“คุณช่อแก้วอยู่ที่ไหนเหรอครับ ผมต้องการพบเธอครับ”
หมอกพูดความต้องการของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียง คนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ยืนเรียงขนมเข้าตู้อย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ตรงมุมเคาน์เตอร์ และจัดวางเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่มอย่างประณีต ก็รีบผละสายตาออกจากชั้นขนมตรงหน้าทันที เจ้าตัวตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็ได้ยินว่าลูกค้าเรียกชื่อเต็มแบบนั้น และด้วยน้ำเสียงนั้นที่คุ้นเคยเหลือเกิน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะต้องหันกลับมามอง
ทั้งสองคนบังเอิญสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ราวกับถูกโชคชะตากำหนดให้เป็นเช่นนั้น และในวินาทีที่ทั้งคู่ต่างมองเห็นกันและกัน หมอกที่ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ก็ระบายยิ้มกว้างออกมาจนตาปิด
ช่อแก้ว เพื่อนในวัยเด็กของเขา เธอทั้งสวยและน่ารักมากขึ้นยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก ร่างกายของเธอดูผอมเพรียวขึ้น มีทรวดทรงที่ดูดี ใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโตเป็นประกาย ผิวขาวผ่องราวกับน้ำนมเส้นผมสีน้ำตาลของเธอถูกรวบขึ้นอย่างไม่ตั้งใจมากนัก แต่กลับดูเป็นธรรมชาติและน่ามองจนเขาไม่อาจละสายตาไปได้ ทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะแสดงท่าทีดีใจเหมือนกับเขา ช่อแก้วที่เห็นแล้วว่าเป็นใครที่ต้องการพบเธอกลับทำหน้าตกใจสุดขีด ทำราวกับเห็นผีเสียอย่างนั้น ใบหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อยจนหมอกอดเป็นห่วงไม่ได้
“มะ หมอก...” เธอเอ่ยออกมาเสียงแผ่วคล้ายจะไม่อยากเชื่อว่าภาพเบื้องหน้าที่เธอกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้มันเป็นความจริงไปได้ เธอกะพริบตาถี่ ๆ พยายามให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ฝันหรือตาฝาดไปเอง
“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“นะ นี่หมอกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
พอช่อแก้วตั้งสติได้ ก็ยิงคำถามมาให้หมอกทันที น้ำเสียงของเธอยังคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจและงุนงงไม่หาย สาเหตุที่ทำให้เธอทั้งงงทั้งตกใจแบบนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะเขาบินไปเรียนต่อที่อเมริกาตั้งแต่สมัยไฮสคูล และเขาก็เพิ่งได้กลับมาเหยียบที่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ตอนที่เขาเรียนจบปริญญาโทแล้วก็เป็นได้
นั่นจึงทำให้เธอไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนในวัยเด็กที่หายหน้าหายตาไปนานนับสิบปีจะมายืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้าเธอแบบนี้ โดยที่เธอไม่เคยรับรู้ข่าวคราวถึงการกลับมาของเขามาก่อนเลย
“เราเพิ่งกลับมาถึงไทยเมื่อเช้านี่เอง”
ครั้งนี้ช่อแก้วไม่ได้ตอบอะไร เธอยังคงยืนนิ่งเหมือนกำลังประมวลผลเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหัว
“พอกลับมาถึง เราก็รีบมาที่นี่เลยนะ เพราะเรา...”
ยังไม่ทันที่หมอกจะได้เริ่มบอกเหตุผลต่อหน้าพนักงานในร้านที่กำลังจ้องมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่ลดละ ทันใดนั้นรอยยิ้มของเขาก็ต้องเลือนหายไปจากใบหน้าอย่างกะทันหัน นัยน์ตาฉายแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อจู่ ๆ แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังของช่อแก้ว
“นี่ใครเหรอช่อ”
ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่เคยยืนอยู่ตรงซิงค์ล้างจาน ซึ่งหมอกเข้าใจไปเองว่าเป็นหนึ่งในพนักงานของร้าน เอ่ยถามช่อแก้วด้วยท่าทีสนิทสนมเกินกว่าเพื่อนร่วมงานทั่วไปอย่างน่าสงสัย มือของเขาแตะเบา ๆ ที่ไหล่ของช่อแก้วอย่างเป็นกันเอง ทำเอานาทีนั้นหมอกต้องรีบเลื่อนสายตามองกลับไปยังช่อแก้วทันที เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร และมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
“เขาเป็น…เพื่อนของช่อเองค่ะ”
ช่อแก้วให้คำตอบพร้อมส่งยิ้มหวานให้ผู้ชายที่ชื่อว่า เขต สุดเขต รอยยิ้มนั้นดูเป็นสนิทสนมกันจนหมอกรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง และในวินาทีที่หมอกเห็นท่าทางเหล่านั้น รวมถึงรอยยิ้มที่ช่อแก้วส่งให้เขต เขาก็มีอาการชะงักค้างไปชั่วขณะหนึ่ง พลันความรู้สึกที่เขากลัวก็กำลังก่อตัวขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว และมันกำลังถาโถมเข้าใส่เขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ทำไมพี่ไม่เคยเห็นเพื่อนช่อคนนี้เลยล่ะ” เขตถามต่อด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่แสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน ทำให้หมอกยิ่งรู้สึกไม่พอใจและเริ่มรู้สึกถึงความไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก
“อ๋อ หมอกเพิ่งกลับมาจากอเมริกาน่ะค่ะ เอ้อ! หมอก! นี่พี่เขตนะ พี่เขตเป็น...”
“แฟนของช่อครับ”
ขณะที่ช่อแก้วพยายามจะแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน เธอก็ไม่ทันได้พูดจบประโยค เพราะอยู่ดี ๆ เขตก็ชิงแนะนำตัวเองขึ้นมาอย่างเสียงดังฟังชัด ราวกับต้องการตอกย้ำให้หมอกได้รับรู้สถานะของเขาอย่างชัดเจน เหมือนต้องการจะตัดไฟแต่ต้นลม
ทันทีที่หมอกได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเฉยชา รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าหายไปอย่างสิ้นเชิงราวกับไม่เคยมีอยู่ เขาทั้งตกใจ เสียใจ และผิดหวังจนข้างในอกมันจุกแน่นไปหมด
“อ๋อ หึ! งี้นี่เอง…เข้าใจแล้วครับ ยินดีที่ได้รู้จักก็แล้วกัน”
หมอกกลั้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกน้อยใจช่อแก้วขึ้นมาดื้อ ๆ อย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่เธอไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แต่เขากลับเจ็บปวดราวกับถูกทรยศหักหลังจนแทบมองหน้าเธอไม่ติด แผนดี ๆ ที่เขาวางไว้ทั้งหมดในวันนี้ มันพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตาเขาแล้วเรียบร้อย