คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมเลิกขึ้นสูง คล้ายกับจะถามว่าเธอมีเรื่องอะไรที่อยากจะพูดกับเขา ปาหนันลุกขึ้นยืน ก้าวตรงไปหยุดห่างจากร่างสูงใหญ่ด้วยระยะเพียงสามก้าวโดยประมาณ
“คุณเอเดรียนคะ...” หญิงสาวเรียกชื่อเขาเสียงหวาน แม้ดวงตาจะจับจ้องใบหน้าของเขาอยู่ตลอด แต่เธอรู้ดีว่าเธอไม่ได้มองเห็นเขา แต่เธอกำลังคิดถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อเช้านี้ต่างหาก
เธอจะไม่ยอมเป็นของเล่นของเขาอีกต่อไป...ถ้าในอนาคตจะเป็นฝ่ายถูกทิ้งเธอก็ขอเป็นคนทิ้งก่อน
ตอนเข้าหาเขาเธอก็เข้าไปเอง...ตอนออกมาเธอก็จะเดินออกมาเองไม่รอให้เขาต้องไล่
“ว่าไง...” เจ้าชายของเธอกระตุ้นเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไป
ปาหนันส่งยิ้มเยือกเย็นให้เขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผิดกับความเสียใจอย่างลึกล้ำที่แผ่ซ่านอยู่ภายในใจ “เราเลิกกันเถอะค่ะ”
ปาหนันเห็นเขาชะงักไปนิด...นิดเดียวจริงๆ ดวงตาของเขาคล้ายกับจะเบิกกว้าง แต่วินาทีต่อมามันก็หายไป หญิงสาวยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น เจ้าชายของเธอควบคุมตัวเองได้เสมอไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใดจริงๆ
เธอไม่น่าค้านคนอื่นๆ เลยในยามที่พวกเขาพูดว่าเจ้าชายคนโตของแอดดิสันแม้เห็นคนตายยังมีสีหน้าเยือกเย็น เพราะตอนนี้เธอที่รู้สึกคล้ายกับตายไปแล้วต่อหน้าเขา ชายหนุ่มก็ยังเยือกเย็นอยู่ได้
ปาหนันกำลังจะก้าวเดินไปแล้ว หากเขาไม่เอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน
“ทำไม…”
เพียงสองคำสั้นๆ ก็ตรึงให้เธออยู่กับที่ ปาหนันเงยหน้าขึ้นมองเขา สีหน้าของเขายังคงเยือกเย็น แต่ดวงตาสีมรกตคู่นั้นกลับผิดแผกไป แต่ตอนนี้เธอไม่มีสมาธิพอที่จะมาคิดวิเคราะห์ว่าคนตรงหน้าอยู่ในอารมณ์ใด เธอเพียงแต่ต้องการจากไปให้เร็วที่สุดเท่านั้น
ไปก่อนที่จะไม่มีโอกาส...
ครั้งหนึ่งเจ้าชายของเธอเคยตำหนิเธอกรายๆ ว่าเธอเป็นคนใจอ่อนเกินไป มักโอนอ่อนตามใจผู้อื่นเสมอ เขาบอกให้เธอเข้มแข็งและตอบโต้กลับไปบ้าง หญิงสาวได้แต่หัวเราะและรับปากไปอย่างนั้นทว่าไม่เคยทำตามที่เขาบอกสักครั้ง
แต่ใครจะคิดว่าเมื่อเริ่มต้นตอบโต้ใครสักคน...คนๆ นั้นที่เธอต้องแข็งใส่กลับกลายเป็นเจ้าชายของเธอเอง
“ฉันไม่รักคุณแล้ว...” เธอโกหก หญิงสาวเหยียดยิ้มกว้างกว่าเดิม จ้องมองเขาคล้ายกับจะบอกว่าเขาช่างโง่งมเหลือเกินที่ถามออกมา “ฉันมีคนใหม่” คนที่เธอจะรักอย่างสุดหัวใจคนใหม่ คนที่ทำให้เธอเข้มแข็งและยืนขึ้นได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่หัวใจแหลกสลายไม่มีชิ้นดีจากน้ำมือของเขา
“เธอ…” น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียดขึ้นมาฉับพลัน “…นอกใจฉันอย่างนั้นเหรอ”
ปาหนันสงบนิ่งกับข้อกล่าวหานั้น ในเมื่อจะไปอยู่แล้ว บอกความจริงกับเขาไปก็เปล่าประโยชน์ และเธอก็ไม่นึกอยากฟังคำโกหกใดๆ จากเขาอีกต่อไปแล้ว จึงได้แต่พยักหน้ารับในสิ่งที่เขากล่าวหา
“ใช่ค่ะ...”
ก็แค่นับจากนี้เธอจะไม่รักเขาและจะรักใครบางคนที่จะเกิดขึ้นมาในไม่ช้านี้แทน และคนๆ นั้นจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเธอแทนที่เขาก็เท่านั้นเอง
เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นใบหน้าของเจ้าชายคนโต...หนึ่งในสามเจ้าชายของแอดดิสันซีดเผือด ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะเธอตาฝาดเสียละมากกว่า ปาหนันบอกตัวเองอย่างนั้นในตอนที่ก้าวเดินจากมาโดยไม่มีเสียงเรียกรั้งอะไรจากเจ้าชายของเธอ
ตอนก้าวเข้าไปหาเขาพร้อมกับความรักของตัวเองก็ง่ายๆ เช่นนี้...ตอนเดินออกมาจากชีวิตเขาพร้อมกับความเจ็บปวดของตัวเองก็ง่ายๆ เฉกเช่นเดียวกัน...
เพราะตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว ผู้คนในตึกจึงแทบไม่มีเหลือ สองข้างทางเงียบสงบและร้างไร้ผู้คน ปาหนันก้าวออกมาจากตึกสูงระฟ้านั้น ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าประตู แหงนเงยมองขึ้นไปจนคอตั้งบ่าเพื่อมองชั้นสูงสุดซึ่งเธอรู้ดีว่าเจ้าชายของเธอก็คงจะยังอยู่บนนั้น...อยู่ในที่ที่เขาควรจะอยู่
เจ้าชายอยู่บนปราสาทใหญ่โตโอ่อ่านั้นถูกต้องแล้ว...ทาสต่ำต้อยไม่ควรได้ไต่ขึ้นไปอยู่บนนั้นด้วยกันก็ถูกต้องแล้ว...
ความรักของเจ้าชายกับทาสไม่เคยมีในนิทานเล่มไหน กระทั่งซินเดอเรลล่าที่บอกว่าตกต่ำก็ยังมีเชื้อสายที่ดี
แต่เธอเป็นเพียงทาสในปราสาทของเขาเท่านั้น...เชื้อสาย เงินทองหรือการสนับสนุนใดๆ เธอให้เขาไม่ได้เลย จึงได้แต่เป็นของเล่น เป็นทางผ่านให้เขาเหยียบย่ำและเดินผ่านไป...เท่านั้น
‘ฉันไม่ได้อยากจะตำหนิอะไรเธอหรอกนะ แต่เธอควรจะรู้ว่าเอเดรียนกับเธอต่างกันมากแค่ไหน ถ้าเอเดรียนคือเจ้าชาย เธอก็เป็นแค่ทาสรับใช้ในปราสาทของเขาเท่านั้น รับเงินนี้เอาไว้แล้วไปตั้งต้นชีวิตใหม่เถอะ อย่าได้ทำให้เอเดรียนตกต่ำและเสื่อมเสียเพราะการมีเธอในชีวิตของเขาเลย’
ไม่พูดเปล่า...คนตรงหน้ายังเลื่อนเช็คใบหน้ามาตรงหน้าเธอ แต่ปาหนันจะรับมันมาได้อย่างไร!
‘แต่ฉันรักเขานะคะ!” หญิงสาวตอบโต้กลับอย่างฉุนเฉียว “ฉันไม่ได้ทำให้เขาตกต่ำหรือเสื่อมเสีย...’ เธอพยายามจะแก้ตัว แต่สตรีตรงหน้าไม่ปล่อยให้เธอได้ทำอย่างนั้น เพราะอีกฝ่ายก็ตอบโต้อย่างเยือกเย็นขึ้นมาทันที
‘แล้วเขารักเธอหรือเปล่าล่ะ...คิดว่าเอเดรียนโง่หรือยังไง เขาคือว่าที่ผู้นำตระกูลแอดดิสันคนต่อไปเชียวนะ! เขาจะคว้าผู้หญิงอย่างเธอที่ไม่ได้ช่วยสนับสนุนให้ชีวิตของเขาดีขึ้นอย่างเธออย่างนั้นหรือ’
‘แต่เรารักกันนะคะ’
เธอโพล่งตอบออกไปอย่างร้อนรน แต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะเสียงแหลมด้วยความขบขัน ทำให้เธอรู้สึกคล้ายกับตนเองกำลังโดนเยาะหยัน ใบหน้าชายิบพูดอะไรไม่ออก ครู่ต่อมาเสียงหัวเราะจึงซาลงพร้อมกับที่อีกฝ่ายบอกกับเธอว่า
‘ขอโทษนะที่ฉันหัวเราะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ’
‘…’
‘เธอโดนหลอกแล้วล่ะ...ผู้ชายตระกูลแอดดิสันรักใครไม่เป็นหรอกนะ’
‘…’
‘ถ้าจะรัก...พวกเขาก็รักแค่เงินกับอำนาจเท่านั้นแหละ นอกนั้น...ถ้าไม่มีประโยชน์เขาก็ไม่ชายตาแลหรอก’
‘…’
‘ความรักสำหรับพวกเขามันไม่มีจริงหรอก...เธอควรจะจำเอาไว้’