบาล แค่แจ้งกับประชาสัมพันธ์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่ะ ทางบริษัทของคุณได้ทำเรื่องไว้ให้แล้ว”
“อ่อ...ค่ะ” แม้ว่าทั้งคู่จะแปลกใจ แต่ก็เดินกลับกันไปอย่างงงๆ ไม่รู้บริษัทไปรวยอะไรมาถึงได้ดูแลพนักงานดีขนาดนี้
“หิวไหม”
“หิวแล้ว ฉันมีลูกทีเดียวตั้งสองคน ถ้าคลอดเสร็จฉันทำหมันเลยดีไหม” ชลันธรปรึกษากับเพื่อน
“แกไม่คิดมีคนที่สามเหรอ”
“พอแล้ว แค่สองแฝดฉันว่าก็น่าจะปวดหัวน่าดู”
“ตามใจแกก็แล้วกัน”
สิ่งที่ทั้งคู่พูดคุยกันนั้น นาคิมได้ยินชัดเจนเต็มสองหู นี่เธอจะคิดมีแค่ลูกสองคนงั้นเหรอ ทำไมเขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
อนงนาถพาชลันธรซื้อของบำรุง แล้วก็อาหารดีๆ ก่อนจะกลับไปที่ห้อง เมื่อถึงห้องชลันธรก็กินทุกอย่างด้วยความหิว แล้วก็นอนหลับ
อนงนาถเห็นเพื่อนหลับแล้ว ก็หันมาจับโทรศัพท์ เห็นสายของหัวหน้าเตชิตโทรเข้ามา และเธอก็ไม่รอช้าที่จะโทรกลับ
“เป็นไงบ้างนาถ”
“คุณแม่หลับไปแล้วค่ะ ได้ลูกแฝดด้วยค่ะหัวหน้า เตรียมเลี้ยงหลานแฝดเลยค่ะ”
“จริงเหรอ”
“จริงสิคะ ช่วงนี้หัวหน้าโอนงานที่ต้องให้ธรทำมาให้นาถก่อนนะคะ น่าจะเพลียง่ายแล้วก็หลับบ่อยเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร งานที่ชลันธรทำอยู่เดี๋ยวผมทำเอง ส่วน
ชลันธรจัดการพวกงานเอกสารก็พอ”
“ขอบคุณแทนเพื่อนด้วยนะคะ” อนงนาถดีใจที่หัวหน้าเธอยังเห็นใจเพื่อนรักอยู่ ไม่อย่างนั้นก็คงแย่แน่
ผัวเฮงซวยนั่นก็ดันมาทิ้งไปอีก!
ฮัดเช้ย...อัดเช้ย...ฮัดชิ้ว!!!
นาคิมที่เห็นสองสาวกลับเข้าคอนโด ที่เขาเรียกว่ารูหนูของชลันธรแล้ว ก็ขับรถกลับบริษัท แต่ตลอดทางนั้นมีแต่เสียงจาม จนกระทั่งถึงบริษัทก็ยังจามมาตลอดทาง
เป็นต่อได้ยินเจ้านายจามไม่หยุด ก็ยืนห่างแปดเมตรเพื่อป้องการเชื้อโรคกระจายเข้าสู่ตนเองทันที
“เป็นต่อ...เป็นอะไรของนาย” เขาเห็นลูกน้องยืนห่างเขาไกลเป็นกิโลก็อดถามไม่ได้
“ผมว่าเราไลน์คุยกันไหมครับนาย หรือว่าโทรหากันก็ได้” แน่นอนว่าเขาเริ่มระแวงเจ้านายจะเป็นโรคติดต่อหรือเปล่า เพราะเอาแต่จามไม่หยุด
“เป็นต่อ...!!!” เสียงเรียกเลขายาวอย่างไม่สบอารมณ์ นับวันมันยิ่งกวนตีนขึ้นทุกวัน
“ครับ...!” เมื่อรู้ว่าเผลอพูดบางอย่างที่ลามปรามเกินไปจึงรูดซิปปากโดยไว พร้อมกับก้าวเข้ามายิ้มเอาใจ
“ฉันเป็นอะไรไม่รู้จามทั้งวัน”
“อาจจะมีคนคิดถึงครับช่วงนี้ เจ้านายมีสาวที่ไหนติดหรือเปล่าครับ” เป็นต่อแสร้งทำเป็นประจบเอาใจกลบเกลื่อนเรื่องเมื่อครู่ เพราะอยู่ใกล้ในระยะที่เจ้านายถวาย บาทาให้เต็มๆ
‘ถ้ามีหญิงติด ก็คงมีคนเดียว แต่ว่าตอนนี้ไม่ติดแล้วนี่สิ’ เขาได้แต่ส่ายหน้า
“เฮ้อ...ไร้สาระ”
“หากไม่ได้ป่วย ก็คงจะมีคนอวยพรครับ”
“อวยพร...??” ใบหน้าหล่อมีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่เบ้อเริ่มขึ้นทันที
“เช่นอวยพรให้ตายเร็วๆ ตกนรก ไม่ก็สาปแช่ง ว่าแต่เจ้านายสร้างศัตรูไว้ที่ไหนบ้างหรือเปล่าครับ”
“เป็นต่อ!!!!” เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับฝีเท้าเลขาหนุ่มของเจ้านายวิ่งสับสุดชีวิตออกไปทันที