ร่างสูงของเจ้าบ่าวได้หยุดยืนที่กลางห้องราวกับชั่งใจ แต่ความเป็นจริงจิ่นหรงกำลังตื่นเต้นต่างหาก
“นี่ท่าน…” มู่หลิงเห็นอีกฝ่ายก็ยกนิ้วชี้หน้า
“อย่าเสียมารยาท คนผู้นี้คือรัชทายาท” มู่เฟิงรีบเอ่ยบอกน้องสาวของตน ก่อนที่นางจะทำกิริยาหยาบคายใส่
“ระ…รัชทายาทหรือ” คนตื่นตระหนกยังคงไม่เชื่อ
“เรื่องอื่นเอาไว้เราจะอธิบายภายหลัง ว่าแต่นายของเจ้าที่แต่งเข้ามา ใช่แม่นางที่ช่วยรัชทายาทเอาไว้วันนั้นหรือไม่” อี้ฟานเอ่ยถามแทนผู้เป็นนาย ซึ่งยืนนิ่งจ้องมองเจ้าสาวของตนด้วยดวงตาเปล่งประกายราวกับเก็บของรักที่หล่นหายกลับคืนมาได้
“ใช่… เป็นคุณหนูของเราเองที่ช่วยพวกท่านไว้เมื่อครึ่งเดือนก่อน” มู่หลิงเอ่ยบอกเสียงอ่อนลง
จิ่นหรงยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างชายาของตนที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นที่ถูกนำมาตั้งเอาไว้
“เปิดผ้าก่อนเพคะ” แม่สื่อหลวงเอ่ยบอก
เจ้าบ่าวจึงทำตามโดยการใช้ไม้ยกผ้าคลุม ไม่ถึงอึดใจมันก็ร่วงหล่นลงไปกองทางด้านหลัง เผยใบหน้างามหวานหยดย้อยให้เห็น ทำเอาจิ่นหรงถึงกับนิ่งงันไปในทันที
ทว่าเจ้าสาวกลับขมวดคิ้วด้วยความมึนงง
“พี่ชายสุดหล่อ ไยท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า” ตันหยางเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ พร้อมกับมองไปยังชายหนุ่มคุ้นตาอีกสองคน
จิ่นหรงถึงกับผงะ เพราะคำเรียกที่ได้ยิน มันเหมือนที่สตรีหยาบกร้านผู้นั้นใช้เรียกเขาทุกครั้งยามที่นางเข้ามาช่วยใส่ยาให้
‘มิใช่นางผู้นั้นหรือ’ ครุ่นคิดอย่างผิดหวัง
“สุรามงคลเพคะ” แม่สื่อยังคงทำหน้าที่
ด้านเจ้าสาวรับมาถือโดยไม่คิดอันใด ส่วนเจ้าบ่าวนั้นยังคงนั่งนิ่ง แม้คราแรกที่เห็นใบหน้างามของตันหยางเขาจะเผลอตื่นเต้นดีใจ เพราะคิดว่าตนนั้นโชคดีนักที่ได้แต่งกับหญิงงาม ทว่าเมื่อนางเอ่ยปากแสดงท่าทางเหมือนครั้งที่พบกัน ใจเขากลับห่อเหี่ยวลงในทันที ราวกับของรักหล่นหายไปอีกครา
“ดื่มสิเพคะ” ตันหยางยื่นจอกสุราน้ำเต้าไปชนกับอีกฝ่าย จากนั้นนางก็ดื่มรวดเดียวหมด พอเห็นเจ้าบ่าวยังคงนั่งนิ่ง นางก็ช่วยดันมันเข้าปากเขาเสียเอง สุดท้ายจิ่นหรงจึงต้องดื่มมันเข้าไปจนหมด แล้วแม่สื่อก็เก็บกลับไป
“ตัดผมผูกรักเพคะ” สิ้นคำหญิงชราก็ยื่นกรรไกรให้
ตันหยางรับมาจัดการเอง เพราะพระสวามียังคงนั่งนิ่งเช่นเคย ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ต่อต้าน ด้วยว่ามีคนของบิดายืนมองอยู่ หากเขาไม่ทำตามเป็นได้ถูกตำหนิจนหูชาเป็นแน่
หลังจากจัดการทุกอย่างแล้วเสร็จ ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่บ่าวสาว ยามนี้เองที่ตันหยางได้สังเกตอีกฝ่ายชัด ๆ
“ก่อนหน้านี้ เห็นพระองค์ตอนเจ็บตัวก็ว่ารูปงามแล้ว นึกไม่ถึงว่ายามสบายดีจะรูปงามยิ่งกว่า งามอย่างกับเทวรูปที่ถูกปั้นแต่งมาเลยเพคะ” นางกล่าวชมเขาจากใจจริง แววตาหรือก็ทอประกายระยิบระยับราวกับเด็กน้อยเห็นขนม
“ข้าไม่ชอบเจ้า และจะไม่มีวันชอบ” เสียงเย็นชาเปล่งออกมาทำลายทุกสิ่งรอบตัว แม้แต่คนที่ไม่ยี่หระกับเรื่องใดอย่างมู่ตันหยางยังนิ่งงัน เพราะนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยเช่นนี้ออกมาในวันแต่งงานที่ควรจะเป็นวันเริ่มต้นที่ดี
ร่างเล็กขยับถอยห่างออกมานั่งตัวตรง แววตาที่เคยเปล่งประกายเรียบนิ่งดุจสายน้ำที่ไม่มีการเคลื่อนไหว ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “แต่หม่อมฉันชอบองค์รัชทายาทมากนะเพคะ ชอบมากจริง ๆ” ก่อนจะขยับเข้าหา นางกะพริบตาถี่ให้เขา และยังยื่นมือออกมาเกาะแขนพระสวามีเอาไว้ด้วย
จิ่นหรงขยับลุกหนีทันที และก่นด่านางราวกับแค้นเคืองกันมานาน “สตรีน่ารังเกียจ ไม่รู้จักคำว่ายางอายบ้างเลยหรือ”
“บ้าจริง คำเหล่านี้มันควรใช้กับคนที่เป็นสามีภรรยากันหรือเพคะ หม่อมฉันมิได้ไปทำเรื่องน่าอายกับคนอื่นเสียหน่อย เหตุใดพระสวามีถึงได้ตำหนิชายาเช่นนี้” มือขาวแสร้งยกขึ้นมาปาดน้ำตาของตนราวกับเสียใจมาก
จิ่นหรงเห็นเช่นนั้นก็นิ่งไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็หาได้เข้ามาปลอบนาง มิหนำซ้ำยังพาตนออกไปจากห้องอีก ทว่าประตูมันกลับเปิดออกไม่ได้ และยังมีเสียงตอบกลับมา
“ฝ่าบาทและไทเฮาทรงรับสั่งว่า รัชทายาทจะต้องบรรทมที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” เป็นเสียงของซูกงกงที่กล่าวบอก
“นอนที่นี่ ไม่! ข้าจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ”
“ฝ่าบาทรับสั่งว่าหากไม่ทรงทำตาม จะตัดงบซ่อมแซมสะพานที่หมู่บ้านเปิ่นพ่ะย่ะค่ะ” ซูกงกงยังคงเอ่ยต่อ ทำให้มือเรียวที่กำลังทุบประตูต้องหยุดลง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้กลับไปที่เตียงนอน แต่เดินไปนั่งบริเวณตั่งริมหน้าต่างแทน
“อย่ารื้อของหม่อมฉันนะเพคะ” เสียงหวานแว่วมา
จิ่นหรงเพียงแค่เหลือบตามองแต่ไม่ได้ตอบ เมื่อเห็นนางเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำเขาจึงหันมาสนใจข้าวของตรงหน้า
คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นรูปภาพมากมายวางอยู่ แต่ละใบมันมีรูปร่างที่ต่างกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เขาไม่เคยเห็น
“นี่มันอะไร?” นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อย และเขาก็นั่งพินิจอยู่เช่นนั้นเนิ่นนานจนกระทั่งเสียงดุของชายาตัวน้อยดังขึ้น
“บอกแล้วว่าอย่ารื้อ” นางตำหนิเขาจริงจัง พร้อมกับทรุดกายลงมานั่งตรงข้าม จัดเก็บแผ่นกระดาษหยาบเหล่านี้มาซ้อนทับกัน โดยมีการพิจารณาด้วยว่าอันไหนก่อนหลัง
จิ่นหรงได้แต่นั่งนิ่ง เพราะเหมือนว่าเขาจะทำให้นางโกรธแล้ว ทว่ามันก็ดีมิใช่หรือ ชายาที่ไม่ได้เต็มใจแต่งผู้นี้ จะได้เลิกยุ่งกับเขา ให้นางโกรธจนไม่เข้าใกล้ได้ยิ่งดี
“กะอีแค่ภาพวาดมั่ว ๆ ไม่เห็นมีค่าสักนิด”
ตันหยางยกยิ้มก่อนจะขยับเอามือมาค้ำบนโต๊ะแล้วโน้มตัวเข้าไปหาเขาจนใบหน้าห่างกันเพียงแค่คืบ กลิ่นหอมสมุนไพรจึงโชยเข้าจมูกอีกฝ่ายโดยที่นางก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น
“เพราะพระสวามีเข้าไม่ถึงภาพวาดของหม่อมฉันน่ะสิเพคะ หากรู้ว่ามันคืออะไร พระองค์คงไม่ตรัสเช่นนี้กระมัง” สิ้นคำมือขาวก็ยื่นออกไปเกลี่ยแผงอกแกร่งอย่างหยอกเย้า
“อย่ามาทำลุ่มล่ามกับข้า” เขาจับมือนางดันออกอย่างไม่ไยดี และแทนที่ชายาตัวน้อยจะโกรธกลับยิ้มอ่อนเสียนี่
“ไปสรงน้ำเถิดเพคะ ตัวเหม็นจะแย่” เอ่ยโดยไม่มองหน้า เพราะยามนี้นางกำลังหันมาสนใจแผ่นกระดาษเพื่อจัดเรียงใหม่
ปึ้ง! ฝ่ามือเรียวฟาดลงบนโต๊ะทันที จากนั้นร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายให้ใจเย็นลง
ผ่านไปพักใหญ่เขาก็ออกมา และพบว่าชายาตัวน้อยยังนั่งอยู่ที่เดิม และกำลังขีดเขียนบางสิ่งอยู่ เห็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก เพราะการอยู่อย่างเงียบสงบมันน่าจะดีกว่า
“พระสวามีบรรทมได้เลยนะเพคะ หม่อมฉันจะนอนตรงนี้” ตันหยางเอ่ยโดยไม่ได้หันกลับมามองอีกฝ่ายสักนิด ร่างสูงจึงหยุดชะงักเพราะเขาเดินออกมานั้นเบามาก แล้วนางรู้ได้เยี่ยงไรว่าเขาออกมาแล้ว หรือเห็นแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็น
แต่นางก็นั่งหันหลังมิใช่หรือ แล้วจะเห็นได้เยี่ยงไรกัน
ทว่าแม้เขาจะสงสัย ถึงกระนั้นจิ่นหรงก็ไม่ได้ถาม เขาเดินมานั่งที่เตียงก่อนจะเอนตัวลงเพื่อเข้านอน ในเมื่อนางอยากยื่นข้อเสนอให้ เขาก็ยินดีที่จะสนองให้ตามต้องการ
ยามจื่อ [ 23:00-00:59 ]
แสงเทียนยังคงวูบไหวในมุมหนึ่งของห้อง พร้อมกับเงาร่างของตันหยางที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา นางก้มเงยอยู่เช่นนั้นราวกับสิ่งที่ทำอยู่ไม่อาจหยุดชะงักได้
กระทั่งเสียงหนึ่งดึงความสนใจให้นางต้องเอ่ยขึ้น
“นอนไม่หลับหรือเพคะ” เอ่ยถามโดยไม่ได้หันมามอง
จิ่นหรงได้แต่นิ่งไป กระทั่งใบหน้างามนั้นหันมาหาเขา แต่นางก็หันกลับไปไม่แยแสเมื่อเห็นเขายังคงไม่ตอบ จากนั้นตันหยางก็วาดภาพต่อ ราวกับในห้องนี้มีแค่ตนผู้เดียว ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็กลับไปนอนต่อ ทว่านอนอย่างไรเขาก็นอนไม่หลับ สายตายังคงจับจ้องมาที่ร่างอรชรของชายาที่ยังคงก้มหน้าก้มตาวาดภาพ ราวกับว่าต้องทำให้มันเสร็จภายในคืนนี้
แต่เพียงไม่นานแสงเทียนที่ส่องสว่างกลับเริ่มดับวูบลงทีละดวง กระทั่งเหลือเพียงแค่แสงรำไรเท่านั้น
ไม่ถึงอึดใจร่างที่เขาเห็นนั่งอยู่ก็ขยับลุกขึ้น นางเดินตรงมาที่เตียงแล้วหยุดยืนมองเขาด้วยแววตาราบเรียบ
‘อะไรของนาง’ จิ่นหรงคิดอย่างกังวล