ภัทรและธิศกินเสร็จแล้วก็เดินออกไปจากโรงอาหารทันที ไม่นานเขาก็เห็นเธอเดินมาสั่งของหวานที่ร้านน้ำแข็งไสตรงหน้าส่วนเขาก็เดินไปสั่งข้าวแกงร้านข้าง ๆ เมื่อเธอเดินกลับไปนั่งที่เดิมเขาจึงเดินตามเธอไปนั่งตรงข้าม มิวถึงกับตกใจเมื่อหันไปมองและเห็นว่าเพื่อนของเขาไปหมดแล้ว
“ไม่ต้องมองพวกมันไปหมดแล้ว”
“แล้วทำไมต้องมานั่งที่นี่ล่ะคะ”
“ก็อยากนั่ง มีเรื่องจะคุยด้วย”
“อะไรคะ”
“มิวทำพี่เป็นแผล คิดว่าอีกนานคงจะหายดังนั้นคงต้องรับผิดชอบสักหน่อย”
“อะไรนะคะ ก็มิว….”
เธอลดเสียงลงเมื่อหลาย ๆ คนเริ่มมองมาที่เธอ ทุกคนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมภาวินทร์หนุ่มสุดหล่อคณะวิศวะที่สาว ๆ เฝ้าฝันว่าอยากจะกินข้าวกับเขาสักมื้อ ทำไมถึงต้องไปเลือกนั่งกับคนหน้าตาเฉิ่มแว่นหนาอย่างมิวคณะพยาบาล คนที่จืดชืดเหมือนกับกาแฟเย็นที่น้ำแข็งละลายผสมจนหมดรสชาติแบบนั้น
“เบาหน่อยสิ แต่ว่าพี่ต้องใช้นิ้วมือในการทำโปรเจคแต่ตอนนี้มันบาดเจ็บดังนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่มิวที่จะต้อง…”
“อะไรนะคะ เดี๋ยวก่อนนะคะแค่หน้าที่แม่บ้านสามวันต่อสัปดาห์…”
"ทุกวันพุธและวันศุกร์ไม่ต้องทำความสะอาด ทำแค่วันจันทร์วันเดียวพอ"
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะว่าพี่มีงานอื่นให้ทำ”
“งานอะไร ถ้า…”
“ไม่มีอะไรก็แค่ให้ช่วยพิมพ์งานและรวมเล่มโปรเจคจบน่ะ”
มิวขมวดคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย ภาวินทร์พึ่งจะสังเกตว่าเธอทำหน้าแบบนี้ถ้าหากว่าดึงแว่นหนา ๆ นั่นออกก็น่ารักจนทำให้หัวใจเขาเริ่มมีปฏิกิริยาอย่างที่ไม่ควรเป็นมาก่อน โดยเฉพาะกับคนจืดชืดอย่างลักษิกา
“พิมพ์งาน เข้าเล่ม”
“ใช่”
“แค่นี้เหรอคะ”
“ใช่ เบากว่างานแม่บ้านด้วยว่ายังไง”
“ตกลงค่ะ แล้วมิวจะเริ่มทำได้ยังไง”
“กินข้าวเสร็จค่อยว่ากัน”
“ค่ะ”
เขาหันไปมองของหวานที่เธอกินจนมิวหันมามองเขา
“พี่วินทร์อยากจะลองกินหน่อยไหมคะ”
“พี่ไม่ค่อยชอบของหวาน”
“แต่ที่นี่ไม่หวานมากหรอกค่ะ ก็แค่เม็ดบัวถั่วแดงใส่น้ำแข็งกินแล้วสดชื่นดี”
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ได้เดี๋ยว...”
“ไม่ต้องค่ะเดี๋ยวมิวไปซื้อให้ถ้าพี่วินไปรับรองว่าได้ถั่วแดงน้อยแน่ ๆ”
“หา? แบบนี้ก็ได้เหรอ”
ไม่นานมิวก็กลับมาพร้อมกับชามของหวานที่ภาวินทร์ไม่เคยลองกินมาก่อน แต่เพราะเห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อยจึงนึกอยากจะลองบ้างในวันที่อากาศร้อน ๆ แบบนี้
“ลองชิมดูสิคะ”
“เอ่อ อ้อ ได้สิ”
เขาค่อย ๆ คนให้ละเอียดและเริ่มตักมากินคำแรกส่วนเธอหันไปกินชามของตัวเองแล้ว แค่คำแรกเขาก็รู้สึกว่าของหวานที่เขาไม่เคยชอบนี้กลับอร่อยมากอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่นานคนที่นั่งตรงข้ามก็ยิ้มออกมา
“อร่อยใช่ไหมคะ”
“อื้ม อร่อยมากเลย”
มิวยิ้มให้ก่อนจะเก็บจานของเขาและเธอรวมกันและนำไปเก็บ ภาวินทร์นั่งกินของหวานเมื่อเธอเก็บจานชามที่กินแล้วไปให้แม่บ้านที่เหมือนจะสนิทกัน
“เดี๋ยวป้าไปเก็บเองก็ได้หนูมิวน่ารักตลอดเลย วันก่อนขอบใจมากนะ ยาที่ให้มาใช้ดีมากเลย”
"ไม่เป็นไรค่ะป้าสาย มิวไปก่อนนะคะ"
“จ้า”
เมื่อเธอเดินกลับมาเขาก็กินเกือบจะหมดแล้ว มิวดึงกระดาษทิชชูส่งมาให้เขาและชี้ไปที่มุมปากที่มีเศษถั่วแดงติดอยู่
“อร่อยมากเลยเหรอคะ”
“อืม อร่อยมากไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อนเลย”
“มิวเก็บชามไปนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวก็มีคนมาเก็บรีบไปเถอะ พี่ต้องรีบหาหนังสือที่ไอ้กรมันฝากมายืมแล้วจะได้คุยรายละเอียดงานด้วย”
“อ้อ ก็ได้ค่ะ”
วันนั้นเขาได้อยู่กับมิวทั้งวันจนเริ่มรู้สึกว่าชีวิตของมิวในแต่ละวันแทบจะไม่ว่างคิดเรื่องอื่นเลย อีกอย่างทั้งเจ้าหน้าที่และอาจารย์แม้แต่คณะอื่นก็รู้จักเธอเป็นอย่างดีจนเขานึกชื่นชมอยู่ไม่น้อย
“เล่มสุดท้ายน่าจะอยู่ตรงนี้ พี่วินทร์”
“รู้แล้ว ๆ นอกจากจะขี้ตกใจเหมือนลูกแกะแล้วยังเตี้ยอีก”
“พี่วินทร์!!”
“ก็ได้ ๆ ไม่เตี้ยหรอกพี่แค่สูงร้อยแปดสิบเจ็ดเองก็เลยสูงกว่า เจอแล้ว”
เมื่อนำหนังสือลงมาได้มิวก็หันมาพอดี หน้าของเธอชนเข้ากับอกของเขาพอดี เสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ตรงหน้าทำเอาเธอหน้าแดงเพราะว่ามันเต้นแรงพอ ๆ กับใจของเธอที่หวังว่าคนสูง ๆ อย่างเขาจะไม่ได้ยิน
ภาวินทร์รู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเมื่ออยู่กับมิว เพราะแรกเริ่มคิดจะแก้แค้นและหลอกใช้งานเธอแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่เริ่มใจสั่นเสียเอง
“บอกแล้วว่าพี่สูงกว่ามิว เป็นไงล่ะสูงยังไม่พ้นไหล่พี่เลยยังจะไม่ยอมรับว่าเตี้ยอีก”
“มิว… ขอตัวก่อน”
เธอรีบเดินออกจากนั้นหนังสือทันที เขาทันเห็นหน้าแดงจัดของเธออีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าเธอจะน่ารักขนาดนี้และนับวันที่ได้พบก็จะน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ เขาคุยเรื่องโปรเจคให้เธอฟังและรายงานที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้ให้เธออ่านดู
“อืม ถ้าแบบนี้มิวว่าควรจะต้องสรุปแล้วแยกส่วนออกมา ทำเป็นรายงานที่อธิบายเพื่อจะได้ใช้เวลานำเสนอกับชาร์ตและภาพประกอบ ที่จริงคณะวิศวะน่าจะมีคนทำแบบทรีดีเป็น ถ้าทำแบบนั้นคิดว่าจะเห็นภาพง่ายขึ้น”
“อืม เข้าท่านี่ยัยลูกแกะ ช่วยได้เยอะเลยงั้นก็เอาตามนี้ อ้อจริงสิเรื่องงานพิมพ์น่าจะยังไม่เริ่มเร็ว ๆ นี้คงต้องทำพวกโครงสร้างและเอกสารที่จะนำเสนอก่อนเอาไว้พี่จะมาแจ้งความคืบหน้า”
“ค่ะ”
“แย่จริงจะสองทุ่มแล้ว รีบกลับเถอะหอสมุดจะปิดแล้วนี่”
“อะไรนะคะสองทุ่มแล้วเหรอ อ้อแต่วันนี้วันพุธ โล่งอก”
“พี่เดินไปส่ง”
“แต่ว่า…”
“กลัวเป็นข่าวกับพี่เหรอ”
“ไม่อยากโดนถามมากต่างหาก”
“ก็ได้งั้นนั่งรถไป”
“นั่นมัน…”
“เรื่องมากจริง”
“มิว! กลับบ้านกัน”
“แยม มาได้ยังไงน่ะ”
“เราจะกลับหอพอดีไปพร้อมกัน…เลยไหม”
แยมหันมามองคนที่หอบหนังสือในชุดเสื้อชอปสีแดงคณะวิศวะ ถ้าเป็นคนอื่นเธอจะไม่ตกใจแต่นี่เขาคือ “ภาวินทร์” หนุ่มสุดฮอตในหมู่สาว ๆ ไม่ใช่เหรอ
“เอ่อ…ฉันมาผิดเวลาหรือเปล่าให้ฉันกลับก่อนก็ได้นะ”
“ไม่ ๆ ๆ กลับพร้อมกันเถอะ พี่วินทร์คะเอาเป็นว่า…เจอกันใหม่นะคะ”
“ก็ได้ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกัน"
"ค่ะ”
เมื่อภาวินทร์เดินแยกออกไปแล้วแยมจึงรีบเดินมาเขย่าแขนเธอด้วยความอยากรู้ วันนี้แยมคงไปที่โรงพยาบาลมาเพราะพวกเธอต้องผลัดกันไปฝึกงานที่นั่นเพื่อเก็บคะแนน
“มิวนี่แกไปญาติดีกับพี่วินทร์คณะวิศวะนั่นได้ยังไง ไหนก่อนหน้านี้ยังทะเลาะกันหน้าตึกวิศวะจนเป็นข่าวใหญ่อยู่พักหนึ่งเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้กลับมาพูดดีกันได้ล่ะ”
“เรื่องมันยาวนะ รีบกลับหอเถอะฉันจะเล่าให้ฟัง”
“อะไรกัน ก็ได้ ๆ รีบกลับเถอะหาข้าวกินก่อนนะฉันหิวมากเลยวันนี้ที่โรงพยาบาลคนเยอะมากเลย”
“ก็ได้ ๆ”
พวกเธอเดินกลับหอพักที่อยู่ไม่ไกลจากหน้ามหาลัย ก่อนจะกลับเข้าไปก็แวะทานข้าวก่อน เมื่อกลับมาที่ห้องมิวก็เริ่มเล่าเรื่องที่เขาพบกับภาวินทร์ในผับให้เพื่อนสนิทฟัง แยมตกใจจนพูดไม่ออกและมิวก็เล่าเรื่องต่อจากนั้นจนลงท้ายที่เธอต้องช่วยเขาพิมพ์เล่มโปรเจค
“นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะนี่ พวกเพื่อน ๆ ของเขาล้อเลียนและแซวแกมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับจะมาช่วยพวกบ้านั่นทำโปรเจคเพื่อเรียนจบเนี่ยนะ”
“โชคร้ายของฉันที่ดันไปเจอเขาที่ผับ จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะค่ารักษาของยายก็ใกล้จะมาอีกแล้ว หากครั้งนี้ไม่ผ่าตัดคงจะไม่มีทางรักษาแล้ว ฉันเลยจำเป็นต้องรับทุกเงื่อนไขที่พี่วินทร์เสนอมา”