แพรไหมยืนนิ่งด้วยอาการเหม่อลอยหวนคิดถึงเรื่องราวระหว่างของเธอกับธาราก่อนหน้าที่เราจะแต่งงานกัน แพรไหมกับธารารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กเนื่องจากพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันเลยทำให้เธอกับธาราเจอกันอยู่บ่อย ๆ ตอนเป็นเด็กแพรไหมกับธาราสนิทกันมาก เธอชอบอยู่กับธาราสุด ๆ เพราะธาราเล่นสนุกและชอบตามใจเธอ มันเป็นแบบนั้นมาเสมอจนกระทั่งที่ธาราไปเรียนต่อต่างประเทศความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก็ค่อย ๆ ห่างกันไป แพรไหมกับธาราไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่ชายหนุ่มไปเรียนต่อ แต่แพรไหมก็รับรู้ข่าวคราวของธาราผ่านพ่อกับแม่ของเขา ตอนที่แพรไหมรู้ว่าธารามีแฟนอยู่ที่นู่น เธอเสียใจมากร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายกินไม่ได้นอนไม่หลับอยูีเป็นเดือน ๆ สาเหตุก็เพราะเธอนั้นแอบชอบธารามาตลอดเพียงแต่ไม่กล้าบอกเขาก็เท่านั้น แต่พอเวลาผ่านไปแพรไหมก็ยอมรับได้ ความรู้สึกที่มีให้ธาราก็จางหายไปตามกาลเวลา
หลังจากที่ธาราไปเรียนต่อนับเป็นเวลาหกปีที่เธอไม่ได้เจอเขา จนกระทั่งที่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วหางานทำ พ่อแม่ของแพรไหมเป็นคนแนะนำให้มาสมัครงานเลขาที่นี่ แพรไหมจึงได้รู้ว่าเธอต้องมาเป็นเลขาของธารา นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เราได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง แพรไหมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้เป็นอย่างดีเลยว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหน ธาราเปลี่ยนไปมากทั้งความหล่อและร่างกายที่ดูบึกบึนขึ้น เปลี่ยนไปจนเธอใจสั่นแต่สิ่งที่ไม่เคยเป็นไปจากเขานั้นคือความอบอุ่นที่เขามีให้เธอ ธาราใจดีกับเธอมาก ๆ ใส่ใจเธออยู่เสมอ เขาแสนดีจนเธอที่คิดว่าเลิกชอบเขาไปนานมากแล้วกลับหวั่นไหวให้เขาอีกครั้งเสียอย่างนั้น ความใกล้ชิด ความสนิทสนม ความเอาใจใส่ที่ธารามีให้ ทำให้ความรู้สึกที่อยู่ก้นบึ้งหัวใจของแพรไหมลุกโชนขึ้นอีกครั้ง เธอตกหลุมรักเขาจัง ๆ เหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน
แต่แล้วจู่ ๆ ก็เหมือนฟ้าผ่าลงแสกหน้าเมื่อความแสนดีที่ธารามีให้กันเสมอมาแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังที่แพรไหมยากจะยอมรับมัน ความเกลียดชังพวกนั้นมันเริ่มต้นขึ้นตอนที่รู้ว่าพ่อแม่ของเราต้องการให้เธอกับเขาแต่งงานกัน แม้ว่าทั้งเธอและธาราจะคัดค้านยังไงสุดท้ายก็ไม่เป็นผล เธอกับธาราก็ต้องแต่งงานกันตามคำสั่งของผู้ใหญ่ในที่สุด
มีประโยคหนึ่งที่ธาราพูดกับเธอตอนที่เราแต่งงานกัน เขาพูดมันด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงใจ
‘ฉันลดตัวลงมาแต่งงานกับคนอย่างเธอมันก็เกินพอแล้ว อย่าหวังว่าฉันจะรักคนอย่างเธอ’
เป็นประโยคที่แพรไหมจำมันได้ขึ้นใจแต่จำเนียกตัวเองอยู่เสมอมา
“เสร็จหรือยัง มัวชักช้าอะไรอยู่ฉันหิวจะลงแดงตายอยู่แล้ว” เสียงที่ดังเสียงขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ของธาราทำให้แพรไหมสะดุ้งหลุดจากภวังค์ด้วยความตกใจ
ธารายืนกอดอกพิงสะโพกกับโต๊ะทอดสายตามองเสี้ยวหน้าของแพรไหมสลับกับอาหารที่ยังอยู่บนโต๊ะ
หายเข้ามาในครัวนานสองนานแต่อาหารยังไปไม่ถึงไหน เธอมัวทำอะไรกัน ธาราชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิด
“มัวแต่ยืนเล่นเอ็มวีชาตินี้ฉันจะได้กินไหม”
“ถ้ารีบมากขนาดนั้นทำไมพี่เทียนไม่ทำเองล่ะคะ จะใช้แพรทำไม”
“อย่าปากดีแพรไหม” ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงเมื่อโดนหญิงสาวสวนกลับ
“แพรไม่ได้ปากดี แพรแค่พูดความจริง”
“เหอะ” ธาราเค้นหัวเราะเยาะออกมาเบา ๆ พลางคิดในใจว่าแพรไหมน่ะต่อปากต่อคำเก่งนักนะ แล้วเขาก็เป็นประเภทชอบคนปากดีแบบนี่ด้วยสิ
ธารามองใบหน้าจิ้มลิ้มของแพรไหมพลางกดสายตามองริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ รอยยิ้มหยันผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
แพรไหมผงะถอยหลังเมื่อธาราก้าวสุขุมเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคามกัน รอยยิ้มร้ายกาจของเขาทำใหัเธอรู้สึกหวาดหวั่นหัวใจเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่งระคนตื่นตระหนก
“ถะ ถอยไปนะคะพี่เทียน”
ธาราทำหน้าไม่สะทกสะท้าน
“ให้ถอยไปไหน ถอยได้ยังไง ฉันยังไม่ได้ลงโทษคนปากดีอย่างเธอเลยนะ” ปากดี ๆ แบบนี้ต้องจูบให้ปากแตก