bc

ทฤษฎีเร้นรัก

book_age16+
121
ติดตาม
1.6K
อ่าน
จบสุข
ผู้สืบทอด
คนใช้แรงงาน
ดราม่า
โศกนาฏกรรม
หวาน
เบาสมอง
ตึงเครียด
สาสมใจ
วิทยาลัย
เมือง
ออฟฟิศ/ที่ทำงาน
การโกง
ปิ๊งรักวัยเด็ก
การถูกปฏิเสธ
friends with benefits
like
intro-logo
คำนิยม

ทฤษฎีเร้นรัก

เมื่อตอนนั้นที่ได้รู้จักเขา เขาดีกว่านี้.

โซ่ (25)

มือเบส - นายแบบ คนดังจากวง 'โนเนม' ที่เริ่มเดินทางสายดนตรีจริงจังหลังจากฟอร์มวงในตอนเรียนจบ

ไม่ชอบที่สุดคือสิ่งที่เหนือการควบคุม

"เข้าใจคำว่าลูกไก่ในกำมือป่ะ ถ้าเข้าใจก็อย่าพยายามจะออกจากกำมือผม"

กิ่งหยก (23)

นักศึกษาฝึกงาน (นิเทศศาสตร์)

"แล้วหยกต้องยอมพี่ตลอดไปเลยเหรอ?"

-----------

เพราะเรื่องในอดีตที่นำพาเธอกลับมาเจอเขา ผู้ชายที่เคยช่วยชีวิตแต่การกลับมาพบเจอกันครั้งนี้มันกลับนำพาเธอให้กลับไปรู้สึกเหมือนครั้งตอนที่คิดอยากฆ่าตัวตาย จากคนเคยช่วย กลับกลายเป็นเหตุผลที่อยากทำให้อยากตาย...รึต้องหายไปจากโลกนี้มันถึงจะทำให้เขาใจดีกับเธอบ้าง.

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
EP.1
ทฤษฎีที่ว่ารักแรกมักอยู่ในความทรงจำเสมอนี่สามารถใช้ได้กับทุกคนไหมนะ รักแรกที่มีอยู่แค่ในความทรงจำ ซึ่งมันจะยังคงเป็นความทรงจำที่ดีตลอดไป แต่ตอนนี้คนในความทรงจำกำลังอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว คนที่ฉันจะไม่มีวันลืมและไม่คิดจะลืมในสิ่งที่เขาเคยช่วยให้ฉันได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ได้ใช้ชีวิตจนมาเจอเขาอีกครั้งแบบนี้ "หลีกทางสิคะน้องไม่เห็นเหรอว่าพี่โซ่ต้องเข้าไปแต่งตัว" "อ๊ะ..ขอโทษค่ะ" ฟึ้บ ฉันเบิกตามองพี่ช่างแต่งหน้าที่เป็นสาวประเภทสองที่กล่าวไล่ให้ฉันขยับออกจากทาง ฉันจึงต้องรีบก้มหัวขอโทษขอโพยและขยับหลีกออกมาจากทางเข้าห้องแต่งตัวของนายแบบ ฉันที่ตอนนี้พาตัวเองขยับมายืนที่ขอบประตูแล้วเหลือบมองร่างสูงที่กำลังเดินตามพี่ช่างแต่งหน้าเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยหัวใจที่กำลังเต้นแรง พี่โซ่ต่างจากตอนนั้นมาก ตอนที่เขาเรียนอยู่มอหกเขามีสีผมดกดำ แต่ตอนนี้ผมเขายาวประบ่าได้และสีของผมเป็นสีบอนด์ซึ่งมันยิ่งขับให้ใบหน้าเหวี่ยงๆของเขาเหวี่ยงขึ้นไปอีก ทั้งดวงตาเรียวคมและจมูกโด่งเป็นสันมันยิ่งทำให้เขาดูน่าดึงดูดมากกว่าแต่ก่อน กึ่ก หัวใจฉันแทบจะหยุดเต้นในตอนที่ดวงตาเรียวตวัดหางตามามองฉันที่กำลังแอบมองเขาอยู่ที่หน้าประตู และก่อนที่ประตูจะปิดลงริมฝีปากหยักขยับยกขึ้นราวกับว่าเขากำลังทักทายฉัน...รึว่าเขาจะจำฉันได้ "หยกๆเคลียร์ห้องแต่งตัวเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?" เสียงของผู้จัดการกองเอ่ยถามในตอนที่เขากำลังจะเดินผ่าน ฉันจึงรีบพยักหน้าและเดินไปหาเขา "เรียบร้อยแล้วค่ะพี่กรมีอะไรให้หยกทำอีกไหมคะ?" "ไปพักก่อนก็ได้นะหยกจริงๆเราก็มาช่วยเพราะคนขาด เดี๋ยวยังไงถ้ามีอะไรพี่ค่อยบอกเราแล้วกัน" "ค่ะ เดี๋ยวหยกจะรออยู่แถวๆนี้นะคะ" "จ้า" พี่กรพยักหน้าตอบฉันด้วยรอยยิ้มก่อนเขาจะเดินไปเช็กความเรียบร้อยต่อ ซึ่งตอนนี้ที่ที่ฉันอยู่คือสตูที่มีไว้สำหรับถ่ายแบบของพี่กรน่ะ วันนี้ที่นี่มีถ่ายเครื่องประดับสำหรับผู้ชายที่มีพี่โซ่เป็นพรีเซ้นเตอร์หลัก...และจริงๆฉันไม่มีส่วนกับงานนนี้หรอก แต่เพราะรู้จักกับพี่กรจากการทำกิจกรรมที่มหาลัยเขาเลยวานให้ฉันมาช่วยเพราะคนขาด อย่างที่รู้ว่าช่วงนี้ช่วงเทศกาลสงกรานต์พนักงานส่วนมากเลยลากันเยอะ แล้วงานนี้ดันอยากถ่ายแก้ฉันเลยโชคดีมีโอกาสมา ฉันมาเพราะรู้ว่าพี่โซ่จะมาถ่ายเลยนะ ฉันอยากเจอเขามานานมากแล้ว "ดูเขาสินี่คือลูกชายคนโปรดของพระเจ้ารึไง?" พี่พนักงานหญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเยื้องๆกับที่ฉันนั่งกำลังกระซิบกระซาบกันเสียงเบา พร้อมกับเหลือบมองไปที่พี่โซ่ที่กำลังยืนถ่ายแบบอยู่หน้ากล้อง ขนาดว่าถ่ายใกล้ใบหน้าเขามากแค่ไหนเขายังไม่เขินเลยอ่ะ ทั้งสายตาและท่าโพสดูโปรเฟสชั่นแนลมาก ฉันยิ้มบางๆพลางคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาขณะที่สายตาก็มองพี่โซ่ด้วยความนับถือ ฉันมองเขาจนจบงานก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันเก็บข้าวของ "น้องหยกครับพี่วานเราไปเก็บห้องแต่งตัวเหมือนเดิมนะ" "โอเคค่ะพี่" ฉันรีบขยับเดินไปตามทางที่ไปห้องแต่งตัว ซึ่งตอนนี้พี่โซ่น่าจะกลับแล้วมั้งเพราะผู้จัดการเขากลับไปแล้ว...แค่ได้เห็นเขาจากไกลๆก็ดีมากแล้วแหละ ใจฟูแล้ว แกร๊ง กลิ่นบุหรี่..ทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่งตัวกลิ่นของบุหรี่ก็โชยมาแตะจมูกทันที ฉันมองไปทั่วห้องด้วยความสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปหาต้นตอ เพราะกลัวว่าจะมีใครจุดแล้วลืมไว้แต่กลิ่นมันออกมาจากห้องน้ำอ่ะ "ขอโทษนะคะมีใครอยู่ไหม?" ไม่มีเสียงตอบรับเลยอ่ะมีแต่เสียงแปลกๆเหมือนคนขยับในห้องน้ำดังออกมาเบาๆ ฉันเม้มปากด้วยความประหม่าก่อนจะหันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้องเพราะมันมีคนอยู่ในนั้นแน่ๆ "โทษทีแต่ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?" "คะ? เอ่อพนักงานค่ะหนูมาเตรียมเก็บห้อง" "เปิดประตูให้หน่อย" "เดี๋ยวนะคะ" เห็นพี่กรพูดอยู่นะว่ากลอนห้องน้ำมันไม่ค่อยจะดี ฉันเดินไปที่กลอนประตูก่อนจะบิดลูกบิดซึ่งมันเปิดได้.. แกร๊ง "กลอนมันพังป่ะ??" ดวงตาฉันเบิกกว้างพร้อมกับขาที่ก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ เพราะคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำคือพี่โซ่! พี่โซ่ตัวจริงเสียงจริงเลย! "นี่ผมตายเป็นผีแล้วเหรอทำไมตกใจขนาดนั้น?" "มะไม่ใช่ค่ะ ขอโทษนะคะ" ฉันรีบก้มหน้าและขอโทษเขาก่อนเขาจะถอนหายใจออกมาเบาๆ และเสยผมมองฉันด้วยแววตาเบื่อๆ "เห็นผู้จัดการผมไหม?" "กะกลับแล้วนะคะ" ฉันเงยหน้าตอบก่อนจะก้มหน้าอีกครั้ง เพราะไม่กล้าสู้หน้าเขา "ผู้จัดการประสาอะไรกูหายทั้งคนเสือกหนีกลับบ้านก่อน" ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเองและขยับถอย "อย่าเพิ่งไปเอาโทรศัพท์มาให้ยืมหน่อย" "คะ" "โทรศัพท์อ่ะพอดีไอ้ผู้จัดการมันหอบทุกอย่างกลับหมด" ฉันรีบพยักหน้าก่อนจะรีบยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้เขา แต่กลับต้องเบิกตากว้างในตอนที่พี่โซ่เอื้อมมือมารับแต่รูปหน้าจอล็อกของฉันคือรูปของพี่โซ่! มันเป็นรูปของเขาในตอนมัธยมอ่ะ! "เดี๋ยวก่อน" พี่โซ่ขมวดคิ้วดึงโทรศัพท์ของฉันไปดูรูปตัวเองใกล้ๆ ก่อนจะเหลือบมองฉันพร้อมเอียงใบหน้า "ไปเอารูปนี้มาจากไหน?" "คือ.." "รูปตั้งแต่มัธยมแถมยังถ่ายตอนผมหลับ.." พี่โซ่เงียบไปก่อนฉันจะเงยหน้าเตรียมจะตอบแต่มือใหญ่ของเขากลับเอื้อมมาบีบคางฉันไว้ให้เงยหน้าขึ้นสบตากัน ซึ่งนั้นมันทำเอาหัวใจฉันเต้นแรงมากขึ้นมากซะจนฉันเผลอกำมือตัวเองแน่น "หยกเหรอ...ยัยเด็กเบ๊คนนั้นน่ะนะ?" 7 ปีก่อน 12.33 am. พลั่ก! "เดินยังไงเนี้ยอีเบ๊!?" เสียงแหลมดังตวาดขึ้นสุดเสียงพร้อมกับแขนของเธอที่สะบัดโดนแขนของฉันทั้งๆที่เป็นเธอเองที่เดินมาชนจนฉันเซเกือบจะล้ม ฉันมองหนังสือนวนิยายที่ตัวเองถือติดมือมาด้วยที่หล่นลงพื้นด้วยแววตานิ่งเรียบก่อนจะรีบก้มลงไปหยิบมัน แต่คนที่เพิ่งเดินชนฉันระหว่างทางกลับขยับมาหยิบปกหนังสือฉันไว้จนฉันต้องเงยหน้ามองด้วยความตกใจ "กูพูดด้วยทำไมมึงไม่ตอบล่ะอีเบ๊?" ใบหน้าสวยราวกับนางฟ้าโน้มลงมามองฉันใกล้ๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนของเธอที่ดังขึ้น "เราไม่ได้ชนแตงนะ" "ฮ่าๆ ก็นึกว่าจะได้คำตอบที่ดีกว่านี้" แตงโมหญิงสาวที่อายุเท่ากับฉันและเธอมีหน้าตาที่สวยฟ้าประทาน แต่นิสัยของเธอกลับต่างจากหน้าตาลิบลับยกยิ้มมองฉันก่อนมือนุ่มจะวางลูบบนหัวของฉันและลูบเบาๆ "โถ่ๆ แค่ถามนิดถามหน่อยก็ทำหน้าจะร้องไห้แล้วดูสิ จุๆๆ น่าสงสาร" "มันตอแหลแหละ" "อย่าว่าให้เพื่อนแบบนั้นสิแหวนเพื่อนเราไม่สู้คน มาม่ะจะช่วย" แตงโมยื่นมือมาเหมือนจะช่วยประคองฉันขึ้นซึ่งฉันก็เชื่อและเอื้อมมือไปจับมือเธอ แต่สิ่งที่ได้มาคือแรงกระชากจากมือนิ่มที่กระชากฉันแรงจนฉันไถลล้มลงไปกับพื้นตรงหน้าพวกเพื่อนของเธอ ซึ่งนั้นมันเรียกเสียงหัวเราะสะใจจากพวกเพื่อนของแตงโมได้ไม่ยากเลย "ฮ่าๆ นี่มันคิดว่าโมจะช่วยมันจริงๆนะเนี้ย" "ตลกว่ะโถ่ทำหน้าเศร้าซะเป็นนางเอกเลยนะ ตื่นได้แล้วค่ะเจ้าหญิงในโลกความจริงไม่มีเจ้าชายมาช่วยมึงหรอกนะ" "ฮ่าๆ" ฉันก้มมองแต่พื้นไม่กล้าที่จะเงยหน้ามาสบตาหรือต่อสู้อะไรกับพวกเขาอีก จนพวกของแตงโมเดินจากไปนั่นแหละฉันถึงรีบขยับลุกและไปเก็บเอาหนังสือนิยายตัวเองมากอดไว้ ก่อนจะรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำด้วยความอับอาย เพราะจริงๆแล้วตลอดทางเดินไม่ได้มีแค่พวกของแตงโม มันยังมีนักเรียนคนอื่นๆอีกแต่พวกเขาก็เลือกที่จะมองเฉยๆ เพราะคงชินตากับการที่ฉันโดนทำร้ายไปแล้ว "อึ่ก.." ฉันเบะปากกลั้นเสียงตัวเองไม่ให้สะอื้นแม้ตัวเองจะกำลังร้องไห้อยู่ ขณะที่มือก็ค่อยๆเช็ดหน้าปกที่มีรอยรองเท้าของแตงโมทั้งน้ำตา...ฉันไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนที่ตัวเองตกเป็นเป้า ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือมันจะเพราะว่าฉันเป็นคนไม่ค่อยพูดและไม่มีเพื่อนมันเลยกลายเป็นที่สนใจของพวกแตงโม แตงโมเธอคือลูกสาวของผู้มีอิทธิพลที่บริจาคเงินให้โรงเรียนเอกชนแห่งนี้ เพราะงั้นเวลาเธอทำอะไรถึงไม่มีใครกล้าขัด และที่ฉันโดนแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเคยโดนมาก่อน จริงๆก่อนหน้านี้มีคนนึงแต่เธอย้ายออกในเทอมสองเพราะทนการกดขี่นี้ไม่ไหว...พอมาเทอมนี้มันเลยมาตกลงที่ฉันเองที่เป็นคนโชคร้าย ฟึ้บ ฉันลุกจากฝาชักโครกก่อนจะเดินออกมาล้างมือข้างนอกและกลับออกไปด้วยใบหน้านิ่งเรียบตามเคย ฉันมองเข้าไปในห้องที่ตอนนี้พวกแตงโมกำลังนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม ซึ่งพวกเธอกำลังคุยกันเสียงดังอย่างสนุกสนาน...ซึ่งมันคงเป็นเรื่องที่ได้แกล้งฉันอีกตามเคย "อ้าวมาแล้วเหรอคนคลั่งรัก" วันนี้มันวันอะไรทำไมแตงโมยังหาเรื่องฉันอีกทั้งๆที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันกำหนังสือแน่นและหันมองแตงโมก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสมุดไดอารี่ของตัวเองที่อยู่ในมือเธอ "เอาคืนมานะแตงโม!" "แสดงว่าของมันจริงๆว่ะโม" "โถ่ๆ ดูซิว่าหยกกำลังเพ้อหาใคร?" ฉันเดินเข้าไปหาแตงโมแต่กลับโดนเพื่อนอีกสองคนของเธอผลักเข้าที่ไหล่เต็มแรงจนเซกลับมาที่เดิม "พี่หนึ่งมอห้าเขาเก่งด้านดนตรีเอามากๆ เราตามดูเขาตลอดเลยพี่เขาดูสง่างามราวกับเจ้าชาย ฮ่าๆ มันเขียนนิยายอยู่เหรอวะ" "หยุดนะ!" ฉันตะโกนสุดเสียงจนแตงโมชะงัก "พอแล้วเลิกทำแบบนี้กับเราสักที เราไม่เคยทำอะไรให้แตงโมเลยนะ!" แตงโมหัวเราะร่าพร้อมกับลงจากโต๊ะของฉันและเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม "ก็พอใจจะทำอ่ะรึมึงไม่พอใจ?" "เราว่าหยุดเถอะ" แตงโมสูดลมหายใจมองพร้อมกับกอดอกมองฉัน ก่อนเธอจะยกสมุดขึ้น "อยากได้คืนใช่ป่ะ?" "ใช่ ขอร้องเอาคืนเราเถอะ" "ได้ งั้นมึงก็ไปหาเอาเอง" พรึ่บ! "ไม่นะ!" ฉันวิ่งตามแตงโมด้วยความตกใจพร้อมกับมองสมุดไดอารี่ของตัวเองที่ถูกโยนออกนอกหน้าต่างชั้นสี่ของตึกอย่างไม่เชื่อสายตา "ตามไปเอาซะสิเจ้าหญิงก่อนเจ้าชายจะมาเห็นสิ่งที่เธอเพ้ออ่ะ ฮ่าๆ" แตงโมหัวเราะลั่นพร้อมกับเพื่อนของเธอที่กำลังมองฉันอย่างเย้ยหยัน ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะวิ่งลงออกจากห้องและวิ่งลงบันไดเพื่อไปหาสมุดไดอารี่ของตัวเองด้วยความร้อนใจ ถึงใครจะว่ามันไม่สำคัญแต่มันสำคัญกับฉันมากนะ "อยู่ไหนนะ..ให้ตาย" ฉันมองซ้ายมองขวาด้วยความร้อนใจ มันร้อนใจจนน้ำตาจะไหลเพราะตอนนี้มันไม่เห็นทั้งๆที่มันตกลงที่สนามหญ้าด้านหลัง ฉันเห็นกับตา.. "หานี่อยู่เหรอ?" เสียงทุ้มไม่คุ้นหูดังขึ้นก่อนฉันจะหันมองสมุดไดอารี่สีขาวของตัวเองที่พี่เขาถืออยู่...เขาอยู่มอหกดูจากสีเนกไท "ใช่ค่ะของหนูเอง" ดวงตาเรียวหรี่มองฉัน ขณะที่ฉันก็เงยหน้ามองเขาซึ่งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นผู้ชายที่ทำให้ใจตัวเองเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ...ริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปากก่อนยื่นสมุดมาให้ฉัน "เป็นบ้าอะไรถึงโยนลงมาล่ะ" "เอ่อ.." "เอาไปแล้วก็รีบไปขึ้นเรียนซะ" ฟึ้บ เขายัดสมุดใส่มือฉันก่อนจะเอาหมวกแก๊ปสีดำเหมือนผมของเขาขึ้นใส่ "ขอบคุณนะคะ" "ของสำคัญแบบนั้นเก็บไว้ในบ้านก็พอแล้ว" เขาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปทางสวนหลังโรงเรียน ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันว่ามันมีทางโดดออกจากกำแพงได้...และพี่เขาก็คงจะหนีเรียนออกไปด้านนอกเหมือนคนอื่นๆทำ แต่ทำไมหัวใจฉันเต้นแรงไม่หยุดเลยละ ทั้งๆที่เพิ่งเจอเรื่องแย่ๆมาแต่หัวใจกลับลิงโลดอย่างน่าประหลาดใจ

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

30 Days to Freedom: Abandoned Luna is Secret Shadow King

read
304.0K
bc

Too Late for Regret

read
252.5K
bc

Just One Kiss, before divorcing me

read
1.6M
bc

Alpha's Regret: the Luna is Secret Heiress!

read
1.2M
bc

The Warrior's Broken Mate

read
133.3K
bc

The Lost Pack

read
354.5K
bc

Revenge, served in a black dress

read
138.3K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook