“เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนค่ะ”
หญิงสาวตอบชายหนุ่มกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่น แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกของเธอก็ถูกเขาทำลายเสียจนย่อยยับ เพราะสุดท้ายความหยิ่งในอดีตก็ไม่อาจช่วยอะไรเธอได้ เมื่อเธอก็ต้องมาก้มหน้าอ้อนวอนเขาเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นๆ ของเขาได้เคยทำ
“หรือไม่ก็จริงๆ คนไม่เคยเปลี่ยน” เอเดรียนแย้งขึ้นมาบ้าง “แต่ก็มีหน้ากากที่ต้องสวมใส่เพื่อผลประโยชน์...”
สายตารู้เท่าทันนั้นทำให้หญิงสาวร้อนวาบไปทั่วใบหน้า ก่อนจะเผลอตัวตอบโต้เสียงกระด้างว่า “นั่นแล้วแต่คุณจะคิดนะคะ แต่ฉันก็ยังเป็นฉันคนเดิม...”
ไม่ว่าเขาจะพยายามทำให้เธอดูด้อยค่า ไร้ศักดิ์ศรีมากแค่ไหน แต่ปาหนันก็ทนได้เพราะไม่มีอะไรให้ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้ว
ถือศักดิ์ศรีไปก็เท่านั้น ถ้ามันไม่สามารถช่วยให้พี่ชายเธอพ้นวิกฤติไปได้เธอก็ยินดีวางมันลง
“อ้อ…” เขาลากเสียงยาว ดวงตาคมกริบคู่นั้นยิ่งมองเธอด้วยสายตาเยาะหยัน ก่อนที่เขาจะเอ่ยในสิ่งที่ทำให้เธอสั่นสะท้านออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นลองคุกเข่าดูสิ เผื่อฉันจะใจอ่อนยอมพิจารณา”
“…”
หญิงสาวมองเขาอย่างตื่นตะลึง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชายหนุ่มจะท้าทายกันถึงเพียงนี้!
คุกเข่า…ต่อหน้าเขาอย่างนั้นหรือ!
“ทำไม่ได้เหรอ”
เขาย้อนถามด้วยสีหน้าระรื่น และนั่นทำให้ปาหนันเชิดหน้าขึ้น ข่มความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหลายและศักดิ์ศรีที่ถูกตีกระหน่ำอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าลง ก่อนจะเอ่ยอย่างตัดใจว่า
“ฉันทำได้”
ไม่เพียงแค่พูด แต่หญิงสาวค่อยๆ ทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าเขา ทว่าถึงอย่างนั้นเธอกลับไม่ยอมหลบสายตาของชายหนุ่มอีกต่อไป หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น กล้ำกลืนน้ำตาไม่ให้ไหลรินลงมาเพราะความเจ็บปวดในหัวใจที่เริ่มทวีมากขึ้นทุกที
เธอเห็นเขาก้มหน้าปรายตามองลงมา ท่าทางเหมือนเจ้าชายที่กำลังมองดูทาสที่แสนต่ำต้อย หญิงสาวได้ยินเสียงเขากระดกลิ้นก่อนที่เขาจะเหยียดยิ้มกว้าง ก้าวถอยห่างจากเธอแล้วสั่งเสียงห้วนว่า
“คลานเข้ามาหาฉันสิ”
หญิงสาวเบิกตากว้าง แต่เมื่อมองสีหน้าท้าทายของชายหนุ่มเธอก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี ด้วยการค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปหาเขาประหนึ่งทาสที่ทำตามคำสั่งของคนเป็นเจ้านาย และเมื่อเธอทำท่าจะหยุดเขาก็สั่งอีกครั้งเสียงเข้มว่า
“เข้ามาใกล้อีก ฉันอยากเห็นหน้าเธอให้ชัดๆ”
ปาหนันกัดปากตัวเองแน่นจนรับรู้ได้ถึงรสชาติของเลือดในปาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำตามที่เอเดรียนต้องการอย่างไม่โต้แย้ง และดูเหมือนอีกฝ่ายจะสนุกกับการได้กลั่นแกล้งเธอ พอเพราะหญิงสาวเข้าไปใกล้เขาชายหนุ่มก็ถอยหลังออกไปอีก จนกระทั่งเขาทรุดลงนั่งกับโซฟาตัวเดิมอีกครั้ง เธอจึงได้หยุดที่แทบเท้าของเขาพอดี
ตลอดระยะเวลานั้นปาหนันเลือกที่จะจ้องมองอีกฝ่ายไม่มีหลบ และเธอก็ได้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาพึงพอใจมากเพียงไรที่ได้เหยียบย่ำเธอให้แหลกสลาย ปลายนิ้วเรียวสวยของเขายื่นมาแตะปลายคางเธอก่อนจะดันให้เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาซึ่งโน้มใบหน้าลงมาใกล้
เธอเห็นเขาเหยียดยิ้มกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจในตอนที่พูดว่า “เธอไม่เปลี่ยนไปจริงๆ เลยนะปาหนัน” เขาหมายถึงไม่ว่าเมื่อไรเธอก็ยอมจำนนและไม่ปฏิเสธคำสั่งของเขาอยู่เสมอ “แถมตอนนี้ออกจะหัวอ่อนกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ถ้าฉันสั่งให้เธอถอดเสื้อผ้าต่อหน้าฉันก็คงจะทำสินะ”
ตอนท้ายน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ปาหนันกลั้นหายใจ เตรียมใจว่าเธออาจจะต้องทำถ้าเขาสั่งอย่างนั้น แม้จะไม่เต็มใจและเจ็บปวดกับการถูกเหยียบย่ำมากแค่ไหน เธอก็จะไม่แสดงออกมาให้เขารับรู้และพึงพอใจโดยเด็ดขาด!
“ถ้ามันจะทำให้คุณช่วยฉันได้...” หญิงสาวเอ่ยเสียงเยือกเย็น ไม่ดิ้นรนปฏิเสธให้ชายหนุ่มได้ใจว่าเขาทำร้ายเธอได้สำเร็จ “ฉันก็จะทำ”
ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสั่งเช่นนั้น เขาก็ละมือออกจากปลายคางของเธอ ถอยห่างจากเธอก่อนจะลุกขึ้นยืน ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงและเช็ดปลายนิ้วที่สัมผัสแตะต้องเธอ ท่าทีแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขารังเกียจมากเพียงใดที่แตะต้องตัวเธอเมื่อครู่นี้
ความพึงพอใจจางหายไปจากใบหน้าของเขา ความรังเกียจและชิงชังเข้ามาแทนที่ ราวกับเมื่อครู่ที่แสดงออกนั้นเป็นเพียงการแสดงอย่างหนึ่งของเขาเท่านั้น
“งั้นเสียใจด้วยนะที่รัก...”
“…”
“ต่อให้เธอแก้ผ้าต่อหน้าฉัน อ้อนวอนขอร้องยังไงฉันก็ไม่มีวันช่วยเหลือเธอหรอก”
“เอเดรียน!”
ใบหน้าของหญิงสาวชาวาบ ความอับอายแล่นพล่านไปทั่วร่างเสียจนนึกอยากดำดินหายไปจากที่ตรงนี้ในตอนที่ชายหนุ่มชี้นิ้วไล่เธอด้วยน้ำเสียงและสีหน้ากราดเกรี้ยวชิงชัง อันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา!
“ไม่มีอะไรทำให้ฉันเปลี่ยนใจได้หรอก ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต! แล้วรีบไปให้พ้นๆ หน้าฉันเพราะฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ ถึงฉันจะไม่ถือสาในสิ่งที่เธอเคยทำกับฉันเอาไว้ แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่โกรธจนยอมทนมองหน้าเธอได้อีก ไปซะ... ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วให้ใครมาโยนเธอออกไปจากบริษัทของฉัน!”