บางสิ่งที่ยังไม่รู้

907 คำ
หลังออกมาจากบ้านตาพวง ฉันก็หิ้วถั่วถุงใหญ่เบ้อเริ่มกลับมาด้วย ชาวบ้านที่นี่มักปลูกถั่วลิสงและข้าวโพดกันในฤดูนี้ จะมีก็แต่บ้านฉันที่ไม่ได้ปลูก แต่ก็มีคนเอามาฝากตลอด อย่างเช่นวันนี้ และที่ทำให้หนักใจ คือน้าอรฝากถั่วมาให้พ่อผู้ใหญ่ด้วย ตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกัน ฉันก็ไม่ได้คุยกับเขาอีก ปกติเรามีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเลย ทำไมเขาถึงได้ดูโกรธฉันนัก นี่ฉันต้องไปง้อก่อนจริง ๆ เหรอเนี่ย “พ่อผู้ใหญ่” เสียงเรียกที่หน้าบ้านดังพอให้คนด้านในได้ยินเสียง ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับอะไรดังกลับมาเลย “พ่อผู้ใหญ่ ได้ยินบ่” (พ่อผู้ใหญ่ ได้ยินไหม) ฉันยกมือขึ้นป้องปากตะโกน แต่เจ้าของบ้านก็ยังเงียบ ไฟก็ยังไม่เปิด หรือว่ายังไม่กลับมา ฉันครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดก็ตัดสินใจเดินขึ้นบ้านของเขาเพื่อไปเปิดไฟที่ชั้นบน สิ่งนี้ไม่ใช่การล้ำเขตพื้นที่หรือบุกรุกแต่อย่างใด เพราะพ่อของฉันเป็นน้องชายเมียพ่อผู้ใหญ่ และเราสองบ้านก็สนิทกันมาก ไปมาหาสู่กันประจำ แค่ขึ้นมาเปิดไฟบนบ้านให้ มันจึงเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ฉันเดินขึ้นมาด้านบนอย่างทุลักทุเล เพราะมองไม่เห็นทาง ก่อนแสงสว่างจะสาดจ้าไปทั่วบริเวณบ้าน ถึงได้หายใจหายคอคล่องขึ้นมาหน่อย “วางไว้ตรงนี้แล้วกัน” ฉันพึมพำกับตัวเองเสียงเบาเพื่อกลบเสียงความเงียบ ก่อนจะนำถุงถั่วขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินกลับออกไปทางเดิม สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่าง มันคือรูปภาพของเจ้าของบ้านทั้งสองคน นั่นคือพ่อผู้ใหญ่และป้าเนตร ดูเหมือนว่าฉันจะไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนนะ และมันไม่ได้ตั้งโชว์อยู่บนตู้เหมือนภาพอื่น ๆ แต่มันวางแนบลงไปกับโต๊ะไม้หน้าห้องนอนของพ่อผู้ใหญ่ ภายในกรอบภาพนี้มีบางสิ่งบางอย่างผิดสังเกต จนฉันต้องรีบเดินเข้าไปดูที่ภาพใกล้ ๆ อย่างให้ความสนใจ “ป้าเนตรท้องติ” (ป้าเนตรท้องเหรอ) พูดพร้อมกับช้อนภาพขึ้นมาถือ ถึงได้เห็นว่าเป็นภาพป้าเนตรกำลังตั้งท้องอยู่จริง ๆ ในภาพท้องโตมากแล้ว คาดว่าคงตั้งท้องได้ 8 เดือนหรือไม่ก็ใกล้คลอดเต็มทน แต่แววตาป้าเนตรกลับไปได้เบิกบานเท่าที่ควร ต่างจากพ่อผู้ใหญ่ที่ยิ้มร่าจนตาแทบจะปิด “พ.ศ. 2520” ฉันเลื่อนดู พ.ศ. ภาพถ่ายที่อยู่ขอบภาพ แม้จะเป็นภาพขาวดำ แต่มันก็ค่อนข้างใหม่ เพราะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี “ทอปีกูเกิดเลยตั๋วหนิ แล้วลูกเลาไปไส” (เท่าปีกูเกิดเลยนี่ แล้วลูกแกไปไหน) ฉันเม้มปากอย่างครุ่นคิด ก่อนจะจับกรอบภาพพลิกไปดูที่ด้านหลังอย่างให้ความสนใจ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อผู้ใหญ่เขาก็มีลูกด้วย และไม่เคยเห็นใครพูดถึงเรื่องนี้ “เฮ็ดอีหยัง” (ทำอะไร) เพล้ง! เสียงทักท้วงไม่เพียงแต่ทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก แต่ยังส่งผลให้กรอบภาพในมือร่วงลงสู่พื้นแตกกระจาย “พะ พ่อผู้ใหญ่” ฉันตาโตใจสั่นระรัว ขึ้นมาก็ไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมดเลย “ข่อยบ่ได้ตั้งใจ” (ฉันไม่ได้ตั้งใจ) ฉันรีบก้มลงไปหยิบภาพขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะจะได้เก็บเศษแก้วที่กระจายเกลื่อนพื้นก่อนที่เขาจะเหยียบมันเข้า แต่พอหยิบภาพคู่ของพ่อผู้ใหญ่ออก กลับพบว่ามีภาพหนึ่งที่ซ้อนอยู่ด้านหลังภาพ เป็นภาพเด็กทารกตัวเล็ก ไม่รู้ว่าเป็นรูปลูกของเขาหรือเปล่า แต่พอฉันเอื้อมมือหยิบภาพนั้นขึ้นมาถือพร้อมกับพลิกด้านหลัง ก็ถูกพ่อผู้ใหญ่กระชากดึงออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ช้าไปกว่าที่ฉันจะสังเกตเห็น ว่ามีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ด้านหลังอยู่ “กูสิเก็บเอง เมือเฮือนมึงไป” (กูจะเก็บเอง กลับบ้านมึงไปซะ) “ขะ ข่อย...” (ฉะ ฉัน...) ใจจริงก็อยากจะเอ่ยขอโทษ แต่ปากมันหนักเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้ เลยต้องยอมเดินออกมาจากบ้านของพ่อผู้ใหญ่ ทิ้งให้ความรู้สึกผิดลอยตลบอยู่ไม่จาง “แมนหยังล่ะนาว” (เกิดอะไรขึ้นมะนาว) แม่เดินเข้ามาถามทันทีที่ฉันกลับเข้ามาในบ้าน คงได้ยินเสียงของตกแตกจากชั้นบน “บ่มีหยัง” (ไม่มีอะไร) ฉันปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับตรงขึ้นมายังห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาไปกับเตียงอันหนานุ่ม ภาพที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำฉันว้าวุ่นได้ไม่น้อย มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวของพ่อผู้ใหญ่แน่ พรุ่งนี้ฉันจะถามแม่ให้รู้เรื่อง เพราะอยากรู้จนทนไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้านั่นคือลูกของพ่อผู้ใหญ่ แล้วเขาไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ ทำไมไม่มาเยี่ยมพ่อตัวเองบ้างเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม