bc

ใจข้าสิ้นรักในตัวท่านแล้ว

book_age18+
864
ติดตาม
8.4K
อ่าน
love-triangle
ครอบครัว
จบสุข
คู่ต่างขั้ว
องค์ชาย
พ่อเลี้ยง
ดราม่า
โศกนาฏกรรม
หวาน
ชายจีบหญิง
ฉลาด
วิทยาลัย
การโกง
ความลับ
การเกิดใหม่
like
intro-logo
คำนิยม

คำโปรย...“ใจข้าสิ้นรักในตัวท่านแล้ว" ถ้อยคำนี้ เหอหลันถิงได้กลั่นมันออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ทุกสิ่งอย่างระหว่างนางกับเขามันจบสิ้นลงแล้ว นับตั้งแต่สามีอันเป็นที่รัก ใช้หมอนปลิดชีพนาง แววตาเย็นชาไร้ความปรานีนั้น นางยังจดจำได้ดีจากนี้ไป... ท่านและข้าจะไม่ข้องเกี่ยวกันอีก

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
1.คำลวงของสามี /1
ภายในห้องนอนเรียบง่ายของเหอหลันถิง กลิ่นยาสมุนไพรยังคงลอยคละคลุ้งในอากาศ ประตูหน้าต่างปิดแน่นเพื่อกันลมหนาวจากด้านนอก เพราะเจ้าของเรือนนี้อาการไม่สู้ดีนัก บนเตียงไม้เก่า ร่างของเหอหลันถิงยังคงนอนซุกกายใต้ผ้าห่มผืนหนา ถึงกระนั้นนางกลับรู้สึกราวกับตนเองถูกแช่อยู่ในน้ำอันแสนเย็นเฉียบ ทว่าอาการที่เป็นอยู่ มิใช่เกิดจากลมฟ้าอากาศเฉกเช่นผู้อื่น แต่เป็นเพราะความเจ็บปวดที่ถูกสามีหักหลังต่างหาก “ฮูหยิน ท่านต้องทานยาก่อนนะเจ้าคะ” เสียงแผ่วเบาของสาวใช้ตัวน้อยดังขึ้น นางถือถ้วยยาสมุนไพรเดินตรงเข้ามาหา มันส่งกลิ่นคละคลุ้งเข้มจัด บ่งบอกให้รู้เลยว่ามันจะต้องขมมากเป็นแน่ เหอหลันถิงเพียงเหลือบมองแล้วเมินหน้าหนี “ฮูหยิน...” สาวใช้เริ่มน้ำตาคลอเมื่อเห็นผู้เป็นนายยังคงดื้อรั้นเช่นเคย “ถ้าท่านไม่กินยา อาการจะทรุดหนักไปกว่านี้นะเจ้าคะ” ลี่อันยังคงโน้มน้าวหวังให้คนป่วยดื่มยาสักครั้ง ทว่าใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นใหญ่ กลับส่ายไปมาเหมือนทุกวัน เหอหลันถิงไม่ได้ตอบ นางยังคงจ้องมองไปที่ประตู ราวกับเฝ้ารอใครสักคน ใครคนนั้นที่เคยสัญญาว่า... จะไม่มีวันแต่งหญิงอื่น จะมีเพียงนางคนเดียวจนกว่าความตายจะพรากจาก ทว่า… คำสัญญาเหล่านั้นกลับสูญสลายไปหลังจากเขาสอบได้ปังเหยียน สามีที่เคยรักใคร่กันผู้นั้นได้หายไปแล้ว หลันถิงนึกย้อนไปในวันที่เขากลับมาจากการประกาศผลสอบ รอยยิ้มของเสวี่ยอี้เจิดจ้านัก มือเขาที่ใช้กุมมือนางสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น แววตาเปล่งประกายกว่าครั้งไหน ๆ จากนั้นผู้เป็นสามีก็แจ้งข่าวบอกว่าตนได้ตำแหน่งหัวหน้าในกรมพิธีการแล้ว ณ เวลานั้นหลันถิงมีความสุขมาก สมกับที่นางเฝ้าเพียรสั่งสอนเขาในเรื่องต่าง ๆ ทว่านับจากนั้นเพียงแค่ครึ่งปี… ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มกลับเรือนช้าลง บางครานางก็หลับไปแล้วด้วยซ้ำ เมื่อถามก็อ้างว่างานยุ่งมาก หนักเข้าก็สองสามวันกลับมาที กระทั่งวันหนึ่งนางจับได้ว่าเขาแอบไปซื้อจวนเอาไว้ซึ่งมันใหญ่กว่าเรือนหลังนี้หลายเท่าตัวนัก เมื่อโต้เถียงกัน เขาก็พานางย้ายจากชาญเมืองเข้ามาในเมืองหลวงด้วย ทว่าเหอหลันถิงกลับไม่ได้อยู่ในจวนกับสามี เพราะคำทำนายบ้าบอของสกุลจ้าวนั่นเอง แต่สำหรับเหอหลันถิงจะอยู่ที่ไหนนางก็ไม่ได้เกี่ยง ขอเพียงสามียังมาหาและยังเป็นเหมือนเคยนางก็พอใจแล้ว แต่นานเข้ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้เขาจะมาหาทุกวันยามเลิกงาน ทว่าการพูดคุยกลับไม่เหมือนเคย มีเพียงคำสั้น ๆ ไร้อารมณ์ จากบุรุษที่เคยจุมพิตหน้าผากนางทุกเช้า กลายเป็นคนที่ต้องทอดถอนใจทุกครั้ง ยามเขาเห็นนางมายืนรออยู่ที่หน้าเรือน ถึงกระนั้นเหอหลันถิงก็ยังคิดเข้าข้างตนเองว่าสามีคงเหนื่อยจากงาน จึงทำให้เขามีท่าทางต่างออกไปจากที่เคยเป็นมา ทว่าเมื่อสิบวันก่อนเขาก็ทำให้นางกระจ่างใจ เมื่อสามีเดินเข้ามาในเรือน สีหน้าเขาเรียบนิ่งดั่งน้ำแข็ง น้ำเสียงที่เอ่ยก็เย็นชานัก “ข้าจะแต่งบุตรสาวเสนาบดีเป็นภรรยาอีกคน” คำพูดที่เขาเอื้อนเอ่ยไม่ต่างจากคมดาบที่แทงเข้ามาทะลุกลางใจ เหอหลันถิงไม่ได้ร้องไห้ ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากห้ามปราม นางเพียงพยักหน้า น้อมรับความเจ็บปวดไม่ต่างจากหุ่นเชิดไร้หัวใจ นับจากวันนั้น…. นางก็ล้มป่วย และนาน ๆ ครั้งสามีจึงจะมาเยี่ยม มันยิ่งทำให้นางชอกช้ำจนไม่อยากรักษาร่างกายตนอย่างที่เห็น ********************* สิบวันต่อมา…. เสียงลมหนาวยังคงคร่ำครวญต่อไป พัดพากิ่งไม้เสียดสีกันราวกับเสียงดนตรีขับกล่อมให้ใจยิ่งเศร้าหนักกว่าเดิม ขณะที่คนป่วยได้แต่นอนนิ่ง ดวงตาหลุบต่ำมองมือเรียวที่ครั้งหนึ่งเขาเคยจับไว้ ทว่าบัดนี้... กลับเป็นมือว่างเปล่าที่ไม่มีใครกุมอีกต่อไป ‘อีกไม่นานพี่ก็จะเข้าพิธีกับคนอื่นแล้วสินะ’ นางพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะปิดเปลือกตาลงพร้อมกับหยดน้ำใสที่ไหลรินลงมา และแล้ววันมงคลที่เหอหลันถิงไม่อยากพบพานก็มาถึง วันแต่งงานของสามีมาถึงเร็วกว่าที่เหอหลันถิงคิดไว้ หรือบางที… อาจเป็นเพราะนางจมอยู่กับความเศร้านานเกินไป จึงไม่รู้ว่าวันคืนผ่านไปเท่าใดแล้ว เมื่อได้ยินเสียงดนตรีจากเรือนใหญ่ ใจของนางก็ยิ่งห่อเหี่ยว แม้แต่น้ำหรืออาหารก็ไม่ยอมแตะ ณ เรือนใหญ่รอบบริเวณประดับประดาด้วยผ้าแพรสีแดงสด เสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อมทั่วลานบ้าน แขกเหรื่อหัวเราะรื่นเริง ร่วมยินดีในงานมงคลที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ต่างจากตอนที่จ้าวเสวี่ยอี้แต่งกับเหอหลันถิงยิ่งนัก คงเป็นเพราะนางเป็นหญิงกำพร้า บิดามารดาเสียไปตั้งแต่อายุสิบสี่ จากนั้นครอบครัวสกุลจ้าวก็รับอุปการะนาง ด้วยว่านางมีทรัพย์สมบัติที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้ในยามนั้นมากมาย สกุลจ้าวจึงมัดมือชกจัดงานแต่งให้ทันทีที่พ้นการไว้ทุกข์ นั่นคือเมื่อสามปีก่อน หลังจากสอบผ่านเคอจี่ได้ จ้าวเสวี่ยอี้ก็ใช้สมบัติของภรรยาเป็นทุนเดินทางเข้ามาสอบจอหงวนที่เมืองหลวงต่อ หากจะว่าไปมันก็น่าแปลก เขาสอบมาถึงสองปี กลับไม่เคยผ่านแม้แต่รอบแรก ทว่าหลังจากแต่งงานกับเหอหลันถิง ความคิดและคำพูดคำจากลับดูฉลาดเฉลียวขึ้นมาก มิหนำซ้ำเมื่อเข้ามาสอบจอหงวนในเมืองหลวง เขาก็สอบติดทันที แม้จะได้แค่อันดับสองเป็นเพียง 'ปังเหยียน’ ก็ตาม แต่สำหรับครอบครัวคนธรรมดาอย่างสกุลจ้าว ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุดของวงตระกูลมากแล้วกับตำแหน่งนี้ ทว่าเมื่อเขาได้เป็นขุนนางสมใจ คนผู้นี้กลับเปลี่ยนไป ลืมหมดสิ้นว่าความสามารถที่ได้มาเกิดจากใครมอบให้ และลืมไปเลยว่าทุนกินอยู่ในตอนที่มาเมืองหลวงเมื่อสามปีก่อน มาจากผู้ใด ในหัวของจ้าวเสวี่ยอี้รวมถึงคนในครอบครัวเขาคงลืมไปหมดสิ้นแล้ว ยามนี้พวกเขาจึงได้ชื่นมื่นนัก ไม่แยแสเลยว่าใครจะเจ็บช้ำ ในขณะที่เรือนใหญ่มีแต่เสียงเฮฮาแซ่ซ้อง คนในเรือนเล็กกลับนอนน้ำตาตก ดวงตาแดงก่ำและบวมเป่ง เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ยังคงสีหม่น บนร่างกายไม่มีแม้แต่เครื่องประดับดีดีสักชิ้น ช่างไม่เหมาะกับฐานะภรรยาเอกเลยสักนิด หลันถิงเผยยิ้มเยาะตนเองเล็กน้อย ยามได้ยินเสียงแว่วดังมาจากเรือนใหญ่ เรือนที่นางไม่เคยได้เหยียบย่างเข้าไปตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อสองปีก่อน มากไปกว่านั้นในวันมงคลนี้ นางไม่ได้รับเชิญไปร่วมงาน ไม่ได้รับรู้พิธีส่งตัว และคงไม่มีพิธียกน้ำชาให้ภรรยาเอก ใจดวงน้อยปวดร้าวขึ้นเรื่อย ๆ มือขาวซีดกำผ้าห่มที่อยู่บนตัวแน่น และนางก็จมอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งผล็อยหลับไปด้วยใจร้าวราน เช้าวันต่อมา… บรรยากาศตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของบุปผาที่ปลูกประดับมากมายในสวน มันยังคงส่งกลิ่นหอมเฉกเช่นทุกวัน ทว่าเหอหลันถิงกลับไม่ได้อิ่มเอมกับสิ่งที่ตนตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเลย แม้บุปผาจะหอมมากเพียงใด มันกลับไม่อาจทำให้ใจคนแช่มชื่นคืนกลับมาได้ เพราะบัดนี้หลันถิงเหมือนตายทั้งเป็นไปแล้ว นางได้แต่นอนมองประตูห้องราวกับกำลังรอใครบางคนที่เคยสัญญาว่าจะรักกันตลอดไป และเมื่อเห็นเงาที่หน้าประตู นางก็พยายามจะลุกขึ้นเพื่อดูว่าใช่สามีของตนหรือไม่ “พี่หญิงเหอ… เป็นอย่างไรบ้าง ท่านคงไม่ว่าที่ข้าถือวิสาสะเข้ามาที่นี่กระมัง” เสียงหวานหยดดังขึ้นตรงหน้าประตู ก่อนที่หญิงสาวในอาภรณ์สีแดงสดจะก้าวเข้ามา พร้อมกับยิ้มหยัน นางคือหลี่ซุนซื่อ ฮูหยินคนใหม่ของจ้าวเสวี่ยอี้… สตรีผู้นี้มีใบหน้างดงามอยู่ไม่น้อย ทว่าแววตาที่นางกวาดมองไปโดยรอบ กลับเต็มไปด้วยความดูแคลนเจ้าของเรือนอย่างชัดเจน “ช่างแตกต่างจากเรือนใหญ่เสียจริง ดูเถิด... ทั้งแคบ ทั้งเก่า บ่าวไพร่ก็มีเพียงสองสามคน เช่นนี้คงไม่มีใครเรียกว่าเป็นเรือนของภรรยาเอกกระมังพี่หญิง” หลี่ซุนซื่อยังคงจีบปากจีบคอกล่าวหยัน หวังให้สตรีตรงหน้าตรอมใจตายไปเสียนางจะได้หมดเสี้ยนหนามตำแหน่งภรรยาเอกจะได้ตกเป็นของตนโดยไม่ต้องรออีกต่อไป

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

พิษรักซาตาน

read
5.4K
bc

ฮูหยินกลับมาเถิดข้าไล่พวกนางไปหมดแล้ว

read
10.1K
bc

รอยรักคนใจร้าย

read
10.0K
bc

ข้านี่แหล่ะ ฮูหยินของท่านแม่ทัพ

read
3.7K
bc

เกิดใหม่พร้อมกับมิติฟาร์มส่วนตัว

read
5.0K
bc

ทาสรักของจอมมาร

read
1.0K
bc

เกิดใหม่ทั้งที ดันกลายเป็นพี่สาวเจ้าแฝด

read
4.6K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook