ตอนที่ 12 อมพะนำ

2181 คำ
กึกกัก! กึกกัก! กึกกัก! เสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้นต่อเนื่องเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เมื่อหมอกเลือกออกกำลังกายด้วยท่า Machine Pec Fly ซึ่งเป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อหน้าอก ท่านี้จะเป็นการยืด และบีบกล้ามเนื้ออกจนสุด โดยมีการออกแรงต้านจากน้ำหนักที่ถูกตั้งไว้ ปล่อยให้เหงื่อไหลชุ่มไปทั่วทั้งตัวจนเสื้อกล้ามสีเทาเปียกชุ่มเกือบจะเป็นสีดำ หมอกพยายามใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อผลักความรู้สึกหนักอึ้งในอกออกไปให้หมดสิ้น ราวกับว่าหากเขาออกกำลังกายหนักพอ ความเจ็บปวดในใจก็จะมลายหายไปเช่นกัน “ฟิตจริง ๆ เลยนะลูกชาย ออกกำลังกายจนเดี๋ยวนี้ตัวใหญ่กว่าป๊าแล้วนะเนี่ย” เสียงอบอุ่นของผู้เป็นพ่อดังขึ้นจากทางด้านหลัง วราในชุดนอนผ้าฝ้ายเนื้อดีเดินเข้ามายังห้องออกกำลังของบ้าน พร้อมถือเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับลูกชายไว้ในมือ สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในตัวลูกชาย แต่ก็ดูกังวลเล็กน้อย “ตอนทำวิทยานิพนธ์ทิ้งช่วงไปนานครับป๊า ก็เลยต้องกลับมาฟิตหน่อย แล้วก็ยังปรับเวลาไม่ได้ด้วยครับ” หมอกรับเครื่องดื่มจากคนเป็นพ่อ พลางใช้ผ้าขนหนูสีขาวสะอาดซับเหงื่อที่ผุดทั่วกรอบหน้า การออกกำลังกายหนักช่วยให้เขาหยุดคิดเรื่องที่วนเวียนอยู่ในหัวได้ชั่วขณะ อีกทั้งเขายังมีอาการเจ็ทแลคจากการเดินทางกลับมาจากอเมริกาอีกด้วย ทำให้ร่างกายยังไม่ปรับตัวเข้ากับเวลาของประเทศไทยได้ดีเท่าเมื่อก่อน “เพิ่งกลับมาถึงไม่ทันไรก็เข้าบริษัททันทีเลยน่ะสิ ทำไมไม่ไปพักก่อนล่ะ ป๊าเห็นหมอกเหนื่อย ๆ นะ” วราเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขารู้ดีว่าลูกชายเป็นคนมุ่งมั่น แต่การทำงานหนักเกินไปมันก็ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของเจ้าตัว “หมอกอยากทำงานครับป๊า กำลังร้อนวิชาเลยครับ” หมอกตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ฟังดูหนักแน่น แต่ลึก ๆ แล้ว เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องการมีความมุ่งมั่นในการทำงาน แต่เป็นความพยายามที่จะหลบหนีจากความรู้สึกบางอย่างต่างหาก “ร้อนวิชาหรือร้อนใจกันแน่ หืม ออกกำลังกายหนัก ๆ ทำงานหนัก ๆ จะได้ไม่ต้องคิดเรื่องช่อแก้วใช่ไหมล่ะ” วราพูดจี้ใจดำลูกชายอย่างตรงไปตรงมา เพราะเขารู้ดีว่าทุกคนในบ้านต่างรู้ดีว่าตั้งแต่เด็ก ช่อแก้วมักมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของหมอกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน พอมารู้ว่าช่อแก้วมีแฟนย่อมเกิดการขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายไม่บอกกล่าว หรือไม่ก็อาจจะหงุดหงิดที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกผิดหวังในใจ “ช่อแก้วมีแฟน หมอกก็ควรยินดีในฐานะเพื่อนไม่ใช่เหรอครับป๊า” หมอกพูดพลางเปิดฝาเครื่องดื่มเกลือแร่ แล้วกระดกลงคออึกใหญ่ เพื่อดับความกระหายและกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงในใจ สายตาของเขากลับไปจ้องมองเครื่องออกกำลังกายตรงหน้าอีกครั้ง “ป๊าเอ็นดูช่อแก้วนะหมอก แม่มุกก็เอ็นดูช่อแก้วมาก เคยคิดเล่น ๆ ว่าอยากได้มาเป็นสะใภ้ด้วยซ้ำไปนะตั้งแต่ช่อแก้วยังเด็ก ๆ นู่น” วราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “แต่น่าเสียดายที่ช่อแก้วตอบตกลงเป็นแฟนกับนายเขตอะไรนั่นไปแล้ว ส่วนลูกชายป๊าอย่างหมอกก็คิดกับช่อแก้วแค่เพื่อน ส่วนเมฆก็ยังคลั่งรักน้องฟาเดียคนเดิมไม่เปลี่ยน ป๊ากับแม่มุกก็เลยต้องผิดหวัง อดได้ช่อแก้วมาเป็นลูกสะใภ้ไปเลย” วราแกล้งทำเสียงเศร้า พลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “ป๊ากับแม่มุกอยากได้ช่อแก้วเป็นลูกสะใภ้จริง ๆ เหรอครับ!?” หมอกถามเสียงดังขึ้นมาทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าพ่อแม่จะมีความคิดเช่นนี้อยู่ในใจมาตลอด “เรื่องแบบนี้ใครเขาพูดเล่นกันล่ะ” วราตอบกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างรู้ทัน “สองพ่อลูกคุยอะไรกันคะเนี่ย คุยกันนานจังเลย” เสียงหวานของมุกผู้เป็นแม่ดังขึ้นจากทางประตูห้องออกกำลังกาย มุกเห็นว่าสามีหายมาจากห้องนอนนานผิดปกติจึงเดินลงมาดู เห็นไฟจากห้องออกกำลังกายจึงมั่นใจว่าต้องอยู่ที่นี่ “เฮียบอกหมอกว่าเราอยากได้ช่อแก้วเป็นลูกสะใภ้ไงมุก” วราตอบภรรยาด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องปิดบัง “เฮียบอกลูกทำไมเนี่ย มุกบอกแล้วใช่ไหมคะว่าไม่อยากให้ลูกลำบากใจ ทีนี้เวลาหมอกเจอหน้าช่อแก้วก็กระอักกระอ่วนพอดี เฮียก็เลยตามใจตัวเองอีกแล้ว” มุกทำเสียงดุสามีเบา ๆ พลางเดินเข้ามาใกล้หมอก สีหน้าของเธอดูจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรนัก “ช่อแก้วมีแฟนแล้ว เฮียก็เลยคิดว่าไม่น่าเป็นอะไรถ้าจะพูดเรื่องนี้กับหมอก มันก็เป็นแค่อดีตที่ผ่านมาแล้วนี่นา” วราแก้ตัวพลางยักไหล่เล็กน้อย “เฮียนี่จริง ๆ เลยนะคะ” มุกส่ายหน้าเบา ๆ อย่างระอาในความดื้อดึงของสามี แต่ก็อดที่จะยิ้มเล็กน้อยไม่ได้ “หมอกไม่รู้สึกแบบนั้นหรอกครับแม่มุก หมอกเข้าใจครับ” หมอกรีบตอบกลับเพื่อให้แม่สบายใจ เขาไม่ต้องการให้พ่อกับแม่ต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของเขา “นั่นแหละ ลูกเราโตแล้ว ไม่ขี้งอนเหมือนเมื่อก่อนหรอกใช่ไหมหมอก” มุกหันมามองลูกชายด้วยสายตาหยอกล้อ “ขี้งอนอะไรกันครับแม่มุก ผู้ชายไม่ขี้งอนกันหรอกครับ” หมอกปฏิเสธเสียงแข็ง “เฮียจะนอนหรือยังคะ มุกง่วงแล้ว” มุกหันไปถามสามี เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว “ที่แท้ก็มาตามเฮีย ไม่ได้กอดเฮียนอนไม่หลับสิท่า” วราแซวภรรยาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พลางยื่นแขนไปโอบไหล่ภรรยา “พูดแบบนี้เฮียอยากลองนอนนอกห้องไหมล่ะ จะได้รู้ว่ามุกนอนหลับไหมถ้าไม่ได้กอดเฮีย” มุกแกล้งขู่สามี สายตาจริงจังเล็กน้อย “ใครจะไปลอง ห่างอกเมียใจเฮียก็ขาดพอดี” วราสวมกอดร่างอวบอิ่มของภรรยาอย่างแนบแน่น แล้วฝังปลายจมูกโด่งคมลงบนแก้มเนียนนุ่มของภรรยาซ้ำ ๆ ราวกับมันเขี้ยว เขามักจะแสดงความรักต่อภรรยาอย่างเปิดเผยเสมอ “อายลูกบ้างสิเฮีย” มุกเอ็ดสามีอย่างไม่จริงจังนัก ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยความเขินอายต่อหน้าลูกชาย “ไม่ต้องอายหรอกครับ หมอกชินแล้ว” หมอกกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ภาพที่พ่อแม่หยอกเย้าด้วยความรักและความหลงใหลกันและกันเป็นภาพชินตามาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาซึมซับความรักที่บริสุทธิ์แบบนี้มาตลอด เขารู้สึกทึ่งในความรักที่ทั้งคู่มีให้กันจวบจนทุกวันนี้เสียด้วยซ้ำไป “ลูกบอกเองนะว่าชินแล้ว งั้นเฮียหอมได้” วราพูดจบก็หอมแก้มเนียนของภรรยาอีกฟอดใหญ่ด้วยความรักที่ล้นปรี่ “เฮียนี่หน้ามึนตั้งแต่หนุ่มยันแก่จริง ๆ เลย” มุกบ่นสามีแต่ใบหน้าก็ยังเปื้อนยิ้มแห่งความสุขอยู่ดี “ยังไม่ห้าสิบเลยนะมุก ยังไม่แก่นะ ข้อดีของการมีลูกเร็วก็คือลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแต่เราก็ยังไม่แก่ มีแรงวิ่งตามหลานด้วย” วราหัวเราะ “ลูกยังไม่แต่งงานสักคน จะเอาหลานที่ไหนมาให้วิ่งตามคะ” มุกถามกลับพลางขมวดคิ้ว “เมฆก็ต้องรอฟาเดียโต ส่วนฟ้ากับฝนก็ยังเด็กมาก ยังอีกหลายปีกว่าจะเรียนจบ งั้นเราต้องฝากความหวังไว้ที่หมอกแล้วละ หาเมียได้แล้วหมอก ป๊ากับแม่มุกอยากอุ้มหลานจะแย่แล้วนะ” วราวางมือบนบ่าของหมอกอย่างต้องการฝากความหวัง “ปีนี้เพิ่งจะยี่สิบสามเองครับป๊า หมอกไม่รีบหรอกครับ” หมอกตอบกลับพลางยิ้มแห้ง “ตอนป๊าอายุเท่านี้ ป๊าก็เสกหมอกกับเมฆเข้าท้องแม่มุกแล้วนะ” วราพูดอย่างภาคภูมิใจ “หมอกไม่เจ้าเล่ห์เหมือนเฮียหรอกค่ะ” มุกแซวสามีอีกครั้ง “เจ้าเล่ห์อะไรกันมุก เพราะเราตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบต่างหาก” วรานึกถึงวันวาน นัยน์ตาคู่คมส่อแววหวานซึ้งราวกับตกหลุมรักผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง เขายังคงมองมุกด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความหลงใหลอย่างไม่เคยเสื่อมคลายตลอดมา ตั้งแต่จำความได้ หมอกก็ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยที่ต้องนั่งดูพ่อกับแม่แสดงความรักและความหลงใหลต่อกันอย่างเปิดเผย เขากลับรู้สึกอบอุ่นใจ และอยากพบรักแท้ตั้งแต่แรกพบเช่นนี้บ้าง รักที่มั่นคงและยั่งยืนเหมือนพ่อกับแม่ แต่เขาก็รู้ดีว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะแค่เริ่มต้นเส้นทางรักของเขาก็มืดมนเสียแล้ว มันมืดมนจนเขาไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างปลายอุโมงค์ ความรู้สึกที่เขามีต่อช่อแก้วนั้นมันมากมายเกินกว่าจะจำกัดอยู่แค่คำว่าเพื่อน และตอนนี้เธอก็มีคนอื่นอยู่เคียงข้างแล้ว เขาคิดถึงคำพูดของพ่อที่ว่า "ถ้ามัวแต่อมพะนำ ก็เป็นได้แค่รักข้างเดียว" คำพูดนั้นยังคงก้องอยู่ในหัวของเขา หมอกรู้ดีว่าเขาควรจะทำยังไง แต่ใจเขากลับไม่กล้าพอ ด้วยความกลัวที่จะเสียมิตรภาพอันยาวนานไปทำให้เขาเลือกที่จะเก็บงำความรู้สึกไว้ภายในใจ และตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว หมอกลุกขึ้นจากเครื่องออกกำลังกาย เดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่ออีกครั้ง เขามองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใหญ่ แววตาคู่เดิมที่เคยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น บัดนี้กลับฉายแววความเจ็บปวดและความผิดหวัง เขาจะทำยังไงต่อไปกับความรู้สึกนี้? จะต้องทำใจยอมรับสถานะเพื่อนจริง ๆ อย่างที่พ่อแม่บอกหรือไม่? หรือเขาควรจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง แม้จะรู้ว่าผลลัพธ์อาจจะเจ็บปวดกว่าเดิมก็ตาม หมอกคิดไปคิดมาก็ถอนหายใจอย่างหนัก พยายามสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปจากหัว เขาต้องทำงาน ต้องโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า การจมอยู่กับความรู้สึกแบบนี้มีแต่จะทำให้เขาไม่มีความสุข และทำให้เสียงานเสียการยิ่งกว่าเก่าเสียอีก แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ภาพรอยยิ้มของช่อแก้วเมื่อครั้งที่เธอยังเด็ก ภาพที่เธอกำลังทำขนมด้วยความตั้งใจ ภาพที่เธอยิ้มให้เขตในร้าน และคำพูดที่ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด "พี่เขตเป็นแฟนคนแรกของช่อ" ก็ยังคงชัดเจนอยู่ในห้วงความคิดของเขา เส้นทางรักของเขามันช่างมืดมนจริง ๆ “…แล้วจะต้องทำยังไงถึงจะหาทางออกจากความรู้สึกพวกนี้ได้สักทีวะ” อย่างไรก็ตาม การได้ยินว่าพ่อกับแม่ก็อยากได้ช่อแก้วมาเป็นลูกสะใภ้ ทำให้หมอกรู้สึกเหมือนมีแสงริบหรี่เล็ก ๆ ส่องเข้ามาในความมืดมิดของเขา เขาไม่ได้รู้สึกไปเองคนเดียว ความรู้สึกที่เขามีให้ช่อแก้วนั้นอาจจะถูกต้องแล้วก็ได้ ความหวังเล็ก ๆ นี้ทำให้หัวใจที่เจ็บปวดของเขาเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจว่านี่คือความหวังที่แท้จริง หรือเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง หมอกปิดไฟในห้องออกกำลังกาย เดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของเขา ก่อนจะมองออกไปเห็นว่ามีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ เขาจึงเดินไปที่ระเบียงห้อง ยืนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ ปล่อยให้สายลมเย็น ๆ พัดกระทบเข้าใบหน้า ทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง “ช่อแก้ว…ป๊ากับแม่มุกก็อยากได้เธอเป็นสะใภ้เหมือนกันสินะ” หมอกพึมพำ พลันรอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาเงยหน้าทอดสายตามองไปยังดวงดาวที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า มันเป็นแสงที่ดูเหมือนจะอยู่ไกลเกินเอื้อม เหมือนกับความรักของเขาที่มีต่อช่อแก้ว แต่ทว่า บางทีอาจจะมีหนทางใดหนทางหนึ่งที่ทำให้แสงนั้นส่องมาถึงเขาได้ หมอกหลับตาลงเพื่อพยายามจะเคลียร์และจัดระเบียบความคิดรก ๆ ในสมองของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะเตรียมเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อพักผ่อนบ้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม