ณ คอนโด X ใจกลางเมืองเชียงใหม่
ติ้ด!
เสียงประตูล็อกอัตโนมัติดังขึ้น ก่อนที่ร่างบอบบางในเดรสแดงเพลิงจะเดินโซซัดโซเซเข้ามา ทิ้งตัวแหมะลงบนโซฟาเบาะนุ่มอย่างหมดเรี่ยวแรง เอนศีรษะพิงพนักหายใจถี่รัว ราวกับทั้งร่างถูกถ่วงด้วยความเหนื่อยล้าและแอลกอฮอล์
มือเรียวสั่นเล็กน้อยยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอ และเพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที
“ผู้ใช้นี้บล็อกคุณแล้ว”
ข้อความสั้น ๆ ที่หน้าจอ กลับราวกับคมมีดกรีดกลางหัวใจ น้ำหอมปล่อยโทรศัพท์หล่นลงข้างตัว ร่างสั่นสะท้านไปทั้งอก
“พี่จะทิ้งฉันจริง ๆ ใช่ไหม…”
เสียงพึมพำสั่นเครือหลุดออกมา พร้อมหยาดน้ำตาที่ร่วงลงอาบแก้ม
ภาพความทรงจำเก่า ๆ ไหลย้อนเข้ามา
ตอนมัธยมต้น…
วันที่เธอถูกพวกพี่นักเรียนรุ่นพี่กลั่นแกล้งจนตัวสั่น ร่างเล็กในวันนั้นคิดว่าคงไม่มีใครช่วย แต่แล้ว… ราเชน ก็ปรากฏตัว เขามาดูงานที่โรงเรียนและเห็นเหตุการณ์พอดี จึงก้าวเข้ามาปกป้องเธออย่างไม่ลังเล
ตั้งแต่นั้นมา…
ราเชนคือคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอ ทั้งช่วยติวหนังสือ พาไปส่งที่บ้าน คอยปกป้องจากสายตาเยาะเย้ย ราวกับเป็นแสงสว่างเพียงดวงเดียวในโลกของเธอ
เขาเคยสัญญาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ไม่ต้องกลัวนะน้ำหอม… พี่จะดูแล ไม่ให้ใครทำร้ายเธออีก”
และเด็กสาวในวันนั้นก็เชื่อเต็มหัวใจ…
เชื่อว่ารักครั้งแรกนี้จะพาไปสู่คำว่า แต่งงาน
แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลาย…
วันที่พ่อพาเมียน้อยเข้าบ้าน วันที่ความจริงเปิดเผยว่า ราเชนคือน้องชายของแม่เลี้ยง สถานะที่พลิกผันให้เขากลายเป็น “อาของเธอ” อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ถึงอย่างนั้น ราเชนก็ยังคงอ่อนโยน ยังคงช่วยเหลือเธออยู่เสมอ ตอนที่เธอถูก พราวรุ้ง พี่สาวต่างแม่ขังไว้ในห้องเก็บของ ก็เป็นราเชนที่หาทางช่วยเธอออกมา
เขาสัญญาจะปกป้อง… แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาให้ไม่ได้ คือสถานะแฟน
เพราะชื่อเสียงตระกูล เพราะภาพลักษณ์บริษัท เขาเลือกปฏิเสธเธอต่อหน้าคนอื่น แม้ลับหลังจะยังอ่อนโยนก็ตาม และนั่นเองที่ทำให้เธอยอม… ยอมทน ยอมเจ็บ ยอมอยู่ในเงื่อนไขที่เขาขีดไว้
จนกระทั่งจบ ม.ต้น เธอถูกส่งไปเรียนต่างประเทศ ห่างไกลจากทุกสิ่ง แต่เมื่อกลับมา… กลับเจอกับกับดักสกปรกที่แม่เลี้ยงและพราวรุ้งร่วมกันวางเอาไว้
พวกเขากล่าวหาเธอว่าพยายาม “วางยาอาแท้ ๆ ของตัวเองเพื่อปีนขึ้นเตียง” เรื่องน่าขยะแขยงที่ไม่มีวันลบล้างออกไปจากปากคนในสังคม
และราเชน…
ชายคนที่เธอรักสุดหัวใจ ก็เลือกเชื่อสิ่งนั้น เลือกที่จะปกป้องชื่อเสียงมากกว่าปกป้องเธอ บอกพ่อให้ส่งเธอมายังเชียงใหม่ และสั่งให้ลุงสมศักดิ์คอย “จับตาดู” เหมือนเธอเป็นนักโทษที่ต้องถูกคุมขัง
น้ำหอมปิดหน้าร้องไห้ สะอื้นจนไหล่สั่นสะท้าน หัวใจปวดหน่วงยากจะบรรยาย
“พี่ราเชน… ถ้าพี่ไม่รัก ทำไมต้องสัญญา…
ถ้าพี่ไม่เลือกฉัน แล้วทำไมต้องเป็นคนช่วยมาตลอด…”
น้ำตาเปื้อนแก้ม แต่ริมฝีปากแดงสดกลับค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้น รอยยิ้มขมขื่นที่เต็มไปด้วยแผลลึกและความแค้นเคือง
เพราะในความเจ็บปวดที่สุด… หญิงสาวก็รู้ดีว่า เธอจะไม่มีวันยอมเป็นเหยื่ออีกต่อไป
เช้าวันถัดมา
แดดอุ่น ๆ ของเชียงใหม่สาดส่องทาบลงบนอาคารสูงกลางเมือง มองฟลัวคลับ ที่ปิดเงียบหลังจากคืนที่วุ่นวาย
ตึก ตึก ตึก !
เสียงส้นสูง ดังเป็นจังหวะบนพื้นหินอ่อน ร่างเพรียวในชุดเดรสเรียบหรูโทนสีขาวสะอาดแต่ยังแฝงความยั่วยวน เดินตรงเข้ามาที่ประตูด้านหน้า
“เอ่อ… คุณคะ คลับยังไม่เปิดนะคะ”
เสียงพนักงานสาวที่เฝ้าหน้ารีบเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสุภาพแต่แฝงความเกรงใจ
น้ำหอมยกยิ้มบาง ไม่ตอบตรงคำถาม แต่สายตาคมหวานกวาดไปทั่ว ก่อนจะสะดุดเข้ากับใบหน้าที่คุ้นตา คือหนึ่งในรุ่นน้องที่นั่งร่วมโต๊ะกับเว่ยหลงเมื่อคืน
เธอก้าวเข้าไปตรงหน้าโดยไม่รีรอ “เมื่อคืน…นายอยู่กับเว่ยหลงใช่ไหม?”
รุ่นน้องเลิกคิ้ว ก่อนยิ้มเก้อ ๆ “เอ่อ… ใช่ครับพี่สาว”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน”
น้ำเสียงหวานทุ้มลงแฝงแรงกดดัน
“พี่เว่ยออกไปดูเต็นท์รถให้เช่าน่ะครับ”
น้ำหอมยกยิ้มทันที ดวงตาวาววับราวกับนักล่าเจอร่องรอยเหยื่อ
“พาไปหน่อยสิ… ฉันจ่ายหมื่นนึง”
รุ่นน้องตาโตทันที “หมื่น!?”
เธอหยิบแบงก์พันสิบใบออกมาวางในมือเขาอย่างไม่ลังเล
“ถ้าอยากได้เพิ่ม…ไว้หลังจากนี้ก็แล้วกัน”
รุ่นน้องยกมือรับเงินแทบไม่ทัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจปนตื่นเต้น “ได้เลยครับพี่สาว! เดี๋ยวผมพาไปเดี๋ยวนี้เลย”
หญิงสาวยกมุมปากยิ้มเย็น แสงแดดกระทบกับดวงตาสีเข้มที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“หนีไม่พ้นหรอกค่ะ เว่ยหลง… ไม่ว่าจะไปที่ไหน ฉันก็จะตามให้ถึง”
ไม่นานนัก รถก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าพื้นที่กว้างขวางของ เต็นท์รถเช่า ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ป้ายตัวอักษรสีดำแซมทองสะท้อนแสงแดดยามสาย บ่งบอกถึงความหรูหราไม่ต่างจากเจ้าของกิจการ
“ถึงแล้วครับ พี่สาวคนสวย” รุ่นน้องเอ่ยพร้อมหันมายิ้มกว้าง
น้ำหอมหยิบเช็คที่เขียนจำนวนไว้แล้วยื่นไปตรงหน้า
“ขอบใจ… เอ้านี่ ทิปเงินตามสัญญา”
“โห… ขอบคุณครับพี่สาว!” รุ่นน้องรับไว้ตาโต ดีใจเกินกว่าจะเก็บอาการ ก่อนจะรีบเสริมเสียงอ้อน “เรียกผม ภูภู ก็ได้ครับพี่”
น้ำหอมยกยิ้มบาง พยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะเปิดประตูรถลงมา
พร้อมกับแสงแดดยามสายสะท้อนกับชุดเดรสสีขาวที่เธอสวม ทำให้ร่างเพรียวบางดูโดดเด่นราวกับภาพวาดที่หลุดออกมาจากแกลเลอรี ทว่าในแววตากลมโตกลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่
เธอก้าวเดินไปยังเต็นท์รถตรงหน้า บรรยากาศที่นี่ต่างจากในคลับเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง เสียงเพลงดังหายไป กลายเป็นเสียงพนักงานคุยกัน เสียงเครื่องมือช่าง และกลิ่นน้ำมันเครื่องที่อบอวล
และตรงมุมสำนักงานกระจกใส…
ร่างสูงในเชิ้ตสีดำสนิท กางเกงสแลคเข้ารูป กำลังยืนกอดอกพลางคุยกับลูกน้องเรื่องบัญชีเช่ารถ แผ่นหลังกว้างสง่างามที่เธอไม่มีวันลืม
เว่ยหลง
น้ำหอมชะงักเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยทั้งความเจ็บปวดและความท้าทาย
“เมื่อคืน…คุณเดินหนีฉัน
แต่กลางวันแสก ๆ แบบนี้…หนีไม่ได้หรอก เว่ยหลง”
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในเต็นท์รถ ราวกับนักล่าที่กำลังบุกอาณาเขตของเสือร้าย…