"ส่งแค่ตรงนี้ก็พอค่ะ ที่เหลือฉันเดินไปเอง" หลังจากที่ไทเกอร์เดินมาส่งน้ำตาลได้ครึ่งทางแล้ว น้ำตาลก็บอกไทเกอร์พร้อมเม้มปากฉีกยิ้มบางๆ กลับไป แต่คนที่ยังไม่ค่อยพอใจกับการเดินมาส่งได้แค่ครึ่งทางอย่างไทเกอร์กลับยืนเงียบไม่ตอบ เอาแต่จ้องใบหน้าสวยของน้ำตาลก่อนจะสลับมองไกลไปยังภาพตรงหน้าที่เป็นหน้าตึกคณะแพทย์ของคนที่เขาเดินมาส่งในภายหลัง
"ทำไมคุณถึงไม่ให้ผมเดินไปส่งให้ถึงหน้าคณะ" ทันทีที่ถามจบไทเกอร์ก็เรียกสายตากลับมาจ้องใบหน้าของน้ำตาลอีกครั้ง ทำเอาน้ำตาลที่ถูกมองแบบนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูกได้แต่ยืนเลิ่กลั่กไปมาเพราะการที่ถูกเพ่งมองพร้อมถามแบบนั้นมันทำให้เธอคิดคำตอบไม่ทันแถมเธอก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปแบบไหนด้วย
"คือว่า..."
"คุณกลัวพี่ชายคุณเห็น?"
"คุณรู้ได้ไง"
"ก็คุณเคยบอกผมเองว่าพี่ชายหวงคุณมาก" จริงด้วยเธอลืมไปแล้วว่าเคยบอกกับเขาแบบนั้น
"ค่ะ ฉันกลัวเขาเห็นว่าคุณเดินมาส่งฉัน แล้วทำให้คุณลำบาก" น้ำตาลบอกไปตามที่เธอได้คิด เพราะที่ไม่อยากให้มาส่งก็เพราะว่ากลัวจะทำให้ไทเกอร์ลำบากถ้าเผลอเจอพี่ชายแถวนี้ เนื่องจากถัดไปอีกนิดเดียวก็เป็นตึกคณะของพี่สะใภ้อย่างลูกพีชด้วย เช้าๆ เกรงว่าจะเจอพี่ชายของเธอป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้
"ผมลำบากยังไง" แต่ด้านไทเกอร์กลับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ เมื่อคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าบอกว่าจะทำให้เขาลำบาก
"ก็...ฉันกลัวว่าคุณจะโดนพี่ชายฉันเล่นงานอะ"
"หึ คุณดูเหมือนผมอ่อนแอและขี้ขลาดขนาดนั้นเลย?" พอได้รับคำตอบที่ทำให้หายสงสัย มุมปากบนใบหน้าหล่อเหลาก็ถึงกับยกโค้งขึ้นพร้อมกับเสียงทุ้มในลำคอดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะตามด้วยประโยคที่ทำให้น้ำตาลต้องรีบปฏิเสธ
"ไม่ใช่นะคะ คือ..."
"โอเค คุณไม่ต้องอธิบายแล้ว คุณฟังผมอย่างเดียวนะ ผมไม่กลัวพี่ชายคุณเพราะผมกำลังจีบคุณอยู่ เพราะฉะนั้นผมไม่สนถ้าพี่คุณจะเปิดกับผม"
ตุบตุบ! ตุบตุบ! ตุบตุบ!
แต่หลังจากที่ได้ยินคำว่าจีบออกมาจากปากของคนตัวสูงตรงหน้าที่กำลังทำหน้าจริงจังอยู่ตอนนี้ หัวใจดวงน้อยๆ ห้องบนซ้ายก็พากันเต้นรัวแรงอย่างบ้าคลั่งทันที รวมไปถึงอาการตรงส่วนอื่นอย่างแก้มทั้งสองข้างของเธอที่เห่อร้อนขึ้นมาและตรงบริเวณท้องน้อยที่รู้สึกวูบวาบขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ให้ตายเถอะ นี่เธอกำลังโดนจีบจริงๆ เหรอเนี่ย
"คุณอนุญาตให้ผมจีบคุณไหม" เมื่อตัดสินใจพูดออกไปว่าตัวเองกำลังจีบอีกฝ่ายอยู่ ไทเกอร์ก็ไม่รอช้าทวงถามน้ำตาลทันทีว่าอนุญาตให้ตัวเองจีบหรือไม่ แต่ตัดภาพไปที่น้ำตาลที่ยืนอึ้งพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงตอนนี้นั้น ก็ทำไทเกอร์แอบยิ้มบางๆ ออกมา เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังเขินหน้าแดงตัวแดงจนน่าเอ็นดูมากไงล่ะ
ขณะที่น้ำตาลที่ยังคงสบตาไทเกอร์ไม่วางตาได้แต่บ่นในใจคนเดียวว่า
'ให้ตายเถอะแล้วนี่เธอต้องอนุญาตก่อนใช่ไหม แล้วถ้าอนุญาตต้องตอบว่ายังไงล่ะ โอ้ย อยากจะบ้าตาย เขินจนอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินอยู่แล้วเนี่ย แต่เอาเถอะ ตอบเสร็จวิ่งเลยละกัน'
"อืม ฉันอนุญาตค่ะ"
กรี๊ดดดดด เธอขอวิ่งก่อนละกัน ไม่ไหวแล้วอยู่ต่อตรงนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะมันทำให้ร่างกายเธอแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะอาการเขินอยู่แล้ว
.
.
.
หลังจากที่น้ำตาลตอบเสร็จก็วิ่งหนีไทเกอร์เข้าคณะไปทันที คนที่ได้เห็นอาการนั้นที่แสดงออกมาอย่างน่ารักจากน้ำตาลอย่างไทเกอร์ก็ได้แต่ยืนยิ้มเอ็นดูอยู่ที่เดิมก่อนที่จะหมุนตัวเดินกลับไปที่คณะของตัวเองในภายหลัง ส่วนคนที่เขินจนแก้มแดงเป็นไร่มะเขือเทศอย่างน้ำตาลก็เอาแต่นั่งหายใจหอบแต่สีหน้ายิ้มไม่หุบอยู่ที่โต๊ะใต้คณะคนเดียว
ซึ่งเธอนั่งยิ้มอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่รู้ตัวว่าหนึ่งในเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างเพอร์ลี่กำลังเดินเข้ามาหา จนกระทั่งที่...
ปัง!
เฮือก!
"ฮันแหน่ แกยิ้มเขินอะไรอะ ฉันเห็นนะ" เพอร์ลี่ที่เพิ่งมาถึงได้ตบโต๊ะเสียงดังจนสะดุ้งตัวโยนก่อนจะเอ่ยแซวน้ำตาลอย่างจับผิด เพราะเมื่อกี้เธอทันเห็นตอนที่เพื่อนวิ่งเร็วๆ มาจากลานจอดรถคณะวิศวะแล้วมานั่งอมยิ้มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขวยเขินอยู่ตรงนี้อย่างที่เห็นตอนนี้
"ยัยเพอร์แกจะตบโต๊ะทำไมเนี่ย ตกใจหมด" น้ำตาลที่ตกใจเสียงตบโต๊ะของเพอร์ลี่เพราะดังจนทำให้หัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จึงตวัดสายตาดุใส่เพื่อนตาเขียว ก่อนจะนั่งเงียบทำเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นกลบอาการก่อนหน้านี้ที่เพื่อนแซวไปด้วย
"แหนะ ตกใจจริงอ่อ นึกว่ามัวแต่นั่งเขิน"
"เขินอะไร" ปากถามแต่มือทำเป็นเล่นโทรศัพท์ไปขณะที่สายตาก็ล่อกแล่กไปมาพยายามเก็บอาการและความลับที่เพื่อนสงสัยสุดๆ เนื่องจากเธอยังไม่พร้อมที่จะโดนเพื่อนแซวในตอนนี้ถ้าบอกความจริงออกไป
"แล้วแกเขินอะไรล่ะ"
"ไม่มี๊ ไม่ได้เขินสักหน่อย" น้ำตาลตอบปฏิเสธเสียงสูง พร้อมแอบเหลือบมองเพื่อนไปด้วยก่อนที่จะเรียกสายตากลับมาจ้องหน้าจอโทรศัพท์ต่อ
"ไม่ได้เขินแต่แกนั่งอมยิ้มแก้มแดงเนี่ยนะ หรือว่า...มีคนมาจีบเหรอ หนุ่มคณะไหนอะ วิศวะหรือเปล่า"
"แค่กๆ"
แต่พอโดนเพื่อนจี้ถามและสาวไปถึงคำว่ามีคนมาจีบและเป็นหนุ่มวิศวะที่ตรงตามเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อกี้ด้วยแล้วละก็ น้ำตาลถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองไอหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว เพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะพูดได้ตรงขนาดนี้อย่างกับตาเห็น
"แหนะ สำลักด้วย แสดงว่ามีหนุ่มวิศวะมาจีบจริง"
"อะฮึ่ม! ไม่มี ไม่มีจริงๆ นะ" น้ำตาลเอามือที่ป้องปากก่อนหน้านี้ออกแล้วกระแอมไอรีบปฏิเสธสิ่งที่เพื่อนกล่าวออกมาอย่างร้อนรน ก่อนจะนั่งมองหน้าเพื่อนที่กำลังจ้องตาเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสาสุดๆ
"แต่ฉันเชื่อว่ามี เพราะสายตาแกมันปิดฉันไม่ได้ค่ะเพื่อนรัก" เพอร์ลี่ว่าจบก็ยิ้มกริ้มอย่างผู้ชนะ เมื่อลองเพ่งมองลงไปในดวงตาใสๆ ของเพื่อนแล้วพบว่าเพื่อนซ่อนความจริงเต็มไปหมด
หึ เอาละซี้ ยัยน้ำตาลเพื่อนสุดสวยสุดโก๊ะของเธอไปมัดใจใครให้มาจีบได้ละนี่
"เฮียรบรู้ยังว่ามีคนมาจีบแก" เมื่อปิดยังไงก็ปิดไม่มิดและถูกเพื่อนจับได้ไปแล้ว น้ำตาลก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธไปอีกทำไม สุดท้ายก็เลยยอมรับด้วยการส่ายหน้ารัวๆ ต่อคำถามของเพื่อนที่เอ่ยถามตัวเองเมื่อกี้ ซึ่งทำให้เพอร์ลี่ที่พอจะรู้จักนิสัยการหวงน้องสาวของนักรบผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อนในระดับหนึ่ง เอ่ยออกไปสีหน้ากังวลเล็กน้อย
"แกหาเรื่องใส่ตัวแล้วตาล ถ้าเฮียแกรู้นะได้องค์ลงไปกระทืบผู้ชายคนนั้นแน่ๆ อะ" เพราะความหวงน้องสาวของนักรบนั้นไม่มีใครเกินคนอย่างเขาแล้ว ไม่งั้นเพื่อนของเธอคงไม่โสดมาจนถึงป่านนี้
"เพราะฉะนั้นแล้ว แกก็อย่าให้ยัยแพรวารู้โอเคไหม เพราะฉันกลัวแพรวาจะหลุดปากพูดกับเฮียไคแล้วเฮียไคเอาไปฟ้องเฮียรบต่อ" น้ำตาลบอกพร้อมทำตาแป๋ววิ้งค์ๆ อย่างน่าเอ็นดูใส่เพื่อนกลับ ให้เพื่อนช่วยเก็บเป็นความลับไปก่อน
"เฮ้อ~ มีพี่ชายหวงน้องเกินไปก็ลำบากเหมือนกันเนอะ จะมีผัวก็ไม่ได้" เพอร์ลี่ถอนหายใจพร้อมกับพูดประชดประชันออกไปแบบไม่จริงจังนัก ก่อนที่จะรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มกริ้มเมื่อนึกถึงคำถามที่อยากถามเพื่อน
"ว่าแต่พ่อหนุ่มคนนั้นหล่อไหมอะ"
"หึ หล่อมากกก หล่อกว่าพี่ชายฉันอีก" เมื่อถูกเพื่อนถามถึงความหล่อของไทเกอร์ น้ำตาลก็ไม่รอช้าเค้นเสียงในลำคอเบาๆ แล้วตอบเสียงลากยาวออกไปพร้อมสีหน้าที่บ่งบอกว่าไทเกอร์หล่อมากแค่ไหน ทำเอาเพอร์ลี่ที่เห็นถึงกับตาลุกวาวอยากเห็นหน้าไทเกอร์ตัวจริงเลยทีเดียว
"เขาชื่อไรอะ"
"เขาบอกฉันว่าชื่อไทเกอร์"
"ไทเกอร์? อือหืมถ้าใช่คนเดียวกันกับที่ฉันคิดไว้นะ แกได้ตัวซีเครตอีกคนของคณะวิศวะเลยยัยตาล เพราะคนนี้เขาหล่อแพรวพราวมาก แถมรวยมากด้วยแล้วก็ไม่เคยมีข่าวว่าคบใครมาก่อนด้วย สิบสิบสิบไปเลย"
"จริงดิเพอร์"
"จริงค่ะมึง"
ทันทีที่ได้ยินที่เพื่อนเล่าแล้ว น้ำตาลก็ได้แต่นั่งอมยิ้มเขินเบาๆ เพราะถ้าเป็นอย่างที่เพื่อนว่าก็มีบางข้อที่ตรงกับบุคลิกของอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน อีกอย่างที่ว่าได้ตัวซีเครตจู่ๆ คำนี้ก็ทำให้เธอเขินหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาดื้อๆ เพราะเหมือนเป็นตัวการันตีว่าอีกฝ่ายไร้มลทินแปดเปื้อน หายห่วงเรื่องเจ้าชู้ได้แน่นอน ซึ่งเธอขอมาโดยตลอดว่าถ้ามีแฟนคนแรกเมื่อไหร่ขออย่างเดียว ขออย่าเจอคนเจ้าชู้ก่อนก็พอ ไม่งั้นพี่ชายของเธอได้ตามติดเป็นเงายิ่งกว่าเดิมแน่