บทที่ 1-2

1299 คำ
ประกายดาวค่อยๆ ขยับตัว หญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายของตนหนักอึ้งโดยเฉพาะบริเวณศีรษะ รู้สึกปวดขมับตุบๆ จนไม่อาจลืมตาขึ้นมาได้ในทันที หญิงสาวพยายามกะพริบตาถี่ๆ ติดกันอยู่หลายครั้งจนกระทั่งเปิดเปลือกตาทั้งสองข้างขึ้นมาได้ เพดานห้องที่ไม่คุ้นตาทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ก่อนจะกวาดสายตามองบริเวณโดยรอบอย่างตื่นตระหนก ร่างแบบบางค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่ง หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนบนเตียงไม้แบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงตากลมโตราวลูกกวางก้มลงสำรวจร่างกายของตัวเอง ความประหวั่นพรั่นพรึงก่อตัวขึ้นทันทีเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่กำลังสวมใส่ดูแปลกตาไป ชุดที่ประกายดาวสวมใส่เป็นผ้าไหมแพรต่วนสีกลีบดอกบัว ไม่ว่าจะมองอย่างไรหญิงสาวก็คิดว่ามันคือชุดจีนโบราณที่นักแสดงมักจะสวมใส่ในหนังย้อนยุคจำพวกหนังกำลังภายในอะไรแบบนั้น หญิงสาวยังไม่ทันคิดออกว่าเสื้อผ้าแบบนี้มาอยู่บนตัวของเธอได้อย่างไร เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น “คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ” ประกายดาวหันไปทางต้นเสียง เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนเชื้อชาติเดียวกับเธอแน่ หญิงสาวคนดังกล่าวสวมชุดสีเขียวอ่อน คล้ายพวกนางกำนัลในวังหลวงของยุคจีนโบราณอย่างไรอย่างนั้น และภาษาที่ใช้พูดก็คือภาษาจีน น่าแปลกที่เธอไม่เคยเรียนรู้มันมาก่อน แต่ทว่ากลับฟังออกราวกับเป็นเจ้าของภาษาเสียเอง หญิงสาวจึงลองโต้ตอบกลับไป “เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูอย่างนั้นรึ” เป็นอีกครั้งที่ประกายดาวตื่นตระหนก เพราะในใจของหญิงสาวคิดคำพูดที่เป็นภาษาบ้านเกิด แต่ทว่าเสียงที่เปล่งออกไปนั้นนอกจากจะไม่ใช่เสียงของเธอแล้ว สำนวนภาษาก็ยังเป็นภาษาจีนอีกด้วย “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูคือคุณหนูเหอลี่หมิง แห่งบ้านตระกูลเหออย่างไรเจ้าคะ” สีหน้าของเซี่ยเถิงเกาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีแปลกๆ ของเหอลี่หมิง แต่ทว่าก็มิกล้าเอ่ยหรือแสดงท่าทีใดๆ ออกมา ทำเพียงก้มหน้าลงต่ำ มือทั้งสองประสานกันไว้อย่างนอบน้อมเพื่อคอยรับใช้คนเป็นนาย นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ประกายดาวได้แต่ครุ่นคิดในใจ แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ความทรงจำสุดท้ายของเธอนั่นก็คือตอนที่เธอกระโดดน้ำลงไปช่วยเด็กสาวคนหนึ่งจากการตกน้ำ แต่ทว่าหลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย “เจ้าชื่ออะไร” เซี่ยเถิงเกาเหลือบสายตามองเจ้าของคำถามอยู่ชั่วครู่อย่างประหลาดใจ ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วตอบคำถามดังกล่าว ดูท่าแล้วคุณหนูของนางคงจะเสียความทรงจำไปแล้วกระมัง “ข้าชื่อเถิงเกา เป็นคนรับใช้คนสนิทของคุณหนูเจ้าค่ะ” ยามที่สาวใช้นามว่าเซี่ยเถิงเกาตอบคำถาม ประกายดาวในร่าง เหอลี่หมิงก็จิกเล็บลงบนแขนข้างหนึ่ง เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้ฝันไป และมันก็เป็นการยืนยันที่แจ่มชัดเพราะหญิงสาวรู้สึกเจ็บจนต้องสูดปาก เซี่ยเถิงเกาลอบมองอาการประหลาดของเหอลี่หมิง แต่เพียงแวบหนึ่งแล้วนางก็ก้มหน้าก้มตาลงเพื่อรอคอยคำสั่งอย่างนอบน้อมเช่นเดิม ประกายดาวครุ่นคิดจนปวดศีรษะ คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกมาเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทำให้หญิงสาวนึกย้อนไปถึงตอนที่อ่านนิยายจีนโบราณย้อนยุค เป็นต้นว่านางเอกย้อนอดีตไปเจอกับพระเอกที่ไม่เป็นแม่ทัพก็มักจะเป็นฮ่องเต้อะไรแบบนั้น แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน แล้วเธอจะหาทางกลับไปโลกเดิมของเธอได้อย่างไรกัน เมื่อปลงไม่ตกประกายดาวหรือเหอลี่หมิงจึงหันไปถามเซี่ยเถิงเกา “เจ้าช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่สบายเนื้อตัวเช่นนี้” เหอลี่หมิงรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัว อาการคล้ายกำลังจะจับไข้ จึงสอบถามให้ทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าของร่างเดิมต้องเป็นเช่นนี้ “ข้ามิทราบว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ ข้าพบคุณหนูนอนหมดสติอยู่ที่ริมน้ำหลังเรือนเจ้าค่ะ” คำตอบของเซี่ยเถิงเกาไม่ได้ช่วยให้ความกระจ่างได้มากนัก ประกายดาวในร่างเหอลี่หมิงได้แต่เดาไปต่างๆ นาๆ ประเด็นที่คิดถึงมีอยู่ไม่กี่ประเด็น ประเด็นแรกเหอลี่หมิงอาจจะไปเล่นน้ำที่หลังเรือนแล้วเกิดพลัดตกลงไปในน้ำ ประเด็นที่สองนางตั้งใจจะปลิดชีพของตัวเอง ประเด็นที่สามคือนางถูกลอบทำร้าย ซึ่งประเด็นสุดท้ายทำให้ประกายดาวในร่างเหอลี่หมิงขนลุกไปทั้งร่าง ถ้าเจ้าของร่างเดิมถูกลอบทำร้ายจริง แล้วกลับยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ คนร้ายจะไม่ลอบมาทำร้ายอีกอย่างนั้นหรือ เหอลี่หมิงผ่อนลมหายใจอย่างจำนนในชะตากรรม ก็ดีเหมือนกัน ถ้านางโดนลอบทำร้ายแล้ววิญญาณหลุดออกจากร่างอาจจะได้กลับไปยังที่ที่จากมา แต่ถ้าวิญญาณหลุดออกจากร่างแล้วกลับเข้าร่างเดิมและร่างนี้ไม่ได้อีกเลยล่ะ แววตากลมโตดุจกวางสาวฉายแววหวาดหวั่น ไม่ได้ ถ้าพลาดจากร่างนี้ นางอาจไม่ได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไม่ว่าต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร นางก็จะปกป้องร่างนี้เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตนางด้วย “คือข้าจำอะไรมิได้เลย เจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ว่าข้าเป็นใคร มาจากที่ใด แล้วข้ามาทำอะไรที่นี่” “ได้เจ้าค่ะ” หลังจากที่ได้ฟังความจากเซี่ยเถิงเกา ทำให้เหอลี่หมิงทราบว่า ตนนั้นอยู่ในราชวงศ์ซิ่น รัชสมัยฉินซวี่หนานที่สิบเอ็ด แผ่นดินที่นางอยู่ในตอนนี้เรียกว่าแคว้นหนาน ตอนนี้นางอาศัยอยู่เรือนทิศตะวันออก ภายในอาณาเขตจวนท่านแม่ทัพนามว่าหวงจิงฝู นางเป็นภรรยาของหวงเสี่ยวฉี บุตรชายคนที่สี่ของตระกูลหวง และเป็นบุตรีของคหบดีที่มีฐานะพอสมควร ชีวิตของเหอลี่หมิงดูเพียบพร้อม ถ้าไม่ติดคำพูดสุดท้ายที่ออกมาจากปากของเซี่ยเถิงเกา “คุณหนูกับคุณชายสี่กำลังจะหย่ากันเจ้าค่ะ” นี่สินะคือสาเหตุที่ทำให้เจ้าของร่างตัดสินใจปลิดชีพตนเอง เพราะไม่เป็นที่ต้องการของสามีนั่นเอง เช่นนั้นแล้ว นางจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่นางไม่รู้จักใครเลยได้อย่างไรกัน นางควรขอความเมตตาจากคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเจ้าของร่างนี้ดีหรือไม่จังหวะที่นางยังคิดไม่ตก เสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ทำให้ เหอลี่หมิงช้อนสายตาขึ้นมอง บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้างดงามราวเทพเซียนสาวเท้ามาหยุดตรงหน้านาง เดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาต้องเป็นหวงเสี่ยวฉี สามีของเหอลี่หมิง อีกบุคคลที่อยู่เยื้องไปทางด้านหลังก็น่าจะเป็นจินชุ่ยเวยคนสนิทที่คอยตามติดรับใช้ไม่ห่างกาย ตามที่เซี่ยเถิงเกาถ่ายทอดเรื่องราวให้นางได้ฟัง ก่อนที่เจ้าของร่างสูงสง่าจะยกยิ้มมุมปากราวกับพึงพอใจอะไรบางอย่าง “เจ้าฟื้นก็ดีแล้ว” “...” “จะได้ลงนามในหนังสือหย่าให้ข้าเสียที”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม