5 มาเฟียใจปลาซิว

1619 คำ
@ห้องผ่าตัด ชินกรถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาตีสาม ทั้งอ่อนเพลียเพราะง่วง และปวดแผล ร่างสูงจำใจนอนลงบนเตียงคนไข้แต่โดยดี ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ สิ่งเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกกลัว ชีวิตเขาในตอนนี้มีแต่คนที่ไว้ใจไม่ได้เต็มไปหมด อย่างเช่นตอนนี้ ก็ไม่อาจไว้วางใจใครได้ แม้กระทั่งหมอตัวเล็ก ๆ ที่ปากร้ายอย่างเธอ ถึงแม้จะผ่าตัดบ่อย แต่เขาก็เป็นจำพวกใจปลาซิวกลัวเข็มจนแทบบ้าตั้งแต่เด็ก เวลาฉีดยา ทุกคนรู้ว่าเขาต้องหลับก่อนเท่านั้น ไม่เคยโดนฉีดทั้งที่ยังมีสติอยู่ วันนี้คงเป็นครั้งแรกในชีวิต “พร้อมนะ” “จะ...จะทำอะไร” เมื่อเห็นว่ายัยหมอตัวแสบ กำลังจะฉีดยาให้ คนตัวโตก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ฉีดยาชาไง ฉันดูแล้ว ฉีดยาชากับยาแก้ปวดหน่อย แล้วค่อยผ่าตัดเอากระสุนออก เพราะไม่ลึกมาก ผ่าตัดแล้วทำแผลนิดหน่อย แค่นี้ก็น่าจะโอเค” “มะ...ไม่ ห้ามฉีดยา” “คะ?” หมอสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาช่างเป็นคนที่น่ารำคาญจริง ๆ “ไม่ได้ยินหรือไง ก็บอกแล้วไงว่าห้ามฉีดยา” “แล้วคุณไม่เจ็บหรือไง นี่ยาชา แล้วนี่ก็ยาแก้ปวด คุณจะได้บรรเทาอาการปวด จะผ่าตัดสดหรือไง” “ไม่เป็นไร!” เขาขึ้นเสียง “เป็น” พูดจบยาชาในมือก็ถูกฉีดเข้าที่แขนเขาในทันที โดยที่คนกลัวเข็มยังไม่ทันตั้งตัว “...” เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่โดนฉีดยา ทั้งที่ยังมีสติอยู่ ถ้าเป็นแบบนั้นก็เถอะ เขาแทบขยับตัวไปไหนไม่ได้ เนื่องจากอาการช็อก ก่อนจะหมดสติไป “คะ...คุณ” หมอสาวก็เรียกขึ้นด้วยความตกใจ โดนยิงขนาดนี้ไม่เป็นไร ต่อปากต่อคำกับเธอได้ตั้งนาน แต่พอเธอฉีดยาทำไมถึงเป็นลมได้แบบนี้ “คนไข้หมดสติไปแล้วค่ะหมอมิริน” ดาวก็พูดขึ้น ด้วยความตกใจ “เขาไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ผ่าตัดเลยดีกว่าดึกมากแล้ว จะได้พักผ่อนกันสักที” “คะ...ค่ะ” ‘ตัวโตเท่าควาย ไอ้มาเฟียใจปลาซิว’ แล้วภายในห้องผ่าตัดก็ดำเนินการต่อไปในทันที ด้วยความเก่งและความสามารถ ของหมอสาวผู้มากด้วยความชำนาญ ก็ผ่าตัดให้เขาจนลุล่วงไปได้ด้วยดี “เจ้านายผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” เมื่อหมอสาวคนสวยออกมาจากห้องผ่าตัด เหล่าบอดีการ์ดก็ถามขึ้นด้วยความร้อนรน “ตอนนี้เขายังไม่ฟื้นค่ะ แต่อาการไม่มีอะไรมาก พักรักษาตัวไม่กี่วัน ก็กลับบ้านได้” “ขอบคุณนะครับหมอ” “ค่ะ” ถึงแม้เธอจะรู้สึกเคืองใจอยู่ แต่ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พูดจบมาริกาก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันที เพราะเธอในตอนนี้ก็เหนื่อยล้ามากเหมือนกัน ไม่มีอะไรแล้วก็ถึงเวลาต้องพักผ่อนสักที “ถ้านายฟื้นขึ้นมา พวกเราจะซวยกันไหมวะเฮีย” “แล้วมึงคิดว่าไงล่ะ” เหล่าบอดีการ์ด ก็ต่างมองหน้ากันพร้อมกับถอนหายใจ ทำได้เพียงแต่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเท่านั้นแหละตอนนี้ วันต่อมา ร่างสูงลืมตาขึ้นมาในช่วงบ่ายของอีกวัน ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วห้อง ใช่ ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องพักฟื้น VVIP ของโรงพยาบาล พร้อมกับใส่ชุดคนไข้ เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน กรามแกร่งก็ขบแน่น เขาโดนลอบยิงจากพวกหมาลอบกัด ซ้ำไปกว่านั้นยังเจอยัยหมอปากดีคนนั้น เธอฉีดยาให้ จนภาพเมื่อคืนเลือนลางและตัดไป จำได้ว่าเขาไม่มีสติอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น เป็นแบบนี้มันอันตรายต่อชีวิตเขามาก “นะ...นายครับ” “ไอ้พวกเหี้ย!” เขาตวาดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “นะ...นายเจ็บแผลไหมครับ” “สัสเอ้ย!” เขาสบถออกมาด้วยความรู้สึกที่ขุ่นเคืองทั้งเจ็บแผล ทั้งเจ็บใจในเวลาเดียวกัน แม้จะรู้ว่าพวกมันคงไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปได้ง่าย ๆ แต่ด้วยความรู้สึกที่เสียหน้า จับตัวไอ้พวกนั้นไม่ได้แล้วยังมาเจ็บตัวอีก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “คนไข้ฟื้นแล้วเหรอครับ” เป็นหมอผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามา ดูอาการเขาพร้อมกับพยาบาลสาว “...” เขาเพียงเหลือบมอง ก็นึกว่าจะเป็นหมอผู้หญิงที่ผ่าตัดให้ เข้ามาเสียอีก “คนไข้ทานข้าวแล้วนอนพักนะครับ พยายามอย่าขยับตัว แล้วอย่ากดทับทางด้านที่มีแผล เดี๋ยวแผลจะอักเสบ” “ครับ” เขาเพียงแต่ตอบเสียงเรียบ ด้วยท่าทางของคนดื้อดึง “ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ” “เอ่อ หมอ” “ครับ?” “แล้วหมอผู้หญิงที่ผ่าตัดให้ผม เธอไปไหนแล้ว” เขาถามเสียงเรียบ ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงถามหาเธอ “...” ฉินกับวิทย์ก็หันมองหน้ากันทันที เจ้านายของพวกเขาสนใจใครแบบนี้ที่ไหน “อ่อ หมอมิรินใช่ไหมครับ ออกเวรไปแล้วครับ ก็เลยส่งต่อเคสคุณให้ผม” พูดจบ หมอคนนั้นกับพยาบาลก็เดินออกไปจากห้องทันที “นายหิวไหมครับ” “แดกไปเถอะพวกมึงอะ!” พูดจบก็พลิกตัวหันหลังให้ลูกน้องทันที ณ บ้านมาริกา หมอสาวกลับมาบ้านทันทีที่ออกเวร เป็นอีกวันที่เธอเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เนื่องจากติดผ่าตัดคนไข้หลายเคส ทั้งล่าสุดยังเป็นเคสฉุกเฉินที่น่าปวดหัวมากที่สุด “ป้าอร! ป้าอรคะ” “คะ คุณมิริน” แม่บ้านที่รู้ใจอย่างอิงอร ก็เดินออกมาจากครัวทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก “มิรินหาชุดนอนที่พึ่งซื้อมาไม่เจอค่ะ” “...” อิงอรได้แต่ถอนหายใจ เพราะจะเป็นแบบนี้เสมอ คนที่เก่งงานมักไม่เก่งเรื่องส่วนตัว เก็บอะไรไว้ตรงไหนก็มักจะลืม “ก็วางอยู่ข้างโต๊ะใกล้ลิ้นชักไงคะ” “มิรินหาแล้วค่ะ ไม่เจอ” “หาดีหรือยังคะ” อิงอรพูดพร้อมกับจ้องใบหน้าสวย ด้วยท่าทางที่เรียบนิ่ง “...” และเมื่อหาอีกครั้งก็เจอจริง ๆ “เจอไหมคะ” “เอ่อ...กะ ก็เจอค่ะ” “ก่อนจะถามหาอะไร ต้องดูให้ดีก่อนนะคะ” อิงอรพูดในเชิงตำหนิ “ก็ถ้ามีป้าอรอยู่แบบนี้ มิรินก็จะถามทุกอย่างแหละค่ะ” จะว่าไปคนที่ไม่มีแม่แล้วอย่างเธอ ก็เหมือนมีป้าอรมาช่วยเติมเต็ม เพราะป้าอรดูแลเธอได้ทุกอย่าง อย่างกับแม่คนหนึ่งที่ทำให้ลูก “ค่ะ” อิงอรได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าให้คุณหมอคนสวย ที่เธอดูแลทุกอย่างให้ จนจะเป็นลูกอยู่แล้ว “ขอโทษด้วยค่ะ เมื่อคืนติดเคสผ่าตัดมาเฟีย มิรินก็เลยหงุดหงิดนิดหน่อย” หมอสาวพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวอีก จนต้องให้หมอคนอื่นไปดูแลแทน “มาเฟีย?” “ใช่ค่ะ ไปโดนยิงมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ดูแล้วก็คงจะร้ายใช่เล่น คงโชคดีด้วยแหละ ที่ไม่เป็นอะไรมาก” “น่าสงสาร” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ ก็มีภาพเลือนลางที่เหมือนกับว่าตัวเอง เคยพบเจออะไรแบบนั้น อิงอรก็รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา “ไม่มีอะไรน่าสงสารเลยค่ะป้าอร ไอ้บ้านั่นนะ ร้ายยิ่งกว่าอะไร ไม่ตายก็คงเป็นบุญแล้ว” “คุณมิริน” อิงอรหันไปพูดเชิงตำหนิ “ก็มันจริงหนิคะ มาแล้วก็โวยวาย จะหาหมอกันต์อย่างเดียวเลย แล้วแอบอ้างด้วยนะว่าตัวเองเป็นเจ้าของโรงพยาบาล” “เจ้าของโรงพยาบาล?” “ค่ะ โวยวายว่าตัวเองเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่มิรินทำงานอยู่ แล้วก็ขู่จะไล่มิรินออก” “ทำไมถึงได้แอบอ้างแบบนั้นละคะ หรือเขาอาจจะเป็นเจ้าของโรงพยาบาลจริง ๆ” “เหอะ ไม่มีทางหรอกค่ะ เพราะเจ้าของโรงพยาบาลจริง ๆ คือหมอกันต์ มิรินรู้จักดี แล้วหุ้นส่วนใหญ่ ๆ ก็มีแค่เจ้าสัวกับภรรยาเจ้าสัวที่เป็นน้องชายกับน้องสะใภ้ของพ่อพี่หมอเท่านั้นแหละ” เพราะเจ้าของโรงพยาบาลคือหมอศัลยแพทย์หนุ่ม ที่เป็นว่าที่คู่หมั้นของเธอ และผู้ชายคนที่มาแอบอ้าง เธอก็ไม่เคยรู้จักเขาด้วย “มาเฟีย เจ้าของโรงพยาบาล เจ้าสัว ภรรยาเจ้าสัว” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ อิงอรก็ปวดหัวขึ้นมาทันที ภาพเลือนลางทับซ้อนขึ้นมาเรื่อย ๆ มันเหมือนทุกอย่าง คือสิ่งที่เธอเคยรู้จัก “ป้าอร เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เมื่อเห็นแบบนั้นหมอสาวก็ตกใจ “ปะ...เปล่าค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วป้าขอตัวก่อนนะคะ” “ไม่เป็นอะไรแน่นะคะ ให้มิรินตรวจให้ก่อนไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ ป้าไม่เป็นไร” อิงอรหายใจเหนื่อยหอบ ก่อนจะปรับลมหายใจให้เป็นปกติ แล้วรีบเดินออกจากบ้านมาริกาไป เกิดอะไรขึ้นกับเธออีกแล้วก็ไม่รู้ ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาเริ่มชัดเจนขึ้น ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ตัวตนของตัวเอง มันเหมือนสมองต่อต้านอยู่ตลอดเวลา ว่ายังไม่อยากให้ยอมรับอะไร นอกจากความเป็นจริงในตอนนี้ “ป้าอร” มาริกาที่เห็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ก็ได้แต่มองด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม