“.....” ทั้งเชอรีนและเพียวต่างก็เลือกที่จะเงียบเป็นผู้รับฟังที่ดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าใจหายมากสำหรับเด็กอย่างพวกเราๆและมันก็ค่อนข้างที่จะละเอียดอ่อนมากด้วย
“ต่างคนก็ต่างที่จะมีครอบครัวใหม่ แม่ได้สามีใหม่เป็นนักธุรกิจชาวต่างประเทศและท่านต้องย้ายตามสามีไปใช้ชีวิตที่นั่น ส่วนพ่อก็กำลังเริ่มคบหาดูใจกับผู้หญิงคนใหม่แล้วเธอคนนั้นยังมีลูกติดแล้วด้วยนะ และไม่รู้ว่าพ่อจะยังรักฉันอีกหรือเปล่าเพราะได้ยินมาว่าลูกติดของผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้ชายแล้วพ่อก็ชอบเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงอย่างฉันด้วย”
“ฉันเครียดๆน่ะแต่ก็เข้าใจพวกท่านดีเพราะว่าพวกเขาก็แยกกันอยู่มาสักพักแล้ว เฮ้อ~” เสียงถอนหายที่ดังขึ้นหลังจบประโยค เชอรีนกับเพียวเข้าใจได้ในทันทีว่าเพื่อนของเธอคงกลัวพ่อตัวเองรักลูก(ผู้ชาย)คนอื่นมากกว่าเธอแน่ สิ้นคำพูดของไอรีนทั้งเพียวและเชอรีนต่างก็พากันปลอบโยนไอรีน
“ไม่เป็นอะไรนะ! แกยังมีฉันกับยัยเชออยู่ พวกเราจะคอยอยู่ข้างๆแกเอง” เพียวโอบกอดเพื่อนรักเข้าหาตัวพลางลูบหลังปลอบใจเธอ ไม่ว่ายังไงตรงนี้ก็ยังมีคนที่รักและพร้อมที่จะซัพพอร์ตเธออยู่ถึงสองคน มือเล็กของไอรีนยกขึ้นกอดรัดเพียวกลับไปแววตาของไอรีนเต็มไปด้วยหยดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา รู้สึกขอบคุณเพื่อนรักทั้งสองมากที่ช่วยกันปลอบเธอให้รู้สึกดีขึ้น
“อื้ม ขอบใจมากนะแต่ก็อดที่จะใจหวิวๆไม่ได้อยู่ดี ก็นะเคยอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดแล้วตอนนี้ต้องมาแยกจากกัน แม่ก็ชวนให้ฉันไปอยู่กับท่านนั่นแหละแต่ฉันเองที่ไม่อยากไปทำใจทิ้งพ่อไว้ไม่ได้”
ซึ่งเรื่องราวของไอรีนทำเชอรีนและเพียวต่างก็พากันเศร้าไปตามๆเธอ พวกเราก็พึ่งจะอายุแค่นี้เองแล้วทำไมถึงต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ทั้งพ่อแม่อันเป็นที่รักเลิกราหย่าร้างกันแล้วไหนจะเรื่องแม่ที่จะต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศอีก
มือเล็กกอบกุมมือเพื่อนรักด้วยความห่วงใยพลางเริ่มปลอบโยนไอรีนด้วยคำพูดที่แสนห่วงหา ขอให้ไอรีนรู้ไว้เลยว่าพวกเธอนั้นพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างแบบนี้ตลอดไป
“ไอรีนของเราทำดีแล้วอยู่ที่นี้ด้วยกันนั่นแหละดีที่สุด ฉันกับเพียวรักแกมากนะแล้วก็..พ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูกของตัวเองกันทั้งนั้นไม่มีหรอกที่ได้ลูกใหม่แล้วจะลืมลูกคนเก่าน่ะ แต่ไม่ว่ายังไงถ้าแกรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ให้นึกถึงแม่หรือไม่ก็นึกถึงพวกฉันทั้งสองคนนะ โทรหากันได้ตลอดแกก็รู้นี่~”
และเหมือนคำพูดปลอบโยนเหล่านี้คงจะเริ่มแทรกซึมเข้ามาในหัวสมองของคนที่ยังคงเศร้า ใบหน้าสวยเริ่มยิ้มขึ้นได้เพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนรักที่แสนดีอยู่ตรงนี้ถึง 2คนแล้วเธอจะมัวมานั่งเครียดอยู่ทำไมใครไม่รักช่างเขา มีเพื่อนรักก็เพียงพอแล้ว
“อืม จริงด้วยฉันไม่น่ามานั่งเครียดไปกับอะไรแบบนี้เลย ไปเข้าแถวกันเถอะฉันดีขึ้นมากแล้ว”
พวกเธอทั้งสามลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมที่จะเดินไปยังลานกิจกรรมหน้าเสาธง
.
.
ตกตอนเย็นหลังเลิกเรียนไอรีนได้นั่งแท็กซี่ไปลงยังห้างสรรพสินค้าก่อนที่จะเข้าบ้าน เธออยากใช้เวลานี้เดินไปเรื่อยๆ หาความสุขการเดินมองดูข้าวของเครื่องใช้ต่างๆไปเรื่อย หิวก็แวะซื้อหาของกินอร่อยๆ
ครืด~
เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวดังขึ้น มือเล็กล้วงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ปรากฏว่าบุคคลที่ส่งข้อความเข้ามาก็คือเพื่อนของเธอนั่นแหละ
ไลน์
เพียว : ฉันถึงบ้านแล้ว
เชอรีน : เราก็ด้วยถึงบ้านแล้ว ไอรีนล่ะ
ไอรีน : ฉันยังเลยแวะเดินห้างหาของกินอยู่เลย
เชอรีน : โอเค รีบๆกลับบ้านด้วยเข้าใจไหม
ไอรีน : รับทราบค่ะคุณแม่ 555
เชอรีน : ชิ
เพียว : งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนน้าทุกคน
ไอรีน : โอเลยเลย แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวหาของกินก่อน
และในขณะที่ไอรีนกำลังขะมักเขม้นตอบกลับเพื่อนของเธออยู่นั้น เธอก็ได้ชนเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าอย่างจังจนทั้งเธอและเขาต่างก็ล้มลงไปนั่งกองกับพื้นห้างที่แสนเย็นเฉียบ
“อะ ขอโทษด้วยนะคะ” เธอตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะขอโทษเขา
“เดินให้มันดีๆหัดดูคนอื่นเขาบ้างอย่ามัวแต่ก้มหน้าเล่นมือถือ” แต่ทว่าบุคคลที่เธอได้ชนนั้นกลับพูดจาหมาไม่แดกกลับมา หญิงสาวขมวดคิ้ว เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องว่ากล่าวกันแรงๆขนาดนี้เชียวเหรอ เธอเงยหน้ามองไปยังไอ้ผู้ชายคนนั้นที่มันปากดีเหลือร้าย
ซึ่งทันทีที่มองไปเธอก็พบว่าคนที่เธอเดินชนนั้นเป็นเพียงแค่เด็กมัธยมต้นและดูจากดาวที่ปักอยู่ตรงปกเสื้อนักเรียนบ่งบอกได้เลยว่าเขาอยู่เพียงแค่ชั้นม.3เท่านั้น โถ่! ไอ้เด็กนี่อายุก็แค่นี้ริอ่านมาว่าคนที่โตกว่าได้ยังไงแต่จะว่าไปรูปร่างของไอ้เด็กบ้านี่ก็เหมือนเด็กมัธยมปลายได้อยู่นะ
แต่ช่างเถอะแค่จะบอกว่าเด็กสมัยนี้โตเร็วกันจังและแถมปากก็ยังดีมากอีกด้วย มาก..ถึงขั้นมีหมาอยู่ในปาก
“นี่น้องพี่ก็ขอโทษไปแล้ว น้องจะเอายังไงอีก” เธอลุกขึ้นยืนมือยกขึ้นกอดอก ตามองจ้องไปยังไอ้เด็กผู้ชายตรงหน้าด้วยความพยายามสกัดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง เด็กผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นยืน สายตาของเขาที่มองไปยังไอรีนมันช่างดูว่างเปล่าจนเธอรู้สึกได้ ไม่รู้ว่าภายในหัวสมองของเด็กนี่จะคิดอะไรบ้างหรือเปล่า
“ก็ไม่ได้จะเอายังไง ก็แค่อยากเตือนว่าอย่าเล่นมือถือมากไป จนชนคนอื่นเขาแบบนี้อีก” เสียงเรียบเอ่ยบอกหญิงสาวรุ่นพี่ตรงหน้า ไอรีนถอนหายใจทันที ไอ้เด็กนี่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ
แล้วจะไม่เลิกพูดแบบนี้ใช่ไหม ไม่เห็นหรือไงว่าเธอน่ะอายุมากกว่าอีกนะ ความเคารพในตัวรุ่นพี่ไม่มีเอาซะเลย ไอรีนเดินสาวเท้าเข้าไปหาไอ้เด็กบ้านั่นในเมื่อมันไม่เคารพรุ่นพี่อย่างเธองั้นเธอก็จะไม่ยอมมันเช่นกัน
“ถึงพี่จะผิดจริงแต่ยังไงน้องก็ไม่ควรพูดจาแข็งกระด้างแบบนี้กับรุ่นพี่นะ!!” เธอโกรธจนฉุนขาดแต่คนที่กำลังโดนเธอด่ากลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
“แล้วไง” เมื่อพูดเสร็จเด็กหนุ่มรุ่นน้องก็หันหลังเดินออกไปจากตรงนี้ทันที ทิ้งไอรีนให้อยู่กับความรุ่มร้อนที่มี ไอ้เด็กบ้านี่มันมีสิทธิ์อะไรมาพูดทิ้งท้ายไว้แบบนี้แล้วเดินจากไป มือเล็กกำหมัดแน่นพร้อมทั้งตะโกนออกไปสุดเสียง
“ฮึ่ยไอ้เด็กบ้าอย่าให้เจออีกนะแม่จะด่าให้ยันพ่อเลย!!”
เด็กหนุ่มหันมามองสบตาเธอเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังกลับไปแล้วสาวเท้าเดินจากไปทันที
“ไอ้เด็กประสาทเสีย!!”
บ้านกิตรัตนสกุลชัย
“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงทุ้มเข้มของพ่อดังขึ้นหลังจากที่ไอรีนก้าวเท้าเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ เธอหยุดยืนนิ่งส่งเสียงตอบกลับไปอย่างอยากจะรู้นักว่าพ่อของเธอจะพูดอะไร
“ค่ะ”
“เข้ามาหาพ่อในห้องรับแขกหน่อย” ที่แท้ก็ให้เข้าไปหาในห้องรับแขกนี่เองว่าแต่มีธุระอะไรหรือเปล่าแล้วทำไมเสียงต้องเข้มแบบนั้นด้วยเธอน่ะไม่เข้าใจเลยสักนิดหรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่ใช่ลูกผู้ชายหรือเปล่า
สองเท้าเล็กเดินก้าวเข้ามาในห้องรับแขกและจังหวะนั้นเธอก็ได้พบเข้ากับผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาสวยผิวพรรณดีคนหนึ่งเข้าอย่างจังหรือเธอคนนี้อาจจะเป็นผู้หญิงคนใหม่ของพ่อกันนะ
“มีอะไรเหรอคะ” ริมฝีปากบางเอ่ยถามออกไปสายตาคมมองไปยังผู้หญิงคนนั้นด้วยความสงสัยและพ่อคงเห็นว่าเธอเอาแต่มอง ท่านจึงเริ่มแนะนำผู้หญิงคนนั้น สองมือหนาเอื้อมไปจับมือเล็กของเธอคนนั้นโดยที่เธอคนนั้นก็เลือกที่จะสบตาพ่อและคลี่ยิ้มออกมา
ซึ่งมันเป็นภาพที่แบบ ชิ รักกันมากเลยเนอะ!!