บทที่ 4
เกือบตาย
เอะอะก็จะฆ่าจะแกงกันเลยเหรอ ฉันรีบขยับหนีแต่ดูเหมือนว่าคุณปราณจะหัวเราะ เขาคงรู้ว่าพี่ชายไม่ได้คิดจะทำจริง ๆ ส่วนฉันก็ปากแจ๋วเป็นทุนเดิม
"เอาเถอะพี่อย่ามัวมาทะเลาะกันเลย ฆ่าเพลงไปพี่ก็สูญเปล่าอยู่ดี"
"มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบพวกปากไม่มีหูรูด"
"พี่ก็อย่าไปกวนประสาทเพลงนักสิ"
"พวกคุณต้องการอะไรพูดมาเลยดีกว่า"
"เพลงเธออยู่ที่นี่เธอต้องระวังตัวให้มาก ไปเรียนเธอก็ไปกับฉันกลับมาอย่าออกไปเดินเพ่นพ่าน หรือถ้าเธอคิดอยากจะไปเป็นเมียพ่อฉัน ฉันจะให้คนพาไปส่ง"
"ไม่! ฉันไม่มีทางไปเป็นเมียพ่อพวกคุณหรอกนะ"
"ถ้าไม่อยากไปเป็นเมียพ่อฉัน หลังเลิกเรียนเธอต้องไปช่วยงานฉันกับพี่ชาย เรื่องเงินภาระหนี้สินไว้พวกฉันจะหาทางออกอีกที"
"ส่วนพ่อเธอมันไม่ได้รักเธอเลยสักนิด มันให้คนเอาเสื้อผ้าของเธอมาส่งที่นี่แล้วก็หายหัวหนีไปชายแดนแล้ว ถ้าคิดจะอยู่ที่นี่กับพวกฉันอย่าปากเสีย เพราะฉันไม่ชอบพวกปากหมา"
ฉันมองหน้าคุณโปรดต่างคนต่างจ้องสบตากัน ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แต่จะพยายามไม่พูดอะไรเยอะก็แล้วกัน เพื่อความปลอดภัยและความอยู่รอด
คุณโปรดและคุณปราณให้พื้นที่อิสระกับฉันโดยการให้ฉันสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ในบ้านหลังนี้แต่ห้ามออกนอกบ้าน เรื่องการติดต่อสื่อสารฉันไม่ได้คุยกับใครเลย เพราะโทรศัพท์ของฉันยังอยู่ที่คุณปราณ
ฉันเดินลงมาด้านล่างตั้งใจจะมาหาข้าวกิน แต่บ้านหลังนี้หลัง หกโมงเย็นกลับไม่มีแม่บ้านเลยสักคน อาหารในหม้อเหมือนแม่บ้านทำเตรียมเอาไว้ให้คุณ ๆ ทั้งหลาย ฉันจึงตักมานั่งทานเงียบ ๆ สายตามองไปยังหน้าจอทีวีดูข่าวและละครช่วงเย็นไปพลาง ๆ
"สวัสดีครับคุณเพลง"
บอดี้การ์ดหนุ่มอายุราว ๆ 30 ไม่เกินน่า 35 เดินมายืนพร้อมก้มหัวให้ฉันเล็กน้อย ฉันรีบยกมือขึ้นไหว้เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกฆ่าตาย
"คุณเพลงไม่ต้องไหว้ผมก็ได้ครับ ผมทำตามคำสั่งของคุณโปรดกับคุณปราณ ผมชื่อดิน หลังจากนี้จะมาดูแลความปลอดภัยของคุณเพลง หากมีอะไรเรียกใช้หรือจะไปที่ไหนบอกผมได้เลยนะครับ แต่รบกวนแจ้งผมล่วงหน้าเพราะผมต้องขออนุญาตและเรียนให้คุณโปรดกับคุณปราณทราบก่อน"
ฉันได้แต่พยักหน้าช้า ๆ จนบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉันเดินออกไปคุยโทรศัพท์ ฉันจึงรีบเก็บถ้วยจานไปล้างแล้วเตรียมเดินขึ้นบ้านด้วยชุดนักศึกษา แต่จู่ ๆ บอดี้การ์ดของฉันก็วิ่งเข้ามาบอกให้ฉันเตรียมตัวไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้ คุณโปรดต้องการให้ฉันไปศึกษางานที่ไหนสักแห่งแม้ฉันจะอยู่ในชุดนักศึกษาก็ตาม
ผับ PP
ผับนี้เป็นผับชื่อดัง ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย ฉันถูกพาเข้ามาประตูด้านหลังมันเป็นประตูสำหรับผู้บริหารและลูกค้าชั้น VIP
บอดี้การ์ดส่วนตัวพาฉันขึ้นมาชั้น 3 มันเป็นเหมือนห้องประชุมเพียงแค่ฉันเดินเข้ามาก็เจอกับอาเสี่ยอาซ้อทั้งหลาย เหมือนทุกคนกำลังนั่งประชุมกันอย่างเคร่งเครียด
คุณโปรดเอื้อมมือมาดึงฉันไปนั่งตัก ด้วยท่าทางและสรีระของฉันมันทำให้ฉันต้องนั่งไขว่ห้างเพื่ออวดทรวดทรงที่แสนสง่างามของตนเอง
"อะไรของคุณเนี่ย!"
ฉันกระซิบถามคุณโปรดแต่คุณโปรดไม่ตอบอะไรเลย เขายังคงโยนไพ่ลงไปบนโต๊ะ มือขวาหยิบแก้ววิสกี้ขึ้นมาดื่ม
"ฉันถามว่านี่มันอะไร ฉันกำลังจะอาบน้ำนอนคุณพาฉันมาทำไมกัน"
"นั่งเฉย ๆ"
เขาตอบฉันแค่นี้ส่วนฉันก็ได้แต่มองคุณโปรดเล่นไพ่คุยงานกันไป จนกระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกพาเข้ามาแล้วโยนมากลางห้อง เนื้อตัวสะบักสะบอม เธอมองคุณโปรดราวกับขอความเมตตา
"ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอโทษฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จริง ๆ ฉันไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ"
"ผมเจอเครื่องดักฟังแล้วก็รูปถ่ายในโทรศัพท์ที่ผู้หญิงคนนี้แอบถ่ายครับคุณโปรด"
ฉันมองไปที่หลักฐานในมือของคุณโปรด คลิปเสียงมันเป็นการสนทนาเกี่ยวกับรายได้และเงินปันผลส่วนแบ่งต่าง ๆ ผู้หญิงคนนี้อยู่ในชุดยูนิฟอร์มพนักงาน แสดงว่าเธอถูกส่งตัวเข้ามาสืบอะไรบางอย่าง
"จับยัยนี่แก้ผ้ากูจะค้นด้วยตัวกูเอง"
คุณโปรดดันตัวออกไปยืนด้านหลัง ผู้หญิงคนนั้นถูกจับขึงเนื้อตัวไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ ส่วนคุณโปรดถอดเข็มขัดควักเจ้าท่อนเอ็นขนาดใหญ่ออกมา นี่เขาจะแสดงหนังสดต่อหน้าอาเสี่ยอาซ้อทั้งหลาย
จริง ๆ ใช่ไหม
"ฉันขอตัวออกไปข้างนอกนะคะ"
"ไม่ได้ครับคุณเพลง ใครที่อยู่ในห้องนี้ถ้าออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณโปรดไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตครับ"
"บ้าชะมัด! ฉันสงสารผู้หญิงคนนั้น ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย!"
คุณดินไม่ตอบเอาแต่ก้มหน้า ฉันทนดูภาพนี้ไม่ได้จริง ๆ ผู้หญิงคนนั้นถูกคุณโปรดจับขาลากมากลางห้องท่ามกลางสายตาของทุกคน ถุงยางอนามัยถูกคุณโปรดสวมใส่ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เขาเตรียมคุกเข่าจับท่อนเอ็นจ่อเข้าที่กายสาว
"หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณโปรด! คุณมันไม่มีความเป็นคนเลยทำแบบนี้ได้ยังไง ถ้าผู้หญิงคนนี้ทำผิดคุณก็ลงโทษด้วยวิธีอื่นสิ การที่คุณข่มขืนผู้หญิงคนนี้มันผิดนะ!"
"แล้วอะไรคือความถูกต้อง? เข้ามาสอดแนมมาสาระแนเรื่องของฉัน เธอคิดว่ามันถูกหรือไง!"
เหมือนคุณโปรดจะหันมาเล่นงานฉันแทน เขาเดินตรงเข้ามาหาฉันจนเจ้าท่อนเอ็นนั่นมันชี้หน้าฉันอยู่ แต่สิ่งที่มันทำให้ฉันตกใจคือ ทุกคนในห้องนี้ไม่มีใครตกใจหรือรู้สึกสะอิดสะเอียนเลย บางคนยังนั่งคุยกันปกติ บางคนก็นั่งมองเหมือนมันเป็นเรื่องที่พวกเขาพบเจอกันอยู่บ่อยครั้ง
"คุณจะทำอะไรปล่อยฉันนะ!"