ตอนที่.1 พี่อุ้มนะ..
"นักเรียนทุกคนอย่าแตกแถวนะคะ"
คุณครูกำลังจัดระเบียบเมื่อรถบัสแล่นมาจอดยังมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง
อาการสดใสยามเก้าโมงเช้า วันนี้เป็นงานเปิดนิทรรศการของมหาวิทยาลัยจึงมีบัตรเชิญให้โรงเรียนละแวกใกล้เคียงเข้ามาศึกษาเพื่อที่ในอนาคตอาจจะสนใจเรียนต่อ
"นิวเยียร์เราปวดฉี่" สาวผมเปียประบ่าสะกิดเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหน้า
"รอครูเช็กชื่อก่อนสิ"
"ไม่ไหวแล้วเยี่ยวจะเล็ด"
"ดะ เดี๋ยวเนย!"
ยังไม่ทันปรามเพื่อนจอมซนที่มีนิสัยดื้อรั้นวิ่งออกจากแถวไปโดยที่คุณครูไม่ทันสังเกตเพราะนักเรียนต่อคิวเช็กชื่อยาวเหยียด
นิวเยียร์ทำได้เพียงแจ้งคุณครูให้ หลังจากนั้นจำเป็นต้องแยกย้ายเดินออกไปเพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการและต้องมีใบประทับตราเพื่อไปเที่ยวยังบูทที่คุณครูกำหนดสามอย่าง
"บูทการโรงแรม บูทภาษา บูทวิศวกรรม" นิวเยียร์อ่านใบงานที่ครูสั่ง "แล้วไปทางไหนเนี่ย"
เด็กหญิงเดินไปตามทางชะเง้อมองหาเพื่อนแต่กลับหาไม่พบ ถ้าหากรออาจจะเสียเวลาและได้ลายเซ็นไม่ครบ
รองเท้านักเรียนสีดำเงาย่ำเดินอ้อมมาด้านหลังปรากฏว่าเจอตึกสูงใหญ่ที่แทบไม่มีผู้คนอยู่
"อย่าบอกนะว่า..หลงทาง!!"
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง
กรี๊ดดดด
เสียงหมาเห่าดังกึกก้อง ตัวมันสูงใหญ่สภาพซีดผอมแต่เขี้ยวยาวแหลมน่าสยดสยอง
ตัวเล็กยืนขาแข็งทำได้เพียงกรีดร้อง เนื้อตัวสั่นเทาถือใบงานแทบจะไม่ไหว มันส่งเสียงขู่คำรามขณะเดียวกันเด็กหญิงก็เริ่มเขยิบถอยหลัง
ฮึก~ ฮึกกก
โฮ่ง!!!
'กรี๊ดดดด'
งั๊บ
หมาตัวใหญ่ท่าทางดุร้ายพุ่งกระโจนเข้าใส่ทันที สัญชาตญาณทำให้รีบหลับตาปี๋แต่เซล้มลงกองกับพื้นสนามหญ้าเปียกชื้น
"ไอ้หมาบ้า!"
จู่ๆ เสียงทุ้มใหญ่ก็ดังแทรกขึ้น ตัวเล็กค่อยๆ ลืมตาเห็นหมากำลังกัดผ้าที่พันหนารอบแขนล่ำ
ผู้ชายตัวสูงผิวขาวใบหน้าหล่อเหลาจ้องสัตว์ร้ายเขม็ง เขาสู้กับมันอย่างไม่กลัวเกรงจนสุนัขยอมแพ้วิ่งแจ้นกระเจิงไป
"เป็นอะไรมากไหม..ทำไมมาอยู่หลังตึกแบบนี้คนเดียว" คิ้วหนาย่นรีบตรงไปหาก่อนจะพยุงเด็กหญิงขึ้นแล้วพาเดินเข้ามานั่งในตึกใหญ่
"ขอบคุณนะคะพี่หนูชื่อนิวเยียร์เป็นนักเรียนมัธยมของโรงเรียนเอกชนสตาร์แวนต์"
"อ๋อ..วันนี้มหาวิทยาลัยเปิดนิทรรศการ"
"ใช่ค่ะ คือหนูเดินหลงทางเพราะมันกว้างมาก ว่าแต่พี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ หนูเห็นมันกัดแขนพี่"
"ไม่เป็นไร ใช้เสื้อกันหนาวหนังแท้ห่อแขนมันกัดไม่ถึงเนื้อหรอก แต่อย่าไปไหนคนเดียวอีกนะยิ่งไม่คุ้นทาง"
ขณะที่ ชายหนุ่มในชุดมหาวิทยาลัย กำลังพูดคุยกับเด็กมัธยมวัยใส ภารโรงถือซากหมาตัวใหญ่เข้ามา
"มันตายแล้วครับต่อไปก็คงกัดใครไม่ได้แล้วนะ พอดีลุงได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งมาเห็นไอ้หมาตัวนี้มันวิ่งสวนทางไป" ลุงเหงื่อโชกลากหมาใหญ่ที่มีเลือดไหลออกจากปาก "มันวิ่งไปโดนกับดักที่สวนข้างรั้วครับ เวรกรรมจริงๆ ที่จริงมันไม่ได้ดุร้ายหรอกแต่มันเป็นหมาจรจัดคลอดลูกออกมาก็ตายหมดน่าเวทนา"
พูดจบลุงก็เดินผ่านเพื่อนำซากของสัตว์ไปกำจัด สาวน้อยนิ่งเงียบสักพักน้ำตาก็ไหลพราก
ฮือออ ฮึก ฮื้อ
"เฮ้ยยย! น้องเป็นอะไร" ผู้ชายตรงหน้าตกใจ หันขวับ รีบเดินไปใกล้ "ร้องไห้ทำไมเนี่ย"
"ฮึก เพราะหนูมันถึงต้องตาย ฮือ ถ้าหนูไม่เดินหลงทางมาเจอมันก็คงไม่ตกใจจนวิ่งหนีไป"
"นี่..มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะและไม่ใช่ความผิดของใครด้วย"
น้ำตาอาบรดเต็มสองแก้มใส แต่เด็กไร้เดียงสายังคงร่ำไห้จับกระโปรงนักเรียนที่สวมใส่ขย้ำแน่นราวกับเจ็บปวดมาก
ชายหนุ่มจ้องมองไม่วางตา เขาตัดสินใจนั่งย่อตัวลงเอื้อมมือขึ้นวางทับทาบบนผมยาวสลวยที่ถักเปียอย่างเรียบร้อย
"หยุดร้องไห้ได้แล้วมันไม่ใช่ความผิดของน้องหมาจรจัดก็แบบนี้ชีวิตจะเป็นจะตายก็เกินคาดเดา" แม้จะพยายามปลอบแค่ไหนแต่เด็กหญิงก็ยังปล่อยโฮ
"ฮือออ แต่มันไม่ควรต้องตายวันนี้ไง ฮึก"
"จะบ้าเหรอใครจะกำหนดวันตายได้ ฮ่าๆ"
"หนูสงสารมัน ฮึก ชีวิตต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดแถมต้องมาตายแบบนี้เพราะหนูแท้ๆ"
สุดท้ายชายหนุ่มวัยมหาวิทยาลัยตัดสินใจยืนขึ้น เขาพูดเตือนสติ "น้องหายมานานแบบนี้เดี๋ยวทุกคนก็ตามหาหรอก เรารีบกลับเข้างานกันดีกว่าไม่กลัวครูลงโทษเหรอ หืม"
ฮือออ~ฮือออ
"ถ้ายังไม่หยุดร้องไห้พี่จะอุ้มนะ"
"ฮึบบบบ!!"
คำพูดนี้ของเขาได้ผลชะงักเสียงร้องสะอื้นหยุดพลันเม้มริมฝีปากเข้าหากันกะทันหันปรายตากลมใสจ้องมองผู้ชายตัวสูงที่ยืนเต็มส่วน
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้เงื้อมือปาดเช็ดน้ำตาให้พร้อมเอ่ยเสียงเรียบ
.
.
"เป็นเด็กดีแบบนี้สิน่ารักมากเลย"