“ค่า อยู่ใกล้นิดเดียวเอง ว่าไงคะ อยากได้อะไรป่านนี้คะบอส”
“ผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะอ่ะ คุณไปเอาให้หน่อยสิ”
เธออยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง หรือไม่ก็กระทืบโทรศัพท์ให้แตกละเอียดไปเลย
“แล้วตอนนี้บอสอยู่ที่ไหนคะ”
“โรงแรมใกล้ๆตึกเรานี่แหละ พอดีมาปาร์ตี้กับเพื่อนนักเรียนนอกที่คลับ คุณไปเอาโทรศัพท์ที่ออฟฟิศแล้วนั่งแท็กซี่มาเลยนะ มาถึงโรงแรมแล้วโทรหาเบอร์นี้ ผมจะออกไปหาที่หน้าฟร้อน”
“แล้วนี่เบอร์ใครคะ”
“เพื่อนสนิทผมเอง”
บอกแค่นั้นแล้วก็วางสายไป...โดยไม่รอคำตอบว่าเธอตกลงจะทำให้มั้ย
“คิดว่าฉันเป็นทาสรึไงเนี่ย...ไม่ถามสักคำเลยว่ากินข้าวรึยัง ทำอะไรอยู่ ว่างรึเปล่า...เฮ่อ ก็ฉันมันลูกจ้างเขาอ่ะนะ ไม่ได้เป็นแฟนเขาซะหน่อย จะไปหวังอะไร...เกิดมาไม่สวยก็ต้องเหนื่อยหน่อยนะนิลลา!”
ปาร์ตี้เล็กๆถูกจัดในห้องวีไอพีของคลับหรูชั้นใต้ดินของโรงแรมหกดาวแห่งหนึ่ง เป็นการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนอังกฤษเจ็ดคน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทายาทตระกูลไฮโซที่มีกิจการระดับพันล้านหมื่นล้านทั้งนั้น
“โทรหาใครวะ เด็กเหรอ”
ศิวัฒน์...หรือนายศิ เพื่อนสนิทที่สุดในกลุ่ม ถามพร้อมทำหน้าหยอกเย้า ...หมอนี่เป็นลูกชายคนเล็กของบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ ที่ยังคงสถานะโสด แต่ควงสาวเป็นร้อย จนได้ฉายาคาสโนวาเอวดุ
“เด็กบ้ามึงดิ เลขาโว๊ย” ปราการยื่นโทรศัพท์คืนให้ศิวัฒน์ แล้วหยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบ
“สวยป๊ะ” ศิวัฒน์ทำหน้ากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์เหมือนเสือร้ายที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อตลอดเวลา
ปราการส่ายหน้าระอาใจให้กับเพื่อนจอมกะล่อน ที่ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเลยสักคน
“พอเลย มึงห้ามยุ่งกับเลขากูเด็ดขาดไอ้ศิ”
“โหวว หวงซะด้วย” ศิวัฒน์ตาวาวเหมือนเห็นมิสยูนิเวิร์สยืนอยู่ตรงหน้า “หวงก้างแบบนี้แสดงว่าต้องสวยมากแน่ๆเลย ใช่มั้ยวะ”
ปราการยิ้มขำเมื่อนึกถึงยัยเลขาหน้าห้องจอมเฉิ่มตอนที่แต่งหน้ามาทำงานด้วยการปัดแก้มแดงแจ๋จนโดนคนทั้งบริษัทล้อว่าเหมือนตูดลิง จากนั้นเธอก็ไม่เคยแต่งหน้ามาทำงานอีกเลย นอกจากลิปมันกันปากแห้ง ที่มองยังไงก็เหมือนเพิ่งกินข้าวมันไก่มา
“ตรงข้ามเลยมึง ตรงข้ามกับสเป๊คของมึงทุกประการ...แต่เค้าเป็นคนดี เป็นผู้หญิงที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมากที่สุดเท่าที่กูเคยเจอมาเลย เป็นของแปลก ของหายาก แรร์ไอเทม กูเลยไม่อยากให้มึงไปยุ่ง เดี๋ยวระบบนิเวศจะมีปัญหา เข้าใจมั้ย”
ศิวัฒน์ถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ของแปลกของหายากเลยหรือวะ แม่ง! กูชักอยากเห็นหน้าคนดีของมึงแล้วสิ อยากรู้ว่าจะแปลกแค่ไหน”
ปราการขมวดคิ้วนิ่วหน้า...สนใจอะไรนักหนา ก็บอกแล้วไงว่าตรงข้ามกับที่มันชอบ...เออ! ก็ยอมรับแหละว่าแอบรำคาญเพื่อนขึ้นมาอย่างหาเหตุผลไม่ได้
“แปลกแค่ไหนเหรอ...ก็ชนิดที่ว่าทำให้มึงตาค้างไง เพราะเลขากูทั้งเฉิ่มเชยและขี้เหร่สุดๆ สิวฝ้ากระเขรอะเต็มหน้า ผมเป็นลอนฟูๆเหมือนหมาพุดเดิ้ล ตัวใหญ่อย่างกับโอ่งราชบุรี ผิวงี้กระดำกระด้างหาส่วนดีไม่ได้เลยว่ะ แถมมีรอยสักเหมือนยากูซ่าด้วยมึง”
ศิวัฒน์อึ้ง “อาการหนักเลยนะเนี่ย มึงพูดถึงนางยักษ์พันธุรัตน์อยู่รึเปล่าวะ เวลาทำงานด้วยกัน มึงไม่กลัวโดนนางจับกินเหรอวะ คนดีอะไรของมึงเนี่ย”
ปราการแอบขำ “แต่เค้าเป็นคนดีจริงๆ มีเค้าอยู่ด้วยก็เหมือนมีบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวอ่ะ”
“แล้วมึงรับผู้หญิงแบบนี้มาเป็นเลขาได้ไงวะ”
“แม่กูกับคู่หมั้นกูเค้าจัดให้”
“คุณพรีมอ่ะนะ”
“ใครวะ”
“อ้าว! ก็คู่หมั้นมึงไง” ศิวัฒน์ทั้งอึ้งทั้งขำ “อะไรวะ มึงไม่รู้จักชื่อคู่หมั้นมึงเหรอวะ คุณพรีมออกจะดัง เป็นไฮโซแฟชั่นนิสต้าที่มีผู้ติดตามในไอจีเกือบสองแสนคนเลยนะเว๊ย”
“หนึ่งในสองแสนผู้ติดตามคือมึงอะดิ”
“ก็ทำงานสายเดียวกัน แบรนด์เสื้อผ้าเครื่องสำอางของคุณพรีมเค้ากำลังมาแรง กูก็ต้องรู้จักคู่แข่งแบบทุกซอกทุกมุมสิวะ” โดยเฉพาะตอนที่เธอลงรูปใส่ชุดบิกินี่ “อีกอย่าง เธอเป็นคู่หมั้นมึงไง กูก็ต้องสนใจว่าที่เมียเพื่อนหน่อยสิ”
“ปกติกูเรียกชื่อจริงเค้าตลอดน่ะ”
“แล้วได้เจอกันบ้างรึเปล่า”
“เจอดิ เดือนละครั้งสองครั้ง”
“โหวว เป็นคู่หมั้นกันจริงป๊ะเนี่ย ถามจริงเหอะ เอากันยังวะ”
“ไม่อ่ะ แค่ไปกินข้าวกันตามปกติ”
“เฮ๊ย! มึงกับคุณพรีมหมั้นกันมาจะสองปีแล้วนะโว๊ย ยังไม่ฟิจเจอร์ริ่งกันอีกเหรอวะ”
“เป็นคู่หมั้นกัน ไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย”
ศิวัฒน์เหล่มองเพื่อนอย่างจับผิด “หรือว่ามึงยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่”
ปราการถึงกับนิ่งอึ้ง... “ไม่เกี่ยวหรอกน่า”
“คิดถึงอ่ะดิ ไม่ต้องปากแข็งเลย” ศิวัฒน์ส่ายหน้าขำๆประมาณกูรู้ทันมึงน่า “ตอนนี้แฟนเก่ามึงกำลังดังเลยนะโว๊ย เล่นละครแค่สองสามเรื่องก็ปังแล้วอ่ะ บริษัทกูยังอยากได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เลยนะ”
“ดังแล้วไงวะ กูเลิกกับเค้ามาสองปีแล้ว เรื่องเรามันจบไปนานแล้ว”
“เฮ๊ยทุกคน!” ชายหนุ่มซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดปาร์ตี้ครั้งนี้ ลุกขึ้นยืนพร้อมชูแก้วไวน์เหนือศีรษะ หมอนี่ชื่อชาคริต เขาเป็นลูกชายของผู้บริหารช่องทีวีแห่งหนึ่ง ส่วนตัวเขาเองก็มีบริษัทโปรดักชั่นใหญ่เป็นของตัวเอง “พอดีวันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนรักของเรา”