“แก้วนี้… ฉันขอนะคะ”
เว่ยหลงเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงท่าทีเย็นชา สายตาคมหรี่ลงเพียงเล็กน้อย แล้วเอ่ยกับคนตัวเล็กตรงหน้า
“ทำตัวเป็นเจ้าของโดยพลการแบบนี้… เธอไม่กลัวเหรอว่าฉันจะหักมือทิ้งตรงนี้”
น้ำหอมไม่สะทกสะท้านโน้มตัวเข้ามาใกล้จนกลิ่นน้ำหอมหวานเจือแอลกอฮอล์แตะจมูกเขา
“กลัวสิคะ…” เธอพึมพำเสียงพร่า “แต่กลัวแล้ว… มันก็น่าตื่นเต้นดีออก”
ชายหนุ่มมองเธอเงียบ ๆ ความนิ่งของเขากลับทำให้หัวใจหญิงสาวเต้นแรงกว่าเดิม ก่อนที่ริมฝีปากแดงสดคลี่ยิ้มกว้างขึ้น
“คุณเย็นชาเกินไปแล้วนะ…รู้ตัวบ้างไหมคะ”
เธอกระซิบ ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหาเขาอย่างไม่ลังเล
และในวินาทีนั้น
น้ำหอมโน้มตัวขึ้น ใช้ริมฝีปากสีหวานขโมยจูบแรกของมาเฟียหนุ่ม รวมไปถึงจูบแรกของน้ำหอมด้วย
ริมฝีปากนุ่มชุ่มด้วยแอลกอฮอล์แตะกับริมแข็งกร้าวชั่วขณะ ตอนนี้บรรยากาศรอบโต๊ะถึงกับนิ่งงัน รุ่นน้องทุกคนอ้าปากค้าง
เว่ยหลงชะงักไปชั่วเสี้ยววินาที ก่อนที่ร่างสูงจะดันเธอออกแรง ๆ จนร่างเล็กเซไปด้านหลัง
“ผู้หญิงแบบเธอ…”
เสียงทุ้มเย็นยะเยือกดังขึ้นช้า ๆ แววตาคมวาวโรจน์
“…อย่ามาทำตัวต่ำตมกับฉันอีก”
สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม น้ำหอมยกหลังมือเช็ดริมฝีปากตัวเอง แทนที่จะโกรธหรืออับอาย กลับหัวเราะเบา ๆ ดวงตาคลอแววท้าทาย
“หึ… แปลว่าเมื่อกี้ฉัน ‘ทำได้’ สินะคะ”
เว่ยหลงเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไรอีก เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไปจากโต๊ะไปนั่งอีกฝั่งที่อยู่อีกมุม
ทิ้งไว้เพียงแรงกดดันอันหนักหน่วงกับหัวใจที่ไม่ยอมสงบ
ส่วนน้ำหอมมองตามแผ่นหลังกว้าง ริมฝีปากแดงสดยังคงแต้มรอยยิ้ม
“หนีสินะ… แต่เชื่อเถอะ คุณเว่ย… ฉันจะทำให้คุณไม่มีวันหนีฉันได้อีก”
เรียวปากสีหวานพึมพำเบา ๆ ก่อนที่รุ่นน้องที่นั่งร่วมโต๊ะจะพูดขึ้น
“โอ้โห… พี่สาว พี่นี่สุด ๆ ไปเลยอ่ะ”
เสียงรุ่นน้องคนหนึ่งเอ่ยพร้อมกับปรบมือเบา ๆ ราวกับกำลังชมการแสดงละครที่น่าตื่นเต้น
เขายกแก้วขึ้นดื่ม พลางหันมาพูดต่อด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
“แต่เรื่องไปส่งคอนโดเนี่ย… ให้ผมไปแทนก็ได้นะ ก็พี่สาวเมาไม่ใช่เหรอ”
น้ำหอมที่ยืนพิงเคาน์เตอร์อยู่หันกลับมาช้า ๆ แววตาคมปรือจากแอลกอฮอล์ แต่ยังคงเปี่ยมด้วยสติและความมั่นใจ
“ฉันไม่ได้เมา…”
เสียงหวานดังชัดถ้อยชัดคำ ก่อนริมฝีปากจะคลี่ยิ้มบาง
“…ฉันแค่อยากให้ เขา ไปส่ง”
น้ำเสียงเน้นหนักคำว่า เขา ชัดเจนราวกับกำลังทิ้งมีดลงตรงกลางโต๊ะ
เธอหยิบกระเป๋าคลัตช์สีดำขึ้นมาถือไว้ ก่อนหมุนตัวเดินออกจาก มองฟลัว โดยไม่หันกลับไปมองใครทั้งสิ้น ส้นสูงกระทบพื้น ดัง ตึก ตึก ตึก! ก้องไปตามทางเดิน
และเช็คเงินสดสามแสนที่เธอวางไว้เมื่อครู่ ยังคงกองอยู่ตรงโต๊ะ VIP ทิ้งไว้ราวกับเศษกระดาษไร้ค่า
ขณะที่หญิงสาวในชุดเดรสแดงเพลิงค่อย ๆ ลับหายไปจากประตูทางออก
รุ่นน้องของเว่ยหลงต่างมองตามอย่างอึ้งปนตื่นเต้น ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นตามหลังเธอไป
“โห… พี่เว่ย พี่เจอตัวแรงเข้าแล้วว่ะ”
เขาหัวเราะหึ ๆ พลางหันไปมองเจ้านายผู้ยังนั่งนิ่ง ดวงตาคมที่จ้องไปยังแก้วค็อกเทลว่างเปล่าอย่างใช้ความคิด
“เธอเปิดเผย ตรงไปตรงมาชัดเจน… ไม่เหมือนใครเลย”
ตอนนี้บรรยากาศบนโต๊ะอีกมุมหนึ่งยังคงอึมครึม เว่ยหลงไม่เอ่ยคำพูดใด ๆ มีเพียงพ่นควันบุหรี่ออกมาช้า ๆ แต่ในใจกลับไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารอยจูบที่ถูกแย่งชิงเมื่อครู่ยังคงตรึงแน่นอยู่ในความทรงจำ…
อีกด้านของน้ำหอม
ครืด~
ประตูคลับ มองฟลัว ค่อย ๆ ปิดลงด้านหลัง เสียงเพลงจังหวะเร้าใจถูกกลืนหายไป เหลือเพียงลมกลางคืนเย็น ๆ ที่พัดกระทบผิวขาวซีดของหญิงสาวในเดรสแดงเพลิง
น้ำหอมพยายามก้าวเดินออกมาอย่างมั่นคง แต่ขาสวยกลับโซเซทุกย่างก้าว แทบจะไม่ต่างจากคำว่า “เมาเละ” ที่เธอพยายามปฏิเสธต่อหน้าคนในคลับเมื่อครู่
“ที่บอกว่าไม่เมา…ก็โกหกทั้งนั้นแหละ” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พร้อมหัวเราะเยาะตัวเองไปด้วย
มือเรียวสั่นเล็กน้อยเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ที่คุ้นเคย คนขับรถที่ราเชนเป็นคนสั่งให้คอย “ดูแล” หรือไม่ก็ “จับตาดู” เธออย่างใกล้ชิด
ไม่นานนัก เสียงปลายสายก็ตอบรับ
“ครับคุณหนู ผมรออยู่หน้าคลับแล้วครับ”
น้ำหอมกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเจ็บแปลบเมื่อนึกถึงชื่อของชายผู้เคยเป็นทั้งที่รักและที่พึ่ง
ราเชน คนที่ผลักไสเธอมายังที่แห่งนี้ แต่ก็ยังไม่วายส่งคนมาคอยควบคุมชีวิตเธออยู่ดี
ร่างเพรียวโซเซไปขึ้นรถหรูที่จอดรออยู่ข้างทาง พนักงานขับรถรีบออกมาประคอง แต่เธอกลับปัดเบา ๆ แล้วพยายามทรงตัวเองอย่างดื้อรั้น ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงเบาะหลัง
หัวพิงกระจก ดวงตาเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำที่ไร้แสงดาว เธอถอนหายใจยาวพร้อมเสียงหัวเราะขื่น ๆ
“สุดท้ายแล้ว… เว่ยหลงก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะง่ายเลยสักนิด”
ริมฝีปากแดงสดเอื้อนเอ่ยช้า ๆ แฝงแววขมขื่นในน้ำเสียง
“สมคำร่ำลือจริง ๆ… เย็นชาสุด ๆ”
ดวงตาเอ่อคลอน้ำใส แต่ใบหน้ากลับแต้มรอยยิ้มร้ายกาจ รอยยิ้มที่ปิดบังความเจ็บปวดเอาไว้แนบแน่น
“ยิ่งยาก…ก็ยิ่งท้าทาย ฉันไม่มีวันปล่อยมือจากเขาง่าย ๆ หรอก”
จากนั้นรถคันหรูก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกไปจาก มองฟลัวคลับ ไปยังคอนโดขนาดกลางในเมืองเชียงใหม่