ธีร์ภพตรงดิ่งเข้าเรือนปั้นหยาตั้งแต่ช่วงบ่าย เขาแทบสะบัดรองเท้าปลิวละลิ่วออกจากเท้าด้วยความหัวเสียจัด หลังพลิกบริษัทหาตัวปาลิน แต่ก็ยังไม่พบ หล่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น กระทั่งเขาจนปัญญา สุดท้ายเลยต้องบากหน้าไปหามารดาถึงที่ห้อง แกล้งชวนท่านไปทานอาหารเที่ยง หวังเลียบๆ เคียงๆ ถามหาลูกสะใภ้คนโปรด ท่านค้อนเขาปะหลับปะเหลือก แล้วพูดเพียงสั้นๆ ว่า “แกมันเป็นสามีที่ห่วยแตก!” แล้วท่านก็หุบปากฉับ ไม่ยอมพูดหรือขยายความอะไรอีกเลยสักคำ ปล่อยให้เขาหอบเอาอารมณ์ร้ายๆ ที่จวนจะระเบิดเต็มทีกลับบ้าน เพราะทนนั่งไม่ติดเก้าอี้อยู่ที่บริษัทต่อไปไม่ไหว กลับมาเอนหลังพักผ่อนสักหน่อย คงจะทำให้เขาคลายความหงุดหงิดได้บ้าง ธีร์ภพเดินพ่นลมหายใจแรงๆ ขึ้นชั้นสอง ระหว่างกลางบันได หางตาเหลือบเห็นอะไรบางอย่างไหวๆ เขาจึงหันไปเพ่งมอง เป็นเปลชิงช้าขนาดใหญ่สำหรับคนนอนได้น่ะเองที่แกว่งไกวอยู่เบาๆ เขาขมวด