เช้าตรู่ของอีกวัน..
แพรไหมลุกขึ้นมาอาบแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นทั้งของเธอทั้งของธาราลงกระเป๋าเผื่อว่าเกิดเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องนอนค้าง หลังจากเคลียร์ตัวเองเสร็จสรรพก็เหลือแค่ธาราที่ยังนอนหลับตาพริ้มกอดหมอนข้างอยู่
แพรไหมทอดสายตามองธาราด้วยความละเหี่ยใจ นี่ละเหรอคนที่บอกกับเธอว่าตื่นไหว จนป่านนี้แล้วยังนอนน้ำลายไหลไม่รู้เรื่องรู้ราว
เมื่อคืนไม่รู้ว่าเขากลับมาเวลาไหนด้วยความเหนื่อยเลยทำให้แพรไหมเผลอหลับยาว ไม่ได้อยู่รอธารากลับบ้านมาเหมือนเช่นทุกที แต่เธอคิดว่าเขาก็คงกลับดึกเหมือนอย่างเช่นทุกทีคงดื่มหนักเหมือนทุกครั้ง
“พี่เทียน พี่เทียนคะ” หลังจากยืนมองธาราอยู่นานและเขาไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา แพรไหมเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงข้างเตียงใช้มือสะกิดแขนเขาเบา ๆ “ตื่นได้แล้วค่ะนี่มันสายมากแล้วนะคะ” ระดับความดังของเสียงเพิ่มขึ้นทีละนิดเมื่อธารายังเอาแต่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาปัดป่ายมือเธอทิ้งด้วยความรำคาญ
“อื้อ” ส่งเสียงประท้วงออกมาเป็นระยะ
“ตื่นได้แล้วค่ะ มันสายแล้วนะคะ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน”
“……..”
“พี่เทียน” ทั้งเรียก ทั้งสะกิดแต่ธาราก็หาได้สนใจ เขาซุกหน้าลงกับหมอนราวกับรำคาญเสียงรบกวนของเธอเต็มทน
แพรไหมเหลือบมองเวลาสลับกับมองคนโตกว่าที่ไม่ยอมตื่นสักทีด้วยความเหนื่อยใจ ปากบอกว่าตื่นไหว ไม่ใช่คนไม่มีความรับผิดชอบ แล้วที่เธอเห็นตอนนี้มันคืออะไรดื่มจนเมามายสุดท้ายลุกไปทำงานไม่ไหว แบบนี้เรียกว่าคนมีความรับผิดชอบใช่ไหม เหอะ
“พี่เทียน แพรบอกให้ลุกขึ้นไงคะ ตื่นได้แล้ว” แพรไหมตะโกนใส่หูของชายหนุ่มอย่างเหลืออด “ตื่นเดี๋ยวนี้ พี่เทียน”
“โว้ย” คราวนี้ได้ผล ธาราลุกขึ้นมาขยี้ศีรษะตัวเองแรง ๆ อย่างไม่สบอารมณ์ ดวงตาคมมองแพรไหมตาขวาง “อะไรของเธอวะ”
“ดูเวลาด้วยค่ะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว พี่เทียนลืมไปแล้วเหรอคะว่าวันนี้เราต้องเดินทาง ไหนบอกว่าจะไม่ดื่มจนต้องเสียการเสียงานที่แพรเห็นคืออะไรคะ“ แพรไหมถามอย่างเหลืออดไม่คิดสนใจแววตาแข็งกร้าวของเขาที่มองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอเลยสักนิด
ธาราขยี้ผมด้วยความหงุดหงิดอยากลุกขึ้นไปฉีกร่างแพรไหมออกเป็นชิ้น ๆ ซะเดี๋ยวนี้ นับวันเธอยิ่งทำตัวเป็นแม่ของเขาเข้าไปทุกที แล้วไอ้ประโยคที่ว่า ‘ที่แพรเห็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร’
”ผัวเธอไง ตาบอดเหรอ“ นั่งทนโท่ หัว…ชี้โด่เด่ขนาดนี้เป็นพ่อเธอมั้ง
”พี่เทียน“ แพรไหมแหวใส่เขาเสียงดังลั่น
”วุ่นวายฉิบ“
”ไม่อยากให้แพรวุ่นวายช่วยลุกไปอาบน้ำด้วยค่ะ“
”รู้แล้ว รำคาญว่ะ ออกไปชงกาแฟรอฉันข้างนอกไป“ ธาราปัดมือไล่แพรไหมให้ออกไปไกล ๆ ส่วนเขาเดินตัวปลิวหายเข้าไปในห้องน้ำ
แพรไหมมองตามแผ่นหลังธาราด้วยความระอา ไม่คิดเก็บคำพูดของเขามาใส่ใจคล้ายว่าเธอจะชินและชากับคำพูดของธาราเสียแล้ว ตลอดเกือบปีที่ผ่านมาได้ยินคำพูดพวกนั้นของเขาจนชินหูและรู้สึกชินชาเกินกว่าจะรู้สึกอะไร
แพรไหมเตรียมชุดที่ธาราต้องใส่วางไว้ให้เขาก่อนจะเดินออกจากห้องลงมาชงกาแฟรอธาราอยู่ที่ห้องรับแขก ราวครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ธาราก็เดินลงมาในชุดพร้อมออกเดินทาง เขาเดินมาคว้าแก้วกาแฟที่เธอชงไว้รอกระดกดื่ม
“ทานข้าวไหมคะ” เธอถามไปอย่างนั้น เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็คงไม่ทานและคงตอกหน้าเธอกลับด้วยประโยคเจ็บแสบ
“ดูเวลาด้วยนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” แล้วนั่นเธอทายผิดซะที่ไหน
“ดูตลอดค่ะ คนที่ไม่ได้ดูน่าจะเป็นคนแถวนี้มากกว่านะคะ”
“ปากดีนักนะ”
“เรียนรู้มาจากพี่เทียนทั้งนั้น“ เขากัดฟันกรอดจ้องหน้าเธอแดงก่ำ
อะไรเข้าสิงเธอกัน ถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเขาขนาดนี้ ไม่เกรงกลัวกันแล้วสินะ