ตอนที่ 9 อารมณ์ไม่ดี

2028 คำ
ตอนที่ 9 อารมณ์ไม่ดี ผมถูกผลักให้เข้าไปนั่งอยู่เบาะหลัง ภายในรถตู้หลังคาสูงติดฟิล์มสีดำทึบ ผู้ชายใส่ชุดดำสามสี่คนกระโจนตามขึ้นมานั่งประกบก่อนที่รถคันนี้จะเคลื่อนออกไป แต่มันก็ไปได้ไม่ถึงสิบเมตร เบื้องหน้านั้นคือรถแวนสีดำคันคุ้นตาสามคันขับมาจอดขวางปิดทางหนีทั้งด้านหน้า ด้านหลัง อีกทั้งซ้ายขวา “ลูก้ามาหาพี่” ผมรีบดึงลูก้าเข้ามาสวมกอด พยายามกวาดตามองทุกอย่างเพื่อระวังความปลอดภัย “บ้าเอ๊ย” เสียงพวกมันคนหนึ่งสบถออกมา “อย่าเสี่ยงดีกว่าน่า พวกนายไม่รอดหรอก” ผมหันไปยิ้มให้ได้คนที่ชักปืนตั้งท่าจะต่อสู้ “หุบปาก” “รุซ อะไรเหรอฮะ” ลูก้าเงยหน้าขึ้นมาถาม “ไม่มีอะไรหรอก พวกเรากำลังเล่นไล่จับกับคุณคาลวินน่ะ” “เอาไงดีวะ” เสียงใครคนหนึ่งฟังดูร้อนรนเอ่ยขึ้นมา “ชนมันเลย” ไอ้คนที่นั่งข้างผมตะโกนสั่งคนขับรถ เสียงเร่งเครื่องยนต์รถดังกระหึ่ม ขึ้นมาผมกดหัวลูก้าให้ซุกหมอบลงไปบนตัก ส่วนตัวเองขยับเอียงพยายามหามุมที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด หากมีคนบ้าคลุ้มคลั่งสาดกระสุนเข้ามา ปัง! เสียงปืนดังจนผมสะดุ้ง ลูก้าผวาตะกายขึ้นมากอดผมเอาไว้แน่น รถใหญ่พุ่งทะยานออกไปข้างหน้าก่อนจะชนปะทะเข้ากับรถแวนของพวกเมมเบย์ “อ๊า....” เสียงร้องไห้จ้าเพราะความตกใจของลูก้าทำให้ผมเกือบสติแตก แรงกระแทกจากการชนเมื่อครู่ทำเอาผมคอเคล็ดทีเดียว “กลัว กลัว” “ไม่ต้องกลัวพี่อยู่นี่” ผมหันหลังมองย้อนไปตามถนนเห็นรถของคนตระกูลเมมเบย์ขับตามมาติดๆ ผมรู้ว่าคุณคาลวินน่าจะอยู่ในรถคันใดคันหนึ่งซึ่งวิ่งประกบมาซ้ายขวา แต่ทว่ามันน่าแปลกตรงที่กลับไม่มีการสาดกระสุนใส่กัน หรือเพราะคนพวกนั้นรู้ว่าผมกับลูก้าอยู่ข้างใน ตระกูลเมมเบย์ไม่ใช่มาเฟียกระจอก แค่พวกมาเฟียลูกกระจ๊อกสามสี่คนเท่านี้ ไม่น่าจะมีปัญหาในการจัดการ ยิ่งคนอารมณ์ร้อนขี้หงุดหงิดอย่างคุณคาลวินมีหรือจะปล่อยให้คนพวกนี้มาลูบคมได้ง่ายๆ ดูท่าพอมาเฟียหน้านิ่งคนนั้นคงมีแผนอะไรในใจแน่ “ยิงแม่งเลย” “บ้าเอ๊ย” เสียงคำสบถมาพร้อมกับล้อรถยนต์ถูกเบรกจนหัวผมทิ่มลงไปโขกกับพนักเบาะด้านหน้า ลูก้าถึงกับร้องไห้จ้าเสียงหลง ปุ! ปุ! ปุ! เสียงอะไรหนักๆ เหมือนมีคนตบฝ่ามือลงไปบนเบาะรถ ตามมาด้วยอุทานสั้นๆ จากนั้นทุกอย่างก็เงียบหายไป แต่รถซึ่งเมื่อครู่มันถูกเบรกไว้กลับพุ่งทะยานต่อไปเบื้องหน้า การทรงตัวซัดส่ายจนคล้ายกับว่าไม่มีใครคอยควบคุมมันอยู่ด้านหลังพวงมาลัย ทันทีเมื่อกลับมานั่งตัวตรงได้สายตาปะทะเข้ากับหัวของคนที่นั่งอยู่เบาะหน้าห้อยพับหักลงมาพร้อมเลือดสีแดงไหลลงไปกองเต็มเบาะหนัง ตำแหน่งที่นั่งคนขับเจ้าร่างใหญ่ฟุบพับทับลงไปกับพวงมาลัย “แม่งเอ๊ย” ไอ้คนที่ยกปืนขึ้นมาจ่อผมไว้หน้าซีดจนเหลือง รถที่ปราศจากคนควบคุมพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วจนผมใจหาย ก่อนจะมีท้ายรถแวนคันหนึ่งมาขวางไว้ ประตูฝั่งคนขับถูกกระชากเปิดออกพร้อมกับร่างใหญ่ยักษ์ถูกเหวี่ยงหายไปจากสายตา “วิคเตอร์” คนที่เข้ามานั่งแทนที่ทำให้ผมหายใจสะดวกมากขึ้นขายื่นดีดเตะข้อมือข้างที่ถือปืนส่องไปหาผู้ช่วยของคุณคาลวิน ครืดดดด ประตูรถด้านข้างถูกลากให้เปิดออกพร้อมกับผู้ชายหน้าคุ้นที่ผมนอนกอดอยู่ทุกวัน ผมมองไม่ทันว่าคุณคาลวินทำอะไรได้ยินแค่เสียงอึก ๆ อักๆ จากนั้นไอ้คนที่ลากผมมาจากหน้าห้องน้ำก็หมอบติดอยู่บนพื้นด้านล่าง รถตู้คันใหญ่กลับมาทรงตัวได้แล่นเข้าไปจอดเทียบริมถนน “รุซลัน ลูก้า พวกนายโอเคหรือเปล่า” เจ้าของสีหน้าเคร่งขรึมขยับมานั่งบนเบาะด้านข้าง ฝ่ามือวางลูบไปตามใบหน้าและบ่าเคล็ดของผม “ครับ ผมโอเค” “คาลวิน” เจ้าตัวเล็กหันมาร้องไห้สะอึกสะอื้น “ไง ไหนบอกว่าจะไปดูหมีไม่ใช่เหรอ” คุณคาลวินยื่นมือไปรับเด็กน้อยมาช่วยปลอบขณะที่ผมยกมือขึ้นมาคลำหน้าผากปูดบวมโนของตัวเอง “คนนั้นพามา” นิ้วสั้นชี้ลงไปยังคนที่นอนหมดสติ “ลูก้ากลัวหรือเปล่า” “กลัวมากเลย เขาทำเสียงดัง ปัง!” น้ำตาหยดโตยังไม่หยุดไหล แต่เด็กน้อยพยายามเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “บังอาจมาก ฉันจัดการมันให้แล้ว เห็นหรือเปล่า” “ฮะ คุณคาลวินไปดูหมีมาหรือยัง” ขนาดเกิดเรื่องคอขาดบาดตายน้องชายของผมก็ยังคงห่วงเจ้าหมีในกรง “ยังเลย ฉันจะไปดูได้ยังไงในเมื่อนายกับรุซไม่ไปด้วย” คุณคาลวินหันมาแตะปลายนิ้วลงบนหน้าผากโน “นึกว่าคุณจะไม่ตามมาซะอีก” “ครั้งหน้าอย่าห่างฉันเข้าใจมั้ย” ท่อนแขนหญ่ดึงผมกับน้องชายเข้าไปกอดพร้อมกัน “ผมแค่พาลูก้าไปล้างก้น” ผมมายืนตัวแข็งอยู่ข้างตัวรถ เมื่อลงมาเห็นว่าด้านนอกนั้นมีคนของตระกูลเมมเบย์ยืนเรียงหน้ากระดานนับสิบ รถแวนแบบที่ผมเห็นจอดเรียงอยู่ในโรงจอดรถจอดต่อแถวประกบหน้า ประกบหลัง ยาวเป็นขบวน “เอ่อ...คุณคาลวิน” ผมไม่กล้าหันกลับไปมองคนที่อยู่ในรถเพราะฟังจากเสียงและกลิ่นคาวเลือด นั้นทำให้พอเดาออกว่าพวกมันคงลงนรกไปแล้ว “ไปโรงพยาบาล” คุณคาลวินหันไปออกคำสั่ง “คุณคาลวิน เราไม่ไปดูหมีแล้วเหรอฮะ” เด็กน้อยที่ยังอาลัยอาวรณ์การเที่ยวเล่นหยุดร้องไห้แล้วหันมาถามทันที “เดี๋ยวครับคุณคาลวิน ผมไม่เป็นอะไร” ผมหันไปมองหน้าเจื่อนของลูก้าแล้วเข้าใจความรู้สึกของเด็กน้อยทันที “นี่นายกับน้อง ยังจะมาห่วงดูสัตว์พวกนั้นอีกอย่างนั้นเหรอ” “ผมแค่หัวโนเท่านั้นครับ ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย ส่วนลูก้าที่ร้องไห้คงเพราะตกใจกลัวเสียงดัง เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” “ลูก้าอยากไปดูพี่หมีฮะ” “แน่ใจนะ ว่าไม่เป็นอะไร” “วางใจเถอะครับ ผมกับลูก้าเราเคยเจอเรื่องเลวร้ายกว่านี้มาเยอะ แค่นั่งรถซิ่งเท่านี้นะ ไม่เป็นปัญหาอะไรเลย” “ตกลง ถ้านายบอกว่าไม่เป็นไร” ผมกับลูก้าเรากลับมาที่พิพิธภัณฑ์อีกครั้งและทุกอย่างยังคงสงบเรียบร้อย ราวกับว่าเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาไม่ได้เกิดเหตุการณ์อันน่าระทึกขวัญใดๆ ขึ้นเลย ลูก้ายังคงตื่นเต้นดีใจกับการได้เห็นสัตว์ชนิดต่างๆ แถมก่อนกลับผมยังอ้อนขอให้คุณคาลวินซื้อตุ๊กตาตัวใหม่ให้ลูก้าได้สำเร็จ แถมด้วยบอดี้สูทรูปสิงโตที่ลูก้าชอบมาก ผมต้องเอาให้แม่บ้านรีบนำไปซักอบ เพื่อที่จะได้ให้ลูก้าเอามาใส่นอนทันที “คุณคาลวินฮะ อ่านนิทานเรื่องนี้ให้ลูก้าฟังอีกได้หรือเปล่าฮะ” ลูก้าเดินลากหนังสือนิทานเล่มใหญ่กว่าตัวเองปีนขึ้นมาบนเตียง แล้วไม่ลืมที่จะลากตุ๊กตาจระเข้หางขาดตัวโปรดขึ้นไปนอนข้างๆ ด้วย วันนี้สถานการณ์คล้ายกับเมื่อคืนก่อนคือลูก้าได้ของเล่น ตุ๊กตา หนังสือภาพมาใหม่หลายชิ้นทำให้เห่อของเล่นจนไม่ยอมนอน เป็นเหตุให้คุณคาลวินต้องลงมาตามผมอีกครั้ง “ทำไม ติดใจนิทานที่ฉันเล่าให้ฟังแล้วอย่างนั้นเหรอ” “ฮะ ...ลูก้าชอบฟัง” เจ้าสิงโตตัวอ้วนกระปุ๊กลุกคลานเข้ามานอนซุกอยู่ตรงกลางระหว่างเราสองคน “นายนี่มันเรื่องมากจังเลย” พ่อมาเฟียขี้บ่นทำท่าฮึดฮัดเหมือนไม่เต็มใจ แต่ขยับอุ้มเจ้าตัวป่วนเข้าไปนั่งใกล้ๆ แถมยังแอบขโมยหอมแก้มซาลาเปานั้นด้วย “อันนี้ฮะ...” นิ้วชี้จิ้มลงไปยังรูปฉลามใหญ่ เมื่อเด็กน้อยถูกกล่อมนอนหลับไปเป็นที่เรียบร้อย คุณคาลวินลากผมมานอนแผ่ลง ตรงมุมเครื่องเล่นเสริมพัฒนาการเด็กเหมือนเคย หากแต่วันนี้หัวสมองของผมมีเรื่องให้คิดหลายอย่าง “เดี๋ยวครับ อย่าเพิ่ง” ผมยื่นมือออกไปยันแผงอกนั้นไว้ “ทำไม ฉันอุตส่าห์ช่วยกล่อมลูก้าให้นายแล้วนะ” “คุณคาวินครับ พวกเมื่อกลางวัน เป็นใครอย่างนั้นเหรอครับ” “ไม่มีอะไรหรอก แค่นักเลงกระจอก คงคิดจะจับนายกับลูก้าไปเรียกค่าไถ่ละมั้ง” “นักเลงกระจอก แล้วทำไมพวกมันถึงเลือกผมกับลูก้าล่ะครับ” ผมขบคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงบ่าย เพราะจะว่าไปแล้วผมกับลูก้าเร่ร่อนกันมานานเกือบปี จากวันนั้นถึงวันนี้ลูก้าโตจนแทบไม่มีเค้าโครงรูปหน้าเดิม ส่วนผมที่เป็นลูกนอกสมรสของพ่อ ไม่เคยได้รับการยกย่องหรือออกงานพบปะใครมาก่อน หรืออาจเรียกว่าผมไม่เคยอยู่ในสายตาใคร ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีใครจดจำเราสองคนได้ ดังนั้นหากจะเป็นพวกของคนที่เข้ามาฆ่าพ่อแม่ของเราจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือที่มันเลือกผมเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณคาลวิน.... “มันคงคิดจะใช้นาย มาต่อรองกับฉัน” “ต่อรองอย่างนั้นเหรอ อย่างผมเนี่ยนะครับ” ผมชี้นิ้วกลับมาหาตัวเอง “ฮึ...ทำไม” “ผมก็แค่...แค่เครื่องระบายอารมณ์ของคุณ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรขนาดนั้นสักหน่อย” “เครื่องระบายอารมณ์...อย่างนั้นเหรอ” นัยน์ตาคมเปลี่ยนเป็นขรึมเคร่งทันที “ผมพูดผิดเหรอ ถ้าอย่างนั้น คุณอยากเรียกผมว่าอะไร นายบำเรอ คนใช้ หรือว่า...” ผมถอนหายใจแล้วขยับลุกขึ้นมานั่งห่างๆ “รุซลัน นายหงุดหงิดอะไร” “หงุดหงิดสิ ผมอยู่ของผมดีๆ ต้องมาซวยถูกจับตัวไป ดีเท่าไหร่ที่ผมฉลาด เลยทิ้งรอยให้คุณตามมาได้ แล้วที่นั่นก็พลุกพล่านมากพอที่พวกนั้นจะไม่ฆ่าปาดคอผมกับลูก้า ไม่อย่างนั้นตอนนี้ในทีวีอาจมีข่าวฆาตกรรมอำพรางศพแล้วก็ได้” “นายคิดว่าฉันจะปล่อยให้นายกับลูก้าเป็นอะไรไปง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดี คุณกลับห้องไปเถอะ” ผมออกปากไล่เจ้าของบ้าน “นายว่ายังไงนะ” “ผมหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี วันนี้ไม่มีอารมณ์ปรนนิบัติคุณหรอก” “แต่นายสัญญากับฉันแล้วว่า คืนนี้นายจะ...ตามใจฉัน” “โมฆะไง รู้จักมั้ยล่ะ...คุณเห็นมั้ยเนี่ยหน้าผากผมเขียวอยู่นี่ ใครจะมีอารมณ์ได้ลง” “นี่โกรธจริงเหรอ” “ใช่น่ะสิครับ ผมไม่รู้ไม่เห็น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคุณสักนิด อยู่ๆ ก็โดนจับตัวไป ลูก้าต้องมาเสี่ยงอันตราย คุณรู้หรือเปล่าว่าผมโกรธ ก็หงุดหงิดแค่ไหน” “แล้วคืนนี้...” “งดครับ” “งดได้ยังไง ไม่ยุติธรรมเลย ฉันอุตส่าห์วิ่งตามรอยน้ำนมหก กับขาตุ๊กตาหักๆ นั่นไป” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดี” “ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ฉันทำให้นายหายหงุดหงิดเอง” “คุณนะเหรอครับ จะทำให้ผมหายหงุดหงิด” “นายคิดว่าฉันนอนเฉยๆ เป็นอย่างเดียวหรือไง” “คุณ...จะทำเองเหรอ?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม