“นะพี่นะ ไปพูดกับเฮียให้รับฟาเข้าทำงานเถอะนะ” เสียงเว้าวอนขอร้องดังขึ้นในประโยคเดิมไม่ต่ำกว่าสามครั้ง มือขาวสะอาดจับมือของหญิงสาววัยสามสิบปีอย่างขอร้อง สายตาที่สื่อออกมาก็อ้อนวอนจนเพียงตาหันมองไปด้านข้าง ไม่อยากสบสายตาขอร้องอ้อนวอนคู่นั้นให้สะเทือนใจ
“นะพี่ ถือว่าสงสารพ่อฟาก็ได้” เสียงหวานเคล้าอาการสั่นเครือเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำในตารื้นขอบตายามเอ่ยถึงบิดา
เพียงตาหันมองใบหน้าที่จะร้องไห้อยู่รอมร่อก็ถึงกับถอดถอนหายใจ เวทนาเหลือคณากับชีวิตของหญิงสาวข้างกัน ที่มาขอร้องให้เธอรับเข้าทำงานที่ร้าน หากเป็นร้านเหล้าธรรมดาที่ไม่มีเบื้องหลังสีเทาเธอจะไม่ว่าเลย จะยอมรับเข้าทำงานอย่างเต็มใจ แต่ร้านที่ตนทำงานอยู่ก็ไม่ได้ขาวสะอาดเสียทีเดียวนี่สิ
“พี่เพียง...”
“ไอ้ฟา เอาจริงเหรอวะ ฉันไม่อยากให้แกทำแบบนี้เลยนะ ฉันรักแกเหมือนน้องสาว ไม่อยากให้แกต้องมาทำงานอย่างว่า”
“ก็ฟาไม่มีทางเลือก ฟาต้องการใช้เงินด่วนที่สุดพ่อต้องผ่าตัด พี่ไปคุยกับเฮียให้หน่อยนะ นะพี่เพียงนะ”
“เออๆ เดี๋ยวจะลองไปคุยให้ แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้ไหม เพราะค่าตัวที่แกตั้งมามันสูงซะจนน่าตกใจ ไม่รู้จะมีเสี่ยกระเป๋าหนักที่ไหนยอมจ่ายหรือเปล่า”
“ได้พี่ แค่พี่ยอมช่วยไปพูดกับเฮียให้ ฟาก็ขอบใจมากแล้ว”
“แล้วอาการตาฟู่เป็นยังไงบ้าง” แววตาวูบไหวน้ำรื้นขอบตาจนฟาริสาต้องเงยหน้าขึ้นกะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่น้ำตาให้ไหลกลับเข้าไป ผ่อนลมหายใจออกมาทางปาก
“ยังไม่รู้สึกตัวเลยพี่ ตอนนี้หมอที่โรงพยาบาลกำลังรอเตียงที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลที่จะย้ายพ่อไปรักษาว่าง ถ้าเตียงว่างเมื่อไหร่ก็ผ่าตัดได้ทันที”
“โรงพยาบาลเอกชนเหรอ”
“ใช่พี่” เพียงตาพยักหน้ารับเข้าใจ ตีมือลงบนบ่าของฟาริสาเป็นการให้กำลังใจ
โรงพยาบาลเอกชนค่าใช้จ่ายสูงลิบลิ่ว ทั้งค่าผ่าตัด ค่าหมอ ค่าห้องพัก ค่าสารพัดค่า ไม่แปลกหรอกที่ฟาริสาจะเรียกเงินค่าตัวเป็นล้านขนาดนั้น แต่ที่น่าหนักใจคือจะมีผู้ชายคนไหนยอมจ่ายเงินล้านเพื่อแลกกับเซ็กซ์และความบริสุทธิ์แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จะมีผู้ชายคนไหนใจป้ำขนาดนั้นกัน
ฟาริสานั่งจับมือคนรักสุดหัวใจที่นอนใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ภายในห้องไอซียู อุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ระโยงระยางเต็มไปหมด ช่างบีบหัวใจคนเป็นลูกยิ่งนัก อยากเปลี่ยนเป็นคนไปนอนที่เตียงนั้นแทนบิดา อยากเปลี่ยนเป็นคนเจ็บเสียเอง
นัยน์ตาของหญิงสาวแดงก่ำจากการกลั้นน้ำตา แต่เชื่อเถอะว่าไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้เลย น้ำตากลิ้งลงบนแก้มใสทั้งสองข้าง ทว่ากลับไร้เสียงสะอื้นไห้แต่อย่างใด เพราะหญิงสาวกลั้นไว้จนไหลบางสะท้านสั่นไหว อยากจะเข้มแข็งให้ได้สักครึ่งของพ่อแต่เธอกับทำไม่ได้
ฟาริสาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม มองบิดาผ่านม่านน้ำตา ทำไมชีวิตของเธอและพ่อจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ ทำไมสวรรค์ถึงได้กลั่นแกล้งคนจนอย่างเธอหนักหนา ทำไมถึงได้ใจร้ายกับพ่อเธอถึงขนาดนี้กัน ทั้งๆ ที่ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้วแท้ๆ เธอกับพ่อกำลังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น
เธอกำลังจะมีงานดีๆ ทำ กำลังจะช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ พ่อจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าออกไปขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไม่ต้องอดหลับอดนอนออกไปขายข้าวโพดต้ม ขนมจีบซาลาเปาตอนเย็น แต่ทำไมทุกอย่างถึงเป็นอย่างนี้ขึ้นมาได้ ทำไม...
เพราะไอ้คนชั่วคนนั้นแท้ๆ ที่มันขับรถเสียหลักพุ่งชนพ่อของเธอที่ยืนขายของอยู่ข้างฟุตบาทบริเวณสะพานลอย แต่ที่น่าเจ็บใจมากไปกว่านั้นที่มันชนแล้วหนี แม้จะแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไร้ซึ่งความคืบหน้า เพราะคู่กรณีน่าจะเป็นคนมีหน้ามีตา มีอำนาจหรือไม่ก็คนมีอิทธิพลที่มีคนใหญ่หนุนหลัง คนที่มันจ้องจะจัดการพ่อของเธอ ที่ดันเข้าไปทำให้มันเดินสะดุดจนต้องกำจัดพ่อของเธอไม่ให้ขวางหูขวางตามัน
“พ่อต้องหายนะ พ่อจะต้องสู้นะ หนูรู้ว่าพ่อเจ็บ แต่พ่อต้องสู้รู้ไหม” น้ำเสียงสั่นเครือเคล้าน้ำตา พร่ำบอกบิดาที่เปรียบเสมือนที่พึ่งเดียวของเธอตั้งแต่เกิด คนที่คอยห่วงใยดูแลเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก คนที่เลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดี ให้ความรักเธอจนเธอไม่รู้สึกขาด เป็นทั้งพ่อและแม่ทั้งเพื่อนในเวลาเดียวกัน ผู้ชายที่เก่งที่สุดที่ส่งเธอเล่าเรียนจนจบปริญญาตรี
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดดดดดด
เสียงสัญญาณชีพดังขึ้นยาวติดกัน กราฟที่แสดงอยู่หน้าจอเป็นเส้นขึ้นลงก็ค่อยๆ อ่อนลง ฟาริสาหัวใจเต้นระส่ำ ผุดลุกออกจากห้องร้องเรียกพยาบาลประจำห้องไอซียู
“พยาบาลคะ พยาบาล”
พยาบาลรีบกรูเข้ามาในห้องด้วยความเร็ว เมื่ออาการคนไข้ไม่สู้ดี เร่งมือช่วยกันยื้อชีวิตบิดาของฟาริสา
“เชิญญาติออกไปรอด้านนอกก่อนนะคะ”
“ช่วยพ่อฉันด้วยนะคะ ช่วยด้วยนะคะ” เอ่ยขอร้องทั้งน้ำตา หัวใจของเธอมันบีบรัดจนแทบแตกสลาย
“ค่ะ ออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ” ตัดใจเดินออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แม้จะเกิดความเป็นห่วงสารพัด แต่ฟาริสาก็หวังให้มีปาฏิหาริย์เกิดกับเธออีกสักครั้ง ขอเทวดาอย่าเพิ่งใจร้ายกับเธอมากไปกว่านี้เลยเถิด