ท่าทางหงุดหงิดของฮ่องเต้ยังคงมีอยู่ จนกระทั่งเขาอ่านมาถึงช่วงท้าย คิ้วหนาก็เริ่มขมวดเป็นปม “เจ้าชายอาซากิรับนางเป็นพระขนิฐาบุญธรรมกระนั้นหรือ อีกทั้งนางยังสามารถแปลวาจาต่างแดนได้ด้วย” ครานี้ฮ่องเต้หันมาถามสือเฟิงหลังจากอ่านจดหมายของพระอนุชาจบ “พ่ะย่ะค่ะ แม่นางเหอช่วยท่านอ๋องเจรจาเรื่องการค้าจนสำเร็จ เจ้าชายอาซากิทรงพอพระทัยมาก จึงเสนอขอรับนางเป็นพระขนิษฐา ทว่าอันที่จริงแล้ว คราแรกเจ้าชายก็ตั้งใจจะพานางกลับไปเป็นอนุ แต่ฉินอ๋องไม่ยินยอมพ่ะย่ะค่ะ เกือบจะได้ลงไม้ลงมือกันอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ดีที่แม่นางเหอคอยพูดให้” “มันจะมากไปแล้วกับทูตก็ไม่เว้น กะอีแค่สตรีนางเดียว ถึงกับคิดเป็นปรปักษ์กับต่างแดน ดื้อรั้น สิ้นคิด!” จากนั้นเสียงทุบโต๊ะก็ดังขึ้นอย่างขัดใจ เพราะฮ่องเต้รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก “หากฝ่าบาทไม่ยอม แล้วคิดว่าน้องสี่จะยอมหรือพ่ะย่ะค่ะ” รุ่ยอ๋องเตือนสติพระเชษฐาที