บทที่ 7 ตามติด

1291 คำ
ตึก ตึก ตึก! เสียงส้นสูงดังสะท้อนพื้นซีเมนต์เป็นจังหวะ ดึงสายตาของลูกน้องหลายคนให้หันมามองเป็นตาเดียว บางคนถึงกับกลืนน้ำลาย เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเดรสขาวสะอาดแต่โอบรัดเรือนร่างได้อย่างเร่าร้อน เว่ยหลงที่กำลังคุยงานอยู่เงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อย สายตาคมกริบเย็นเยียบฉายประกายไม่พอใจทันทีที่เห็นคนตรงหน้า “เธอ…” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า ๆ แฝงแรงกดดัน “ตามมาที่นี่ทำไม” หญิงสาวยกมุมปากยิ้มบาง ๆ ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย “ก็เมื่อคืน…คุณเดินหนีฉันไป ฉันเลยอยากทวงคำตอบ” “คำตอบ?” เว่ยหลงหัวเราะในลำคอ แววตาดุดันกวาดมองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “หรือยังไม่เข้าใจ… ผู้หญิงแบบเธอ ไม่ใช่สเป็กฉัน และไม่มีค่าพอจะมาให้ทวงอะไรทั้งนั้น” คำพูดเย็นชาแทงเข้ากลางอก แต่แทนที่น้ำหอมจะถอย เธอกลับก้าวเข้าใกล้อีกก้าว กลิ่นหอมหวานเจือกลิ่นกายผู้หญิงแตะปลายจมูกเขา “ถ้าไม่ใช่สเป็ก…” เธอกระซิบเสียงหวานพร่า ดวงตาคู่สวยสบตาเขาไม่กะพริบ “…แล้วทำไมต้องรับฉันไว้เมื่อคืน ทำไมไม่ปล่อยให้ล้มหน้าคลับไปเลยล่ะคะ” เว่ยหลงชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนกลับมาสวมท่าทีเย็นชาอีกครั้ง “ฉันไม่ปล่อยให้ ลูกค้าของคลับ ตายต่อหน้าหรอก มันเสียภาพลักษณ์” น้ำหอมหลุดหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ดวงตาแดงก่ำ “อ๋อ… แปลว่าฉันมีค่าแค่ทำให้คลับคุณไม่เสียชื่อสินะคะ” เธอก้าวเข้ามาอีกจนแทบชิดอกกว้าง ริมฝีปากยกยิ้มร้ายกาจ “งั้นวันนี้…ลองให้ฉันมีค่าในฐานะอื่นดูบ้างไหมคะ คุณเว่ยหลง” ลูกน้องหลายคนถึงกับเบิกตากว้าง บรรยากาศตึงเครียดจนแทบหายใจไม่ออก ชายหนุ่มกดสายตาคมกริบลงมองเธอ แววตาเย็นชาแต่แฝงประกายบางอย่างที่เขาเองก็ไม่อยากยอมรับว่ามีอยู่ “เธอนี่มัน…ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ” เขาพูดเสียงต่ำ ก่อนจะหันหลังกลับอย่างไม่อยากเสียเวลา แต่ประโยคถัดมาของน้ำหอม ทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ “ก็เพราะฉันถูกเหยียบต่ำมาทั้งชีวิตไงคะ… ถึงได้อยากปีนขึ้นสูงบ้าง” คนตัวสูงเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรต่อ เขาหันหลังเดินตรงไปยังรถ SUV สีดำสนิทที่จอดอยู่ใกล้ ๆ ร่างสูงสง่างามแผ่รังสีเย็นชาจนใคร ๆ ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ลูกน้องที่ยืนรออยู่รีบก้าวไปเปิดประตูด้านหลังให้เจ้านายอย่างนอบน้อม และในจังหวะนั้นเอง ตึก ตึก! เสียงส้นสูงดัง เร็วและหนักแน่น ร่างเพรียวในเดรสขาวก็ก้าวพรวดเข้ามาแทรกกลาง แล้ว ปึง! ทิ้งตัวลงไปนั่งในเบาะหนังหรูอย่างถือวิสาสะ “เฮ้ย!” ลูกน้องอุทานตาโต ไม่กล้าแม้แต่จะดึงเธอออก เว่ยหลงชะงักทันที ดวงตาคมหันกลับมากดมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ น้ำหอมไขว่ห้างอย่างสง่างาม ริมฝีปากแดงสดคลี่ยิ้มยั่วเย้า “ขอบคุณที่เปิดประตูให้นะคะ… ฉันกำลังรอคนขับพอดีเลย” “ลงจากรถ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า แต่กดดันจนบรรยากาศหนักอึ้ง “ไม่ลงค่ะ” เธอตอบกลับสั้น ๆ พลางเอนตัวพิงเบาะหรูราวกับเป็นของตัวเอง “ก็เมื่อคืน…คุณไม่ยอมไปส่ง วันนี้ฉันเลยมาตามคุณถึงที่ไงคะ” เว่ยหลงหัวเราะในลำคอ เสียงนั้นต่ำและเย็นจนลูกน้องขนลุกไปตาม ๆ กัน “ผู้หญิงแบบเธอนี่…ไม่รู้จักกลัวจริง ๆ” น้ำหอมเอียงคอเล็กน้อย สบตาคมคู่นั้นอย่างตรงไปตรงมา “ก็เพราะชีวิตฉันเหลือให้เสียไม่กี่อย่างแล้วค่ะ… เลยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” คำพูดนั้นทำให้เว่ยหลงชะงักไปเสี้ยววินาที แต่เขาก็รีบกลับมาสวมท่าทีเย็นชาเหมือนเดิม “เธอไม่รู้เลยว่ากำลังเล่นกับไฟ…” เขาก้มลงมองเธอ แววตาเต็มไปด้วยแรงกดดัน “และไฟของฉัน มันเผาคนตายได้จริง ๆ” น้ำหอมยกยิ้มบาง ๆ ริมฝีปากกระซิบตอบเบา ๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ “ก็ดีสิคะ… อย่างน้อยฉันก็จะตายในอ้อมแขนคุณ” ทันใดนั้นเอง ปัง! เสียงประตูปิด ก้องไปทั้งคัน เว่ยหลงขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ สีหน้ายังคงเย็นชาไม่ต่างจากเหล็กกล้า “เธอไม่ลงใช่ไหม” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น พลางสอดกุญแจเสียบเครื่องยนต์ น้ำหอมเอนกายพิงเบาะหนังแทนคำตอบ ริมฝีปากแดงสดยกยิ้มยียวน “บอกแล้วไงคะ ว่าอยากให้คุณไปส่ง” บรืนนนน...! เสียงเครื่องยนต์คำรามดังขึ้น เว่ยหลงไม่พูดอะไรอีก กดคันเร่งพารถออกไปทันที ตลอดทาง บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบกดดัน มีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ จากวิทยุที่ไม่อาจกลบแรงปะทะระหว่างสายตาของทั้งคู่ น้ำหอมเอียงหน้า มองไปยังเสี้ยวหน้าคมเข้มของมาเฟียหนุ่มที่กำลังจับพวงมาลัยอย่างแน่นหนา แสงแดดยามสายทอดกระทบกรอบหน้าและสันกรามชัดเจน “คุณนี่เย็นชาจริง ๆ เลยนะคะ” เธอเอ่ยแซวเสียงหวาน “ผู้หญิงตั้งกี่คนในคลับเมื่อคืนมองคุณตาเป็นมัน แต่คุณกลับไม่สนใจสักคน” เว่ยหลงตอบโดยไม่หันมามอง “เพราะฉันไม่ชอบ ของตื้นเขิน” น้ำหอมหัวเราะเบา ๆ ดวงตาเป็นประกาย “อ๋อ… งั้นคุณคงมองว่าฉันก็เป็นของตื้นเขินสินะ” เขาหันมาสบตาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันกลับไปที่ถนน ดวงตาคมกริบฉายแววท้าทาย “เธอ…อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้น” น้ำหอมไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย กลับโน้มตัวเข้าใกล้จนกลิ่นน้ำหอมอวลไปทั่วห้องโดยสาร “ถ้าเลวร้าย…ก็ลองทำความรู้จักสิคะ เผื่อคุณจะติดใจ” เว่ยหลงหัวเราะหึในลำคอ เสียงนั้นต่ำลึกเหมือนคำขู่ “ติดใจ? …ฉันไม่เล่นกับไฟหรอก” หญิงสาวยิ้มหวาน ริมฝีปากกระซิบชิดหูเขา “แต่ฉันสิคะ…อยากเล่นกับไฟ” รถทั้งคันเหมือนถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศเร่าร้อนปนตรึงเครียด เกมอันตรายที่ไม่มีใครยอมถอย เขาขับรถออกจากเต้นท์ได้ไม่นาน เว่ยหลงหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง ทำให้รถหรูจอดสนิทอย่างกะทันหัน ร่างสูงในชุดเชิ้ตสีเข้มขยับตัวเล็กน้อย ก่อนหันมามองเธอด้วยแววตานิ่งเรียบ “ลงไป” เขาพูดสั้น ๆ “ผมไม่ว่างจะไปส่ง ผมต้องไปทำงาน” คำพูดเย็นชาเหมือนถูกสาดน้ำแข็งเข้าหน้า แต่แทนที่น้ำหอมจะเจ็บ เธอกลับหัวเราะเบา ๆ ริมฝีปากแดงสดยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “งั้น…” เธอหันมาสบตาคมดุอย่างไม่เกรงกลัว “ฉันจะไปทำงานกับคุณค่ะ” เว่ยหลงขมวดคิ้วทันที “เธอพูดอะไรนะ” น้ำหอมเอนกายพิงเบาะ ยกขาไขว่ห้างอย่างท้าทาย แววตาเป็นประกายดื้อรั้น “คุณไม่อยากไปส่งฉันใช่ไหม? ก็ดีเลย… ฉันจะนั่งรถไปกับคุณ อยู่กับคุณ ทำงานกับคุณไปทั้งวัน” เว่ยหลงหัวเราะในลำคอ เสียงต่ำเย็นจนคนฟังขนลุก “ผู้หญิงอย่างเธอ…ไม่รู้จริง ๆ ใช่ไหมว่ากำลังเล่นกับใคร” น้ำหอมเอียงคอเล็กน้อย ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มเย้ายวน “รู้ค่ะ… ฉันกำลังเล่นกับไฟ” บรรยากาศในรถเงียบกริบราวกับอากาศถูกกดทับ เว่ยหลงกดมองเธอด้วยแววตาคมเข้มที่ไม่อาจอ่านออกได้ว่าคือโกรธหรือสนใจ แต่สุดท้าย เขากลับบิดกุญแจสตาร์ทรถอีกครั้ง พารถแล่นออกไปบนถนนโดยไม่พูดอะไรต่อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม