ห้านาทีต่อมา…
ติ๊ง!
หมับ!
“นี่คุณ ปล่อยมือฉันนะ คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย”
“คุณจะไปเรียนไม่ใช่เหรอ ผมก็ไปแถวนั้นเหมือนกัน อีกอย่างผมอยากไปส่งคุณชดเชยที่เมื่อคืนผมเสียมารยาทออกไปสูบบุหรี่แล้วทำให้คุณเดือดร้อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือโทษโกรธคุณค่ะ”
“แต่ผมเป็นครับ คุณถือซะว่าเห็นผมเป็นแกร๊บละกันนะ”
เป็นแกร๊บ?
เธอจะบ้าตาย จะเห็นเขาเป็นแกร๊บได้ไงก็ในเมื่อเขาไม่ใช่แกร๊บ อีกอย่างถ้าเกิดพี่ชายของเธอรู้ละก็ เธอได้โดนสายตาดุๆ ของพี่ชายมองตาขวางแน่ๆ
และไม่พอแค่นั้น ไอ้พี่ชายบ้าของเธอต้องเค้นถามแน่ๆ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร
“ดะเดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันขอเวลาแป๊บ” น้ำตาลยื้อขาไว้ไม่ยอมเดินตามไทเกอร์หลังจากที่เธอออกจากลิฟต์เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกฉุดให้เดินตามคนที่คว้าข้อมือไว้เมื่อกี้อีกแล้ว บวกกับได้คบคิดอย่างถี่ถ้วนว่าถ้าหากเธอนั่งรถไปกับไทเกอร์แล้วดันเจอพี่ชายจอมดุอย่างนักรบเข้าละก็เธอจะโดนอะไรบ้าง
“มีอะไรหรือเปล่า”
“คือว่า ฉันขอนั่งรถตัวเองไปเรียนดีกว่าค่ะ” ปฏิเสธคนตัวสูงที่กำลังยืนคิ้วขมวดใส่เธอเสร็จก็ทำท่าจะสะบัดมือออกแล้ววิ่งไปทางรถของตัวเอง แต่...
“คุณไม่ไว้ใจผม?” เธอกลับสะบัดมือไม่สำเร็จเพราะถูกรั้งข้อมือไว้ไม่ให้ไปไหน แถมคนที่ตั้งคำถามเมื่อกี้ก็จ้องตาเธอรอคำตอบอย่างกดดันด้วย แล้วประเด็นคือ จะบ้าเหรอ เธอจะไม่ไว้ใจได้ไงหน้าตาหล่อขนาดนี้ ต่อให้โดนจับไปทำเมียเธอก็ยอมอะ เพราะไม่ได้อยากอยู่เป็นโสดแบบนี้อยู่แล้ว อยากรีบมีผัวแล้วเอาไปเย้ยพี่ชายตัวดีมาก
แต่ที่ไม่อยากไปก็เพราะไม่อยากบังเอิญเจอกับพี่ชายตอนนี้ แล้วตาคุณชื่อไทเกอร์โดนต่อยหน้าเสียโฉมซะก่อนต่างหากล่ะ
ใช่ค่ะ เธอไม่อยากให้ความหล่อของเขาต้องมีตำหนิ ก็หล่อขนาดนี้ เกิดโดนพี่ชายของเธอต่อยดั้งหักขึ้นมาละก็เสียโฉมแย่เลย
“คือว่าฉันเปล่าไม่ไว้ใจคุณนะ แต่ว่าคุณไม่ใช่แกร๊บจริงๆ อะ” เพราะถ้าโดนจับได้ขึ้นมาแล้วบอกว่าเขาเป็นแกร๊บ คนที่ดูท่าทางมีอันจะกินขนาดนี้ หล่อสะอาดขนาดนี้ มองยังไงก็เฃดูออกว่าไม่ใช่แกร๊บจริงๆ
“คุณกำลังหาว่าผมเป็นแกร๊บปลอม?”
“ถ้าตอบแบบไม่อ้อมค้อมก็ใช่ค่ะ เพราะคุณไม่ใช่แกร๊บจริงๆ สักหน่อย”
“สรุปก็คือคุณไม่นั่งรถไปกับผม” ไทเกอร์ที่ยืนจับมือของน้ำตาลไว้ก่อนหน้านี้เอ่ยถามขึ้น ขณะที่สายตากำลังจ้องมองใบหน้าสวยที่เต็มแต้มไปด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ นิ่ง ทำให้น้ำตาลที่แพ้สายตาคมดุแต่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์เบาๆ ถึงกับเลิ่กลั่กไม่กล้าสบสายตานิ่งๆ แบบกดดันนั่นเลยทีเดียว
และเพราะเธอไม่กล้าสบสายตากับเขาจึงเลือกที่จะเบือนหน้าไปทางอื่นแทน ก็เลยไม่รู้ตัวว่าไทเกอร์เลื่อนมือข้างที่ว่างจากการจับมืออีกข้างของเธอมาจับมือฝั่งที่ถือกุญแจรถแล้วรูดกุญแจรถในมือของเธอไปตอนไหน
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาพูดว่า…
“ผมว่าคุณต้องนั่งรถไปกับแกร็บปลอมๆ แบบผมแล้วล่ะ เพราะคุณไม่มีกุญแจรถแล้ว” ไทเกอร์ว่าพร้อมกับโชว์กุญแจรถยนต์ของน้ำตาลให้เจ้าของดูด้วยสีหน้าและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทำให้คนที่ถูกขโมยกุญแจรถอย่างน้ำตาลถึงกับอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะโดนฉกกุญแจรถไปแบบนั้น
"นี่คุณ! เอากุญแจรถของฉันคืนมานะ" น้ำตาลว่าพร้อมกับพยายามยื้อแย่งกุญแจรถในมือของไทเกอร์ไว้ แต่กุญแจที่คิดว่าจะได้คืนกลับมาง่ายๆ กลับถูกชูขึ้นสูงแล้วซะงั้น
ทำให้น้ำตาลที่ถูกไทเกอร์จับมือข้างหนึ่งอยู่ ต้องพยายามกระโดดคว้ากุญแจอย่างทุลักทุเล และเพราะความทุลักทุเลนั่นจึงทำให้เธอกระโดดพลาดท่าเอาปากตัวเองกระแทกริมฝีปากของคนตัวสูงกว่าอย่างไม่ได้ตั้งใจเข้า!
O_o
"คุณจูบผม"
"ปะเปล่านะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะจูบคุณนะ อีกอย่างไม่เรียกว่าจูบเถอะ ปากของฉันแค่แตะโดนปากคุณแรงไปหน่อยแค่นั้นเอง"
"แล้วต่างตรงไหนกับคำว่าจูบ" ให้ตายเถอะ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ชอบต้อนเธอแบบนี้ตลอดเลย ต้อนอย่างเดียวไม่พอยังขยับเข้ามาใกล้เธออีก แล้วสีหน้าสายตาทุกอย่างมันก็ทำให้เธอไม่กล้าสบสายตาเขาอีกแล้วด้วย
"คุณหยุดขยับเข้ามาใกล้ฉันได้แล้ว" ถึงแม้ว่าห้ามไปแบบนั้น แต่คนที่ไม่คิดจะฟังอยู่แล้วอย่างไทเกอร์จึงไม่ได้ทำตามคำสั่งของเธอ สุดท้ายเธอก็เลยต้องยอมไปในที่สุด
"โอเคๆ เราไปเรียนกันเถอะ ฉันยอมนั่งรถไปกับคุณก็ได้"
กึก!
"หึ งั้นเชิญครับ"
เฮ้อ~
เสียงถอนหายใจโล่งอกดังขึ้นเบาๆ จากน้ำตาลหลังจากที่อีกฝ่ายหยุดเท้าไว้แค่นั้น แล้วเปลี่ยนฉุดข้อมือของเธอที่จับไม่ปล่อยตั้งแต่แรกพาไปที่รถสปอร์ตคันหรูสีเงินแวววับของเขาในที่สุดแทน
.
.
.
@มหาวิทยาลัย
"คุณเอากระเป๋าบังหน้าตัวเองทำไม ทำเหมือนกำลังหลบใครเลย" หลบใครเหรอ ถ้าอาการนี้มันเกิดที่มหาวิทยาลัยในเวลานี้ละก็ ก็ไม่ได้หลบใครเลยนอกจากพี่ชายจอมดุคนเดียว
เธอไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ชายอยู่ไหน มาถึงมหาวิทยาลัยหรือยัง แต่การที่เธอลงมาจากรถของผู้ชายในลานจอดรถของเด็กคณะวิศวะแบบนี้มันก็ย่อมไม่ดีอยู่แล้วแน่ๆ อีกอย่างถ้าหากมีเพื่อนของพี่ชายจอมดุแอบซุ่มมองอยู่แถวนี้ดันเอาไปฟ้องละก็ เจ้าของร่างสูงที่กำลังมองเธอจากอีกฝั่งของรถได้ซวยแน่
"เปล่าค่ะ ฉันร้อนอะ แดดมันส่องหน้า" น้ำตาลเลือกที่จะโกหกไทเกอร์แต่คำว่าแดดมันส่องหน้าที่หลุดออกไปจากริมฝีปากของน้ำตาล ไม่ถึงเสี้ยววินาทีจากที่ไทเกอร์ยืนอยู่อีกฝั่งของรถ ก็รีบเดินมาหาพร้อมถอดเสื้อช็อปสีแดงออกแล้วกางขึ้นบังแดดให้เธออยู่ข้างๆ ทันที ทำให้ตอนนี้เธอเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายโดยมีเสื้อช็อปสีแดงของเขาเป็นกำบังแสงแดดอยู่ข้างบน
แต่ให้ตายเถอะ ถ้าขืนพี่ชายของเธอมาเห็นเข้า มันจะตายกันเป็นหมู่คณะเอาได้นะ
"ยังร้อนอยู่ไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนโยน
"มะไม่ร้อนแล้วค่ะ แต่ฉันว่าเรายืนห่างๆ กันก็ได้นะคะ" ถึงแม้ว่าในใจไม่อยากให้คนตัวสูงข้างๆ อยู่ห่างออกไปตามที่ได้บอกออกไปและด้วยเพราะกลิ่นกายที่หอมสดชื่นจากเขาที่มันตีจมูกของเธอได้หอมมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้ควรยืนห่างกันก่อน
"ห่างไม่ได้หรอก"
"ทำไมคะ"
"ผมกลัวคุณเป็นลมแดด" เจ้าของเสื้อช็อปที่บังแดดให้เธอตอนนี้พูดขึ้นเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่ตรงกันข้ามกับคนที่ได้รับฟังอย่างน้ำตาลที่ต้องมายืนนิ่งตัวค้างใจเต้นแรงกับประโยคเมื่อกี้ แถมใบหน้าก็เห่อร้อนเพราะความขวยเขินที่กำลังปะทุตอนนี้อีก
ใช่ เธอกำลังคิดว่าที่ไทเกอร์พูดแบบนั้นเมื่อกี้เป็นเพราะเขากำลังห่วงเธอ แต่ก็ยืนใจเต้นแรงได้ไม่นาน เธอก็ต้องตกใจเมื่อคนข้างๆ บอกว่า...
"รีบไปเถอะ เดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณที่คณะ" ส่งที่คณะ! ไม่ได้!
น้ำตาลรีบชะงักเท้ายืนค้างไว้ที่เดิมอยู่อย่างนั้น เพราะไม่อยากให้ไทเกอร์ไปส่งที่คณะ ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นปฏิเสธคนตัวสูงกว่าอย่างร้อนรน
"ไม่ๆ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินไปเองได้ ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่แล้ว"
"ถ้าคุณไม่ให้ผมเดินไปส่ง งั้นผมอุ้มไปส่งนะ" ไทเกอร์ไม่ว่าเปล่า แต่ทำท่าจะอุ้มน้ำตาลขึ้นมาจริงๆ จนคนตัวเล็กอย่างน้ำตาลต้องรีบเบี่ยงตัวหนี เพราะถ้าอุ้มไปส่งเธอที่คณะจริงๆ ได้ฮือฮากันทั้งมหาวิทยาลัย เรื่องได้ไปถึงหูของพี่ชายเธอแน่
"หึ ถ้าไม่อยากให้อุ้ม ก็เชิญครับ" ไทเกอร์ว่าพร้อมผายมือเชิญให้น้ำตาลเดิน คนที่ไม่มีสิทธิ์เลือกและไม่มีทางเลือกอย่างเธอจึงเลือกอะไรไม่ได้ก็เลยต้องยอมเดินไปที่คณะของตัวเองพร้อมผู้ติดตามอย่างไทเกอร์ไปอย่างจำยอม