ปาหนันกลั้นหายใจในตอนที่เดินเข้าไปในห้องทำงานนั้น...กว่าห้าปีที่เธอไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่ ทว่าเมื่อได้ก้าวกลับมาอีกครั้ง คล้ายกับอดีตทุกอย่างจะหวนกลับมาเสียจนเจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ ภายในห้องนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงจัดวางอยู่ในที่เดิมของมัน กระทั่งรูปภาพประดับก็ยังคงเป็นรูปใบเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
ปาหนันก็พอรู้ตัวอยู่ว่าเธอคงจะเจ็บปวดกับการกลับมาในครั้งนี้ แต่ไม่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอดีตนั้นจะทำให้เธอเจ็บมากถึงเพียงนี้ ห้าปีผ่านไป...คำภาวนาของเธอไม่เคยเป็นผล ที่ทำได้มีเพียงแค่อดทนและเก็บกดความเจ็บปวดจากพิษรักครั้งนั้นไว้กับอก เพราะเธอไม่ได้มีเพียงตัวคนเดียวแล้วที่ต้องประคับประคองให้ตัวเองไปรอด
ทว่าถึงอย่างนั้นเธอก็ได้แต่มองสำรวจไปทั่วห้องนั้นเพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ร่างสูงใหญ่ของเจ้าของห้อง ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเธอในยามนี้
ร่างสูงใหญ่นั้นเหมือนเดิมในความทรงจำของเธอ เขาอยู่ในชุดสูทสามชิ้นซึ่งตัดเย็บโดยแบรนด์ดังก้องโลก และเธอก็จำได้อย่างแม่นยำว่ามันคือแบรนด์โปรดของเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร เส้นผมสีเข้มที่เธอรู้ดีว่านุ่มมากเพียงไรและดวงตาสีมรกตคู่คมกริบคู่นั้นที่ทอดมองมาก็ยังอยู่ในความทรงจำของเธอเสมอ
นับตั้งแต่ก้าวออกไปจากชีวิตของเขา ปาหนันเลือกที่จะปิดหูปิดตาตัวเอง ไม่ยอมรับฟังข่าวสารใดๆ กระทั่งชื่อของเขาเธอก็ไม่ยอมให้ใครได้เอ่ยออกมาให้ได้ยิน ทว่าวันนี้กาลเวลาเปลี่ยนไป แต่คนตรงหน้ากลับยังดูเหมือนเจ้าชายในความทรงจำของเธอเหมือนเดิม หล่อเหลา สูงศักดิ์ และเยือกเย็นดุจเดิม
ไม่สิ...ที่ไม่เหมือนเดิมคือแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเขาต่างหาก!
หญิงสาวสั่นสะท้านในตอนที่สบตากับชายหนุ่ม ได้แต่พยายามบังคับไม่ให้ตัวเองแข้งขาอ่อนแรงจนล้มลงไปกองกับพื้นต่อหน้าเขาให้เป็นที่อับอาย ปาหนันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายให้ก้าวเข้าไปใกล้ชิดเขาได้มากกว่านี้ จนกระทั่งคนตรงหน้าคงจะทนความชักช้าของเธอไม่ไหว เธอเห็นเขากลอกตาคล้ายกับจะรำคาญ ก่อนจะเอ่ยกับเธอเป็นประโยคแรกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นอย่างที่เขามักจะใช้กับคนทั่วๆ ไปว่า
“เข้ามาสิ...”
“มิสเตอร์แอดดิสัน...”
ปาหนันหัวใจเต้นแรงเสียจนแทบจะโลดออกมานอกอกอีกครั้ง เธอได้แต่พึมพำเรียกชื่อเขาอย่างห้ามไม่อยู่ สองมือที่อยู่ข้างลำตัวได้แต่ลอบกำเข้าหากันแน่น ปลายเล็บคมๆ จงใจจิกลงบนฝ่ามือนุ่มเพื่อเรียกสติของตนเองให้กลับมา
เธอต้องการเจรจากับเขาและต้องทำให้สำเร็จ...ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเสียจนแม้แต่จะขยับตัวก็ทำไม่ได้เช่นนี้!
ตอนแรกปาหนันคิดว่าเขาคงจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด แต่แล้วเธอก็คิดผิด เมื่อเห็นว่าสีหน้าเยือกเย็นของชายหนุ่มคลายออก และมีความเยาะหยันอยู่บนดวงหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักนั้นแทน
“ไม่ได้เจอกันแค่ห้าปี...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มลากยาว ขณะที่เขาเป็นฝ่ายขยับตัวเดินไปนั่งบนโซฟาหนังซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ขาเรียวยาวของชายหนุ่มตวัดขึ้นไขว่ห้างด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย หากดูดีเสียยิ่งกว่านายแบบชื่อดังเสียอีก “…ฉันก็กลายเป็นมิสเตอร์แอดดิสันสำหรับเธอไปแล้วอย่างนั้นเหรอปาหนัน”
ตอนท้ายทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของคนถามนั้นเต็มไปด้วยความเยาะหยันและชิงชัง
ปาหนันเห็นท่าทางของชายหนุ่มแล้วก็พลันได้สติ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกความกล้าของตนเองให้กลับเข้ามา ก่อนจะตอบโต้ชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ใส่ใจนัยยะใดๆ ที่เขาพยายามจะท้าวความถึงอดีตแม้แต่น้อย
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะยังอยากให้ฉันเรียกคุณแบบเดิมน่ะค่ะ” เธอเอ่ยคล้ายกับจะแก้ตัว “อีกอย่างตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”
เธอกับเขากลายเป็นอดีตไปแล้ว ไม่ว่า ณ เวลานี้ความรู้สึกอะไรจะยังหลงเหลืออยู่ แต่เธอก็จะไม่ยอมให้มันเข้ามาควบคุมเสียจนเธอกลายเป็นคนโง่ได้อีกต่อไปแล้ว!
วินาทีนั้นดวงตาสีมรกตคล้ายกับลุกวาบด้วยเพลิงโทสะอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะจางหายไปพร้อมกับที่เจ้าของห้องพยักหน้ารับช้าๆ กับคำตอบของเธอ
“อ้อ…”
ชายหนุ่มเอ่ยเพียงเท่านั้นก็เงียบ แต่ดวงตาคู่คมของเขากลับทำให้คนถูกมองรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว ร่างกายเธอเกร็งไปทุกส่วนกับการต้องรับมือกับชายหนุ่ม
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเคยแต่เห็นเขากดดันคนอื่นเช่นนี้ ไม่คิดว่าวันหนึ่งพอตัวเองต้องมาอยู่ภายใต้ความกดดันเช่นนี้จะรู้สึกอึดอัดราวกับมีมือล่องหนบีบเคล้นให้หายใจไม่ออกอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ ปาหนันไม่รู้จะต้องทำอย่างไร สุดท้ายจึงได้แต่นิ่งเงียบเข้าไว้ จนคนตัวโตกว่าเริ่มทนไม่ไหว จึงได้เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนอีกครั้ง
“นั่งสิ” ไม่พูดเปล่า ปลายนิ้วเรียวยาวของเอเดรียนชี้ไปยังโซฟาตัวนุ่มซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับเขา รอยยิ้มหยันยังปรากฏอยู่มุมปากของอีกฝ่าย “แล้วพูดธุระของเธอมา สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว...” ชายหนุ่มใช้ประโยคที่เธอเพิ่งตอกใส่หน้าเขาเมื่อครู่โยนกลับคืนมาให้เธอ “ฉันก็อยากจะรู้ว่าเธอโผล่หน้ามาที่นี่อีกทำไม”
ปาหนันหน้าชาวาบด้วยความโกรธ หากวินาทีต่อมาสติก็ดึงรั้งให้เธอใจเย็น หญิงสาวไม่ได้ก้าวไปนั่งตรงข้ามเขาอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ ทำเพียงแค่ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วย้ำเตือนตัวเองว่าเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้เอเดรียนเกลียดเธอเพิ่มมากขึ้น
เธอมาขอร้องเขาต่างหาก...