บทที่ 4 แก้วนี้ฉันขอนะคะ

1476 คำ
พูดจบน้ำหอมปาดน้ำตาที่เปื้อนแก้มออกแรง ๆ ราวกับจะกวาดทิ้งไปพร้อมความอ่อนแอทั้งหมด หญิงสาวสูดหายใจลึก รวบรวมแรงใจอีกครั้ง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้น “ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์… ฉันต้องชนะ” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้วเดินต่อเข้าไปด้านใน ร่างเพรียวในชุดเดรสสีแดงเพลิงก้าวกลับเข้าไปใน มองฟลัว ด้วยท่าทีเชิดหน้ามั่นใจ แม้ข้างในหัวใจจะบอบช้ำแทบจะตาย เท้าเล็กเดินตรงไปที่บาร์อย่างไม่ลังเล “วอดก้าช็อต… สามแก้ว” เสียงหวานสั่งชัดถ้อย ริมฝีปากแดงฉ่ำยกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่บาร์เทนเดอร์ ชายหนุ่มหลังบาร์เลิกคิ้วแปลกใจ “คุณแน่ใจเหรอครับ” “เร็วสิคะ” น้ำหอมขัดขึ้นทันที แววตาเปล่งประกายราวกับนักพนันที่วางเงินก้อนสุดท้ายลงบนโต๊ะ ไม่กี่นาทีต่อมา แก้วช็อตใสเรียงรายตรงหน้า หญิงสาวยกขึ้นดื่มรวดเดียวทีละแก้ว เสียงกระแทกแก้วกับเคาน์เตอร์ดัง ปึก! ตามจังหวะการหายใจถี่รัว ตอนนี้รสแอลกอฮอล์แผดเผาลำคอจนร้อนวาบ น้ำหอมหลับตาแน่นหนึ่งครั้ง ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาให้ตัวเอง ให้โลก และให้โชคชะตาที่เคยเหยียบย่ำ ไม่นาน… ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็เริ่มทำงาน ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้น ดวงตาเยิ้มพร่าด้วยฤทธิ์สุรา เธอหัวเราะเบา ๆ พลางเอนตัวพิงบาร์อย่างจงใจ แสร้งทำเป็น “เมาหนัก” ให้ใครต่อใครมองเห็น และแน่นอน… สายตาคมคู่นั้นก็จับตามองอยู่จริง ๆ เว่ยหลงเดินกลับเข้ามาจากทางด้านนอก ร่างสูงสง่าก้าวผ่านฝูงชนที่เบี่ยงทางให้โดยอัตโนมัติ เขายกแก้วขึ้นจิบอย่างใจเย็น แต่ดวงตาคมลึกก็เหลือบไปเห็นร่างบางในชุดแดงที่กำลังโอนเอนอยู่ริมบาร์ เธอกำลังหัวเราะทั้งที่น้ำตายังไม่แห้งดีด้วยซ้ำ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย สูดควันบุหรี่เข้าปอด ก่อนจะพ่นออกมาอย่างเบื่อหน่าย แต่ไม่เข้าใจเลยว่า…ทำไมสายตาของเขาถึงยังไม่ยอมละไปจากผู้หญิงคนนั้น 2 ชั่วโมงต่อมา เสียงเพลงในคลับดังระรัวเร้าใจ ผู้คนต่างเต้นรำและหัวเราะเฮฮา แต่ตรงบาร์หรู น้ำหอมกำลังเอนตัวพิงเคาน์เตอร์อย่างหมดแรง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตพร่ามัวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “อีก…อีกแก้วค่ะ” เธอเอ่ยเสียงอ้อแอ้ หัวเราะเบา ๆ ก่อนยกแก้วสุดท้ายขึ้นดื่ม ร่างเพรียวโงนเงนเหมือนจะไม่ไหว และแล้ว “อ๊ะ!” ขาขาวในส้นสูงสี่นิ้วสะดุดพื้น ร่างเล็กเซถลาไปข้างหน้าแทบจะล้มลงกับพื้นแข็ง หากแต่… แขนแกร่งกลับยื่นเข้ามารับร่างเธอไว้ทันก่อนจะกระแทกลง ดึงเธอเข้ามาปะทะกับอกกว้างที่อบอุ่นแต่เย็นชาพร้อมกัน กลิ่นน้ำหอมผสมแอลกอฮอล์แตะจมูกของเว่ยหลงอย่างจัง ดวงตาคมดุดันกดมองหญิงสาวที่ซบอยู่ในอ้อมแขน “เธอนี่มัน…” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า ๆ แฝงแววหงุดหงิด “อยากตายหรือไง ถึงกล้าเมาเละขนาดนี้” น้ำหอมเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตาและฤทธิ์สุราสบกับแววตาคมดุ ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูทั้งน่าสงสารและน่าท้าทายไปพร้อมกัน “หึ… ถ้าตายแล้วมีคนแบบคุณคอยพยุง…” เสียงหวานแผ่วเบาแต่แฝงเสน่ห์ร้ายกาจ “ก็น่าตายนะคะ” เว่ยหลงชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนจะกระชากแขนเธอให้ยืนขึ้นตรง ๆ ร่างสูงใหญ่บดบังเธอราวเงามืด “อย่ามาเล่นเกมใส่ฉัน ผู้หญิงอย่างคุณ…” เขาก้มหน้าลงใกล้พอให้ลมหายใจร้อนผ่าวปะทะแก้มเธอ “…ฉันไม่เคยเห็นค่านักหรอก” น้ำหอมกลับหัวเราะเบา ๆ ริมฝีปากแดงฉ่ำกระซิบชิดหูเขา “ก็เดี๋ยวฉันจะทำให้คุณเห็นเอง…ว่า ฉันมีค่าแค่ไหน” ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวพลันตึงเครียดราวกับคลื่นไฟฟ้า ทั้งสองสบตากันราวกับกำลังวัดใจเกมระหว่าง “นักล่า” และ “เหยื่อ” ที่ไม่แน่ชัดว่าใครคือใคร… ทว่าในตอนนั้นเอง คนตัวสูงกลับปล่อยมือออกจากร่างบางโดยไม่เหลียวมอง ตุ้บ! ร่างเล็กแทบจะกระแทกพื้น ดีที่โซฟาหนังใกล้เคียงรองรับก้นสวย ๆ ของเธอเอาไว้พอดี ชายหนุ่มปรายตามองเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะวีไอพี นั่งเอนพิงโซฟาอย่างไม่แยแส ร่างสูงสงบนิ่ง ดวงตาคมลึกไร้อารมณ์ใด ๆ ส่วนรุ่นน้องที่นั่งข้าง ๆ รีบหันมาแซวทันที “ไหนพี่เว่ย บอกไม่สนใจไง แล้วทำไมถึงไปรับตัวเธอเอาไว้ล่ะ?” เว่ยหลงยกแก้วขึ้นจิบอย่างใจเย็น ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ก็เสนอตัวขนาดนั้น…ไม่รับไว้ได้ยังไง ก็ลูกค้าของคลับไม่ใช่หรือไง” “หึ…ใช่เหรอพี่เว่ย” รุ่นน้องยกคิ้ว ยิ้มมุมปาก “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่สนใจลูกค้าเป็นพิเศษ” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น แต่หยุดลงทันควันเมื่อเว่ยหลงหันสายตามองนิ่ง ๆ “หุบปาก” คำสั่งเสียงเรียบ แต่เย็นเฉียบจนบรรยากาศกดดันไปทั้งโต๊ะ รุ่นน้องรีบหุบปาก แต่ในใจกลับยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างห้ามไม่ได้ และแล้ว ตึก ตึก ตึก! เสียงส้นสูงดังใกล้เข้ามา หญิงสาวในเดรสแดงเพลิงปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากแดงสดแต้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าชายหนุ่มราวกับไม่เกรงกลัวสายตาใครทั้งสิ้น “สุดหล่อ…” น้ำเสียงหวานเจือความเมาเล็กน้อยดังขึ้น “ชื่ออะไรเหรอ? ฉันจ้างไปส่งที่คอนโดหน่อยสิ” เธอเอนตัวเล็กน้อย ราวกับตั้งใจให้เรือนร่างแนบเข้าใกล้กว่าเดิม ริมฝีปากยกยิ้มกวนประสาท “เมื่อกี้นายรู้จักชื่อฉันแล้ว… งั้นก็ควรบอกชื่อของตัวเองบ้างนะ ถูกไหม?” เรียวปากหวานยังคงเจื้อยแจ้ว ทั้ง ๆ ที่ในใจรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร แต่ทั้งหมดนี้คือเกม วิธีการที่จะทำให้มาเฟียหนุ่มอย่างเว่ยหลง “ติดกับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากกระตุกขึ้นคล้ายรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม ดวงตาคมกริบกวาดมองเรือนร่างตรงหน้าอย่างกดดัน “ผู้หญิงแบบเธอ…นี่คิดว่าเล่นอยู่หรือไง?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นแผ่วช้า เย็นเยียบ แต่ในใจเขาเองก็รู้สึกถึงประกายบางอย่าง ที่ทำให้เขาเผลอมองเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำหอมยกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ดวงตาวาววับ “ถ้าเป็นเกม…ก็หวังว่าคุณจะเล่นเก่งพอนะคะ” “เกมกับผู้หญิงแบบเธอ… ไม่ควรค่าให้ฉันเล่นด้วย” เสียงทุ้มเย็นเฉียบของเว่ยหลงดังขึ้นเรียบง่าย แต่หนักแน่นพอจะกดบรรยากาศรอบโต๊ะให้เย็นยะเยือก หากเป็น น้ำหอมในอดีต คำพูดแรงขนาดนี้คงทำให้เธอหน้าชา น้ำตาคลอจนพูดไม่ออก แต่วันนี้… หญิงสาวที่นั่งตรงหน้าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ริมฝีปากแดงสดยกยิ้มบาง ๆ “หึ…งั้นฉันเปลี่ยนคำก็ได้ค่ะ” เธอเลื่อนเช็คใบสีขาวที่เตรียมมา วางลงบนโต๊ะหรูอย่างมั่นใจ “ฉันไม่ได้ขอให้คุณเล่นเกม… ฉันแค่จ้างให้ไปส่งที่คอนโด” น้ำเสียงหวานเจือเย้ยหยัน “ไปไหมเอาเท่าไหร่… หนึ่งแสน?” เว่ยหลงยังคงนั่งนิ่ง แววตาคมลึกไม่ไหวติง แต่บรรยากาศรอบ ๆ กลับเริ่มสั่นคลอน “สองแสน… หรือจะเอาสามแสนดี?” เธอถามต่อ ก่อนจะเลิกคิ้วให้เขาอย่างท้าทาย รุ่นน้องที่นั่งร่วมโต๊ะถึงกับตาโต “โห… พี่สาว! เงินขนาดนั้น เปลี่ยนเป็นผมไปส่งแทนได้ไหมครับ” “ไม่ต้องยุ่ง!” น้ำหอมตวัดเสียงใส่ทันที คำพูดคมกริบราวกับมีดเฉือนจนรุ่นน้องเงียบกริบไปถนัดตา เธอหันกลับมาสบตากับเว่ยหลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่รอคำอนุญาตด้วยซ้ำ หญิงสาวถือวิสาสะเลื่อนตัวลงนั่งร่วมโต๊ะ ร่างบางไขว้ขาขึ้นอย่างมั่นใจ ส้นสูงสี่นิ้วสะท้อนแสงไฟระยิบ เธอคว้าแก้วค็อกเทลที่เว่ยหลงเพิ่งจิบไปเมื่อครู่ขึ้นมา ริมฝีปากแดงสดแตะขอบแก้วอย่างช้า ๆ ก่อนจะยกดื่มด้วยท่าทีราวกับกำลังประกาศสงคราม เว่ยหลงเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตาคมกริบหรี่ลงมองหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่พูดอะไร ทว่าแรงกดดันที่แผ่ออกมากลับมากพอจะทำให้ใครก็ตามใจสั่นได้ทันที แต่ไม่ใช่น้ำหอม เธอเพียงยิ้มบาง ๆ ยกแก้วคืนลงโต๊ะ พลางกระซิบเสียงหวานที่ได้ยินชัดแค่เขา “แก้วนี้… ฉันขอแล้วนะคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม