เวลา 18.00 น.
ณ มองฟลัวคลับ ค่อย ๆ เปิดไฟนีออนท่ามกลางบรรยากาศหรูหรา เสียงเพลงเบา ๆ คลอในห้อง VIP มุมหนึ่งของคลับมีเว่ยหลงนั่งพิงโซฟาอยู่ก่อนคลับจะเปิด ข้างกายของเขา มีหญิงสาวร่างบางแต่งตัวเรียบร้อยในเดรสคอปิดสีครีมนั่งอยู่ ใบหน้าอ่อนหวาน อย่างสงวนท่าที
ไม่นานนัก
ร่างเพรียวในเดรสโทนเข้มก็ก้าวเข้ามาในคลับ
ตึก ตึก!
เสียงส้นสูงเดินกระทบพื้นอย่างมั่นใจ
เรียวปากสีสวยยกมุมปากยิ้มทันทีที่เห็นชายหนุ่มนั่งข้างหญิงสาว
“อ้าว… คุณเว่ยนั่งกับใครอยู่เหรอคะ”
หญิงสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้น ยกยิ้มสุภาพ
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ แป้งพัพ อยู่บ้านข้าง ๆ พี่เว่ยค่ะ”
“อ๋อ~” น้ำหอมลากเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มเจือเยาะ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ โดยไม่รอคำเชิญ
“ฉัน น้ำหอม ค่ะ… เป็น ลูกค้าคนสำคัญของคลับ”
คำพูดนั้นจงใจเน้นย้ำ ริมฝีปากแดงสดโค้งเป็นรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับวาววับท้าทาย
ชายหนุ่มที่เงียบอยู่พลันตวัดสายตาคมกริบมามอง ดวงตาเย็นจัดคล้ายคำเตือน “อย่าเล่นกับฉันมากเกินไป”
แต่คนตัวเล็กทำได้เพียงยักไหล่ราวไม่สะทกสะท้าน จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบแก้ววิสกี้ที่วางอยู่ในมือเขาโดยไม่เกรงใจ ก่อนจะยกขึ้นดื่มรวดเดียว
“อึก…” เธอวางแก้วลงเสียงดัง ปึก! พร้อมหัวเราะเบา ๆ
“อืม… รสชาติดีเหมือนเจ้าของเลยนะคะ”
ตอนนี้บรรยากาศรอบโต๊ะเงียบกริบ แป้งพัพ ถึงกับเบิกตากว้าง มองสลับไปมาระหว่างหญิงสาวตรงหน้ากับเว่ยหลงที่กำลังแผ่รังสีอันตราย
เสียงทุ้มต่ำของเขาจึงดังขึ้นช้า ๆ
“น้ำหอม… เธอกำลังล้ำเส้น”
น้ำหอมยกมุมปากยิ้ม ริมฝีปากแดงสดเปียกชุ่มด้วยวิสกี้
“หึ… ก็เส้นนี้มันน่าเหยียบไม่ใช่เหรอคะ”
ด้านแป้งพัพหันไปมองเว่ยหลงเล็กน้อย เห็นเขายังนิ่งเงียบก็สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยเสียงสุภาพ
“คุณน้ำหอม… การมานั่งแทรกแบบนี้ มันไม่ค่อยเหมาะนะคะ”
น้ำหอมยกแก้ววิสกี้ขึ้นหมุนเล่นในมือ ริมฝีปากแดงสดยกยิ้มเยาะ
“หืม… ไม่เหมาะ? แต่อยู่ตรงนี้ ฉันสบายดีนี่คะ”
จากนั้นคนตัวสูงวางศอกพิงโซฟา ดวงตาคมหันไปมองน้ำหอมช้า ๆ เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือน
“น้ำหอม… ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าล้ำเส้น”
หญิงสาวหันกลับมายิ้มหวาน ปรายตามองเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“เส้นที่คุณขีดไว้น่ะ…มันบางเกินไปค่ะ ฉันเลยเหยียบเลยโดยไม่รู้ตัว”
แป้งพัพขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังพยายามคงน้ำเสียงสุภาพ
“คุณเว่ยเป็นคนที่ฉันเคารพมาก ถ้าคุณยังอยากเป็นลูกค้าของที่นี่…ควรรักษามารยาทด้วยนะคะ”
น้ำหอมระเบิดหัวเราะเบา ๆ สายตาคมหวานตวัดไปยังหญิงสาวเรียบร้อยตรงหน้า
“โอ๊ะ… แสดงว่าคุณไม่ใช่แค่ เพื่อนบ้าน สินะคะ”
แป้งพัพนิ่งไป เสียงเล็กหลบสายตา “ฉันก็แค่…”
น้ำหอมตัดบททันที ริมฝีปากยกยิ้มกวน
“ก็แค่ผู้หญิงที่ นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา …ไม่ใช่เหรอ”
เว่ยหลงหันสายตาคมกริบกลับมาทันที
“พอได้แล้ว น้ำหอม” น้ำเสียงเย็นจัดเหมือนคมมีด
แต่แทนที่จะหยุด เธอกลับโน้มตัวเข้าใกล้เขา กระซิบเบา ๆ ใกล้ใบหู
“ถ้าจะให้หยุด…คุณต้องไล่ฉันออกไปด้วยมือตัวเองสิคะ”
สิ้นคำพูดของน้ำหอมที่ไม่ยอมแพ้ ทำให้บรรยากาศรอบโต๊ะเงียบกริบจนได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งสามคน แป้งพัพเม้มริมฝีปากแน่น พยายามซ่อนความหึงหวง ส่วนเว่ยหลงนั่งนิ่ง ดวงตาคมวาวโรจน์อย่างยากจะอ่าน
จากนั้นวางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะอย่างแรง ปึก! ดวงตาคมกริบหันไปมองหญิงสาวในเดรสเข้มที่นั่งยิ้มยั่วอยู่ข้าง ๆ
“น้ำหอม…” เสียงทุ้มต่ำกดหนักช้า ๆ
“…เธอกำลังทดสอบความอดทนของฉันอยู่ใช่ไหม”
น้ำหอมเลิกคิ้ว ริมฝีปากแดงสดแต้มรอยยิ้มยั่วเย้า
“หึ~ ถ้าคุณทนไม่ได้…ก็แปลว่าฉันชนะแล้วสิคะ”
ประโยคนั้นทำให้เส้นความอดทนของมาเฟียหนุ่มขาดผึง!
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายกมือหนาคว้าข้อมือเล็กบีบแน่น ลุกขึ้นเต็มความสูงจนร่างบางแทบจะถูกดึงลอยขึ้นตาม
“พี่เว่ย!” แป้งพัพอุทานเสียงหลง มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ
แต่เว่ยหลงไม่แยแส เขาก้าวเดินไปพลางดึงร่างของคนตัวเล็กลากออกไปจากโต๊ะอย่างไม่สนสายตาใคร
“โอ๊ะ ๆ ใจร้อนจังเลยนะคะคุณเว่ย”
น้ำหอมเอ่ยขำ ๆ ทั้งที่ถูกกระชากแรง แต่ในดวงตากลับส่องประกายราวกับผู้ชนะ
ขณะเดียวกันเสียงซุบซิบดังตามหลังมาจากโต๊ะอื่น
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมกล้าทำแบบนั้นกับพี่เว่ย”
“บ้าไปแล้วแน่ ๆ …แต่ก็โคตรใจเด็ดเลยว่ะ”
จนกระทั่งประตูห้อง VIP ถูกผลักออก ปัง!
เว่ยหลงลากร่างบางเข้ามาในโถงทางเดินที่เงียบสงัด ก่อนจะเหวี่ยงตัวเธอพิงกำแพงแรง ๆ
ดวงตาคมกริบกดจ้องลงมา ไฟโทสะลุกโชน
“เธออยากเล่นกับฉันนักใช่ไหมน้ำหอม!? อย่าหาว่าฉันไม่เตือน เกมที่เธอเปิดมันอาจทำให้เธอไม่มีทางกลับออกไปเป็นคนเดิมได้อีก”
น้ำหอมยกยิ้มกว้าง แม้แผ่นหลังจะแนบกำแพงและถูกเขากักไว้
“งั้นก็ดีสิคะ… เพราะฉันก็ไม่ได้อยากเป็นคนเดิมอยู่แล้ว”
เสียงหอบกระชั้นในโถงเงียบสงัด ร่างสูงของเว่ยหลงกักน้ำหอมไว้แนบกำแพง สายตาคมกริบกดทับจนเธอแทบหายใจไม่ออก
“ยังยิ้มได้อีก?” เขากดเสียงต่ำ จ้องดวงตากลมโตที่ยังเปล่งประกายท้าทาย
น้ำหอมเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากแดงสดยกยิ้ม “ถ้าฉันหยุดยิ้ม…ก็คงไม่ใช่น้ำหอมแล้วสิคะ”
เว่ยหลงขมวดคิ้ว ความดื้อรั้นของผู้หญิงตรงหน้าทำให้ไฟในอกพุ่งสูงขึ้นโดยไม่ทันยั้งคิด
ร่างสูงโน้มลงมาอย่างกะทันหัน
พร้อมกับริมฝีปากหยักหนากดทับลงบนริมฝีปากหวานร้อนแรง
กลิ่นเหล้าและน้ำหอมปะทะกัน กลายเป็นรสชาติอันตรายที่ทั้งดูดดื่มและบีบคั้น พร้อมกันกับมือหนาของเขากำลังล้วงเขาไปยังจุดสงวนองเธออย่างจาบจ้วง
น้ำหอมเบิกตากว้างไปชั่วขณะ หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก ก่อนที่สติจะตีรวนกลับมา เธอยกมือขึ้นคว้าข้อมือแข็งแรงของเขา บีบแน่นเพื่อหยุดการรุกรานนั้น เพราะมันจะเกินเลยไปแล้ว
“พะ…พอแล้ว” เธอหอบเสียงพร่า ดวงตาสั่นระริก
เว่ยหลงหยุดชะงัก ถอนจูบออกช้า ๆ ดวงตาคมจ้องลึกไปในแววตาหวั่นไหวของเธอ แล้วหัวเราะหึในลำคอ
“หึ… นึกว่าจะเป็นผู้หญิงร้อนแรง” เขาเอ่ยเสียงเย็น
“ที่แท้…ก็อ่อนต่อโลก ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่อยากลองของ”
น้ำหอมเม้มริมฝีปากแน่น ความเจ็บแวบผ่านในอก แต่ยังพยายามเชิดหน้าขึ้นไม่ให้เขาเห็นน้ำตา
เว่ยหลงปรายตามองเธออีกครั้ง ก่อนใช้นิ้วชี้จิ้มไหล่บางแรง ๆ จนเธอเซถอยหลังติดกำแพง
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก น้ำหอม”
พูดจบ ร่างสูงก็หมุนตัวกลับไปที่โต๊ะ VIP โดยไม่หันกลับมามองอีกสักครั้ง ปล่อยให้หญิงสาวยืนพิงกำแพง ใบหน้าแดงระเรื่อทั้งจากจูบและสัมผัสอันจาบจ้วงนั้น
เมื่อเขาเดินจากไปมือเรียวยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ความร้อนแรงเมื่อครู่ยังติดตรึง แต่คำพูดดูถูกของเขาก็เหมือนมีดกรีดกลางหัวใจ
“เมื่อกี้ถ้าฉันห้ามช้ากว่านี้ ฉันคงได้เสียความบริสุทธิ์ให้เขาแน่ ๆ”